บทที่ 9
เจมส์เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้...ว่าดยุคกับดัชเชสแห่งนอร์ธโคทกับลูกๆทั้งเก้าคนของพวกเขานั้น ไม่ใคร่จะปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของสังคมเท่าไรนักและเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีความสุขสนุกสนานอย่างยิ่ง และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขายินดีที่จะคบหากับซิลเวอร์ธอร์น ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวนี้
“ในความคิดเห็นของผมแล้ว เรื่องอากาศนี่เป็นเหตุผลที่ดีมากเลยนะ โดยเฉพาะในฤดูเลือกคู่ของชาวสังคมแห่งลอนดอนขณะนี้” หางเสียงของเขาคล้ายจะหยันเยาะและซิลเวอร์ธอร์นก็ดูจะอ่านความคิดของเพื่อนออก
“ในเมื่อคุณมีความรู้สึกอย่างนี้ แล้วทำไมถึงมาร่วมงานนี้กับพวกเขาด้วยล่ะ?”
“ก็เพราะผมได้รับเชิญน่ะสิ”
ซึ่งต่างฝ่ายต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าใครคือผู้เชิญตน...
“นั่นสินะ ผมพอจะมองเห็นแล้วละ ว่าทำไมคุณถึงปฏิเสธคำเชิญไม่ได้”
“อย่างน้อยคุณก็รู้ละว่ามีใครร่วมเล่นเกมปิศาจนี่บ้าง...” เจมส์พูดเสียงเบา “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นคนเดียวในงานนี้ที่ผมจำได้ และคุณก็ยังเป็นคนเดียวอีกเช่นกันที่จำผมได้”
ลอร์ดซิลเวอร์ธอร์น ถอยหลังห่างออกไปเล็กน้อยและพิจารณาใบหน้าของเจมส์อยู่
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะเกรย์สโตน ว่าทำไมรูปร่างหน้าตาคุณ ยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่เราเรียนหนังสืออยู่ด้วยกัน ถ้ามันจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างก็น้อยมาก”
“คุณเองก็เช่นเดียวกันนั่นแหละ ซิลเวอร์ธอร์น”
และทันใด บุรุษผู้เป็นเพื่อนรักแต่วัยเรียนก็ลดเสียงลงเมื่อกล่าวว่า
“เตรียมตัวให้ดี”
“ทำไม?”
“ตอนนี้เคานท์ดูเปรกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเรา”
“เคานท์...อะไรนะ?”
“ดูเปร...เป็นทั้งองครักษ์และมือขวาของเจ้าหญิงซีซิล”
“ก็แล้วที่คุณพูดมานี่มันหมายความว่ายังไงกันเล่า...?”
แต่ดูเหมือนเพื่อนรักของเขาจะไม่มีเวลาพอที่จะตอบ เมื่อบุรุษร่างเล็ก ผมบางคนหนึ่ง เดินเข้ามาหยุดยืนตัวตรงอยู่ต่อหน้าและโค้งคำนับอย่างสุภาพทว่าไว้ตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขาว่า
“ลอร์ด ซิลเวอร์ธอร์น...ลอร์ด เกรย์สโตน...กระผมขอแนะนำตัวว่ากระผมคือ เคานท์ ดูเปรขอรับ”
“สวัสดีขอรับ เคานท์ ดูเปร” ชายหนุ่มทั้งสองตอบออกไปพร้อมกันและท่านเคานท์ก็หันมาทางเจมส์
“เจ้าหญิงซีซิลแห่งแซง-ซีเมียง มีรับสั่งให้นำท่าน...ลอร์ด เกรย์สโตน...ไปแนะนำให้ทรงรู้จักเสียก่อน ที่จะเสด็จออกลีลาศด้วยกันขอรับ”
“ลีลาศ...อะไรหรือขอรับ...?” คำถามนั้นพลั้งออกจากปากโดยยั้งไม่ทัน แต่กระนั้นก็พอจะเรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าเคร่งขรึมของอีกฝ่ายหนึ่งได้
“กระผมคงไม่ได้พูดอะไรผิดมิใช่หรือขอรับ...ท่านคือเจมส์ เกรย์ เอิร์ลแห่งเกรย์สโตนไม่ใช่หรือขอรับ?”
“”ถูกต้องแล้วขอรับ” เจมส์ตอบงงๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ผิดหรอกขอรับ เพราะท่านคือสุภาพบุรุษที่ได้รับเกียรติลีลาศกับเจ้าหญิงในเพลงอันดับต่อไปนี้แหละขอรับ” เมื่อพูดจบท่านเคานท์ก็เบี่ยงกายไปทางหนึ่งพร้อมกับผายมือ “กรุณาตามกระผมไปได้แล้วขอรับ ท่านลอร์ดเกรย์สโตน”
“แล้วเราค่อยพบกันใหม่นะเพื่อน” ซิลเวอร์ธอร์นตบหลังเพื่อนรักเบาๆก่อนจะแยกตัวจากไป
มันจะต้องมีความผิดพลาดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน เจมส์ครุ่นคิดอยู่ในใจขณะเดินตามราชองครักษ์ของเจ้าหญิงไป...
เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงถูกจับคู่ให้เต้นรำกับเจ้าหญิง...
ครั้งหลังสุดที่เขาเคยเต้นรำกับผู้หญิงสักคนหนึ่งมันเมื่อไรกันแน่...?
แล้วครั้งหลังสุดที่เขาได้โอบร่างหญิงสาวซึ่งจะเป็นใครก็ตาม เข้าไว้ในวงแขนนั้น...มันเมื่อไรกันเล่า...?
เจมส์ด่าตัวเองอยู่ในใจที่สมองของเขาไม่ได้เก็บความทรงจำในส่วนนี้ไว้เลย สงสัยว่าเขาจะต้องขัดสนิมด้วยการออกสังคมให้บ่อยครั้งขึ้นเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเต้นรำที่จะต้องฝึกปรือกันใหม่...แต่ทันใดเขาก็สัมผัสได้ว่า กำลังมีสายตามากมายหลายคู่ที่จับจ้องมองความเคลื่อนไหวของเขากับท่าน
เคานท์อยู่
“รู้สึกว่ามีคนเป็นร้อยที่มองตามเรามา...ใช่ไหมขอรับท่านเคานท์?”
“คิดว่าคงเป็นเช่นนั้นขอรับ ลอร์ด เกรย์สโตน” เคานท์ดูเปรตอบ
“แต่กระผมคิดว่าทุกคนที่นี่มีความสนใจในเจ้าหญิงมากกว่า ไม่มีใครเขาสนใจกระผมหรอก”
เจมส์กล่าวต่อ
“มันก็ทั้งใช่และไม่ใช่ขอรับ ใต้เท้า อย่างไรก็ตาม มันเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวงนะขอรับ ที่ทรงเลือกท่านเป็นคู่ลีลาศในคืนนี้”
มันเป็นคำตอบที่ทำให้เจมส์คอแข็งขึ้นมาทันที เพราะคล้ายกับเขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะได้รับเกียรตินั้นเสียเอง แต่จะอย่างไรก็ตาม ขณะนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อล้อต่อเถียงอะไรกับราชองครักษ์คนนี้ เขาจึงได้แต่ตอบไปตามเพลงว่า
“ก็คงจะจริงอย่างที่ท่านว่าละขอรับ”
ซึ่งตอนนั้นทั้งตัวเขาและเคานท์ ดูเปรอยู่ห่างจากจุดหมายเพียงแค่สิบฟุตเท่านั้น เจมส์หรี่ตาลงขณะมองภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าก่อนจะกระซิบถามราชองครักษ์ว่า
“ช่วยกรุณาบอกหน่อยเถอะขอรับ ว่าสุภาพบุรุษร่างๆสูง ผมสีดำที่ยืนอยู่เคียงข้างสุภาพสตรีในชุดสีขาวนั่นคือใครหรือขอรับ?”
“ท่านคือเจ้าชายโรดอล์ฟ ทรงเป็นท่านอาของเจ้าหญิงขอรับ” เป็นคำตอบที่ค่อนข้างระมัดระวังของราชองครักษ์
ซึ่งจากคำตอบนั้นทำให้เจมส์รู้ได้ทันที ว่าได้เข้ามาอยู่เบื้องพระพักตร์ของเจ้าหญิงแล้ว ขณะที่เธอกำลังรับสั่งอะไรบางอย่างอยู่กับเจ้าชาย
และแล้วเขาก็ได้ยินพระสุรเสียงที่กำลังรับสั่งอยู่นั้น เขาแน่ใจอย่างที่สุดว่า เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เขาหลับตาลง...จริงด้วย...เขาเคยได้ยินเสียงพูดนี้มาแล้วอย่างแน่นอน...เป็นเสียงเดียวกันกับที่เขาได้ยินในสวนดอกไม้เมื่อก่อนหน้านี้เพียงคืนเดียว เป็นเสียงพูดของผู้หญิงในชุดขาวคนนั้น...!
เคานท์ดูเปรหยุดเดินลง...และเจมส์ก็ทำตาม...
เจ้าหญิงผินพระพักตร์มา สายพระเนตรหยุดอยู่ที่เคานท์ดูเปร
“มีอะไรหรือคะ ท่านเคานท์...?”
“ใต้ฝ่าพระบาท ขณะนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้เชิญท่านลอร์ด เกรย์สโตน ผู้ที่ทรงประทานเกียรติให้เป็นคู่ลีลาศในเพลงต่อไป มาเข้าเฝ้าอยู่เบื้องพระพักตร์แล้วพระเจ้าค่ะ
เมื่อสมุหราชองครักษ์รายงานจบ เจ้าหญิงก็ผินพระพักตร์มาทางเขา...
และทันใด ลอร์ด เกรย์สโตนก็มีความรู้สึกเหมือนพื้นห้องที่รองรับอยู่ใต้ฝ่าเท้ายุบยวบลง ในที่สุด ความเป็นไปไม่ได้กลายเป็นความเป็นไปได้ขึ้นมาแล้ว ทว่า...มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย...มันคล้ายกับความจริงได้กลายเป็นสิ่งโกหก และสิ่งที่โกหกนั้นได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ในยามนี้โลกของเขาราวถูกจับให้กลับหัวกลับหางไปหมดสิ้น...
“สวัสดีค่ะ ลอร์ดเกรย์สโตน” เจ้าหญิงเอ่ยชื่อเขาออกมาด้วยสำเนียงอังกฤษอย่างชัดเจน
เจมส์ต้องบังคับตัวเองด้วยความยากลำบากเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้
“ใต้ฝ่าพระบาท...” เขาถวายคำนับต่ำสุด
“ฉันรอเวลาที่จะได้ออกไปเต้นรำกับคุณอยู่”
“เช่นเดียวกันพระเจ้าค่ะ”
เสียงนั้น...เขากล้ายืนยันว่าเคยได้ยินเสียงพูดนั้นมาแล้ว...
และยังใบหน้านั้น...เขาก็กล้ายืนยันอีกว่า เขาได้เคยเห็นใบหน้าที่เป็นพระพักตร์ของเจ้าหญิงในยามนี้มาแล้วด้วย...
ที่เขาสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำก็เพราะใบหน้านี้ที่ตามหลอกหลอนอยู่แต่ในความฝันของเขามาโดยตลอด...
เจ้าหญิงต้องใช้ความพยายามควบคุมพระองค์เองอย่างมาก ที่จะไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ที่บ่งบอกว่าทรงจำเขาได้ให้ปรากฏ ทั้งนี้เพราะบุรุษผู้มีเรือนร่างสูงสง่าและกำลังยืนอยู่เบื้องพระพักตร์ คือบุคคลเดียวกับคนแปลกหน้าที่ทรงดำเนินเคียงและสนทนาด้วยภายในสวนไม้ดอกที่เชื่อมต่ออยู่ระหว่างเกสท์ เฮ้าส์กับคอร์ก เฮ้าส์ ในราตรีที่เพิ่งผ่านมา
เขาจะทำให้พระองค์ขายพระพักตร์ไม่ได้เป็นอันขาด จะต้องไม่ใช่ที่นี่...จะต้องไม่ใช่เวลานี้...จะต้องไม่ใช่ต่อหน้าท่านอาและเคานท์ดูเปร รวมทั้งข้าราชบริพารทั้งหลายและประการสำคัญต่อหน้าชาวสังคมชั้นสูงแห่งอังกฤษ
จะต้องไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงกันพบปะกันในอุทยานแห่งนั้น ความรู้สึกกังวลทำให้ทรงลอบถอนพระทัยอยู่ ทั้งนี้เพราะเหตุผลที่สำคัญยิ่งสิ่งใดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นพระองค์เองหรือราชวงศ์กิราเดท์ ย่อมไม่อาจทนต่อการถูกหยามพระเกียรติเมื่อปฏิบัติพระองค์ไม่เหมาะสมเช่นนั้นได้
แม้เจ้าหญิงจะทรงหวังว่าบุรุษผู้มีนามว่า ลอร์ดเกรย์สโตน จะไม่เปิดเผยความลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ทรงต้องการความมั่นใจ ว่ามันจะไม่มีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น ซีซิลจึงสืบพระบาทเข้าไปหาเขา
“ฉันคิดว่าถึงเพลงของเราแล้วละค่ะ ลอร์ดเกรย์สโตน”
สีหน้าของเขาไร้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น ไม่อาจบอกให้ทรงรู้อะไรเลย ซึ่งทำให้เจ้าหญิงโล่งพระทัยแต่ก็ยังอดกังขาไม่ได้ ทรงแน่ใจอย่างที่สุดว่าเขาจะต้องจำพระองค์ได้...แต่ทำไม...?
และแล้ว...ซีซิลก็ทรงนึกขึ้นมาได้ ว่าในราตรีที่พบกันนั้น ทรงซ่อนพระพักตร์อยู่ใต้ฮู๊ดของฉลองพระองค์คลุม ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ ที่ลอร์ดเกรย์สโตน จะจำสตรีที่เขาพบในอุทยานคนนั้นไม่ได้
“ใช่พระเจ้าค่ะ...นี่คือเพลงที่ทรงประทานเกียรติเต้นรำกับข้าพระพุทธเจ้า”