บท
ตั้งค่า

บทนำ : แตกดับ

‘เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นเพียงอดีตที่น่าจดจำ'

จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ณ แคว้นต้าหลิ่ง ปีต้าฉือที่สิบ

หยางเยว่ลี่

กรับ..กรับ..กรับ

ฮี๊..ฮี๊...ฮี๊....

เสียงย่ำกลีบเท้าม้าดังไปทั่วสรรพางค์ตลอดแนวสันเขาอันสูงชัน กลุ่มผู้ติดตามที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นยมทูตดีๆนี่เอง คอยควบม้าตามติดไม่ห่าง ถัดหลังม้าของผู้ติดตามยังมีชาวบ้านล้านตลาดที่แห่แหนกันขับไล่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกบฏบ้านเมืองอย่างเอาเป็นเอาตาย เหตุเพราะการลอบปลงพระชนม์พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้อันมีตระกูลหยางเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งเดียวที่มอบให้นอกจากต้องรับโทษประหารแล้วจะเป็นอะไรได้อีก

หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีผู้บังคับม้าต่างไม่มีแม้กระจิตกระใจจะหยุดพัก เพราะต่อให้ตัวต้องตายอย่างไรก็ไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าความบริสุทธิ์นี้จะกระจ่าง ถึงแม้ว่าการห้ามปรามจะถูกเอ่ยจากปากผู้เป็นบิดามารดาที่ใกล้สิ้นอายุขัยแล้วก็ตามที

“อินเอ๋อร์ ลี่เอ๋อร์ หยุดม้าเถอะลูก พ่อกับแม่เจ้าไปต่อไม่ไหวแล้ว” หญิงชราหรือก็คือฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของจวนสกุลหยางเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก มือที่เคยอ่อนนุ่มแต่บัดนี้เหี่ยวแห้งคอยประคองกอดเอวเล็กของบุตรีบนหลังม้าไว้แน่น ใช่ว่าแต่เดิมผู้เป็นบิดามารดาหาใช่ไม่มีวรยุทธ์ เพียงแต่หากใช้เวลานี้ทั้งที่ตนไม่ผิด ก็รังแต่จะเพิ่มความเลวร้ายให้กับตน เห็นหรือไม่เล่าฮ่องเต้ ตระกูลของข้าซื่อสัตย์แม้กระทั่งจะตายอยู่แล้ว ก็ยังไม่ใช้วิชาเซียนที่มีทั้งดีและเลวทำร้ายผู้คน เท่านี้ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโอรสสวรรค์ยังไม่กระจ่างอีกรึ หยางเยว่ลี่ได้แต่คับแค้นในอก

“ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกท่านพ่อท่านแม่ อย่าลืมสิว่าพวกเราต่างหากที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านเสนาบดีจะต้องชดใช้กับเรื่องนี้ ข้าขอสาบานว่าถ้าหากข้ายังไม่ตาย ข้าจะกลับมาล้างแค้นพวกมันให้หมด” หยางเยว่อิน สบถคำสาบานออกมาด้วยเสียงอันดัง ถึงแม้ว่าเสียงควบม้าจะดังเข้ามาใกล้ แต่ด้วยเกียรติแห่งอดีตแม่ทัพไร้พ่ายนี้ เรื่องใช้กำลังมิใช่ปัญหา

“พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นสตรีแต่ข้าก็ไม่ขอยอมแพ้เช่นท่าน เราจะสู้ไปด้วยกัน ต่อให้คนทั้งโลกนี้จะรังเกียจพวกเราตระกูลหยาง แต่ถ้าหากมีท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่อยู่ด้วย ข้าก็จะไม่กลัวอะไร” หยางเยว่ลี่ บุตรีคนสุดท้องเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ถึงแม้เวลานี้นางจะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะแต่งออกไปให้กับเจ้าสำนักหงส์มังกรดำ ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงพระนัดดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ความรักไหนเล่าจะเท่าความกตัญญูที่มีต่อบิดามารดา หากวันใดที่เจ้าสำนักหลี่ไท่มู่จงหมดรักในตัวนางแล้ว นางก็ไม่ต่างอะไรกับสตรีไร้ค่าผู้หนึ่ง

“ดี ดีมากลี่เอ๋อร์ ข้าไม่เคยผิดหวังที่มีน้องอย่างเจ้าเลยซักครั้ง ย๊า!!” เมื่อพูดคุยกันให้หายกังวลแล้ว หยางเยว่อินจึงรีบควบม้าให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า ก่อนจะตามหลังด้วยหยางเยว่ลี่ที่คอยจับมือมารดาไว้ข้างหนึ่ง

“ทนอีกหน่อยเถิดท่านแม่ เราใกล้จะถึงหุบเขาปีศาจกินคนแล้ว พอถึงที่นั่น ก็คงไม่มีใครตามเราเข้าไปเป็นแน่”

“ละ..ลี่เอ๋อร์ จะ..เจ้าแน่ใจได้อย่างไรกัน...” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม

“ท่านอย่าลืมสิเจ้าคะ ว่าตระกูลเรายังมีลูกแก้วหงส์มังกรจากท่านเซียนที่ประทานให้บนสรวงสวรรค์ ท่านแม่วางใจเถิด จะไม่มีภูตผีหรือปีศาจตนใดทำอันตรายพวกเราสี่คนได้แน่ ย๊า!!” ปลอบมารดาเสร็จจึงรีบควบม้าตามไป

เป็นที่รู้กันดีว่านับตั้งแต่บรรพกาล ตระกูลหยางนั้นเป็นผู้สืบทอดวิชาเซียนธรรมมะหงส์มังกรฟ้า หรือหงส์มังกรเซียนที่ผนึกพลังเซียนของสัตว์มงคลจากสวรรค์มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ด้วยเหตุที่ว่าบรรพบุรุษตระกูลหยางยึดมั่นและศรัทธาต่อเทพเซียนมาหลายชั่วอายุคน ควบคู่ไปกับการค้าขายที่เป็นธรรม ทำให้เมื่อตายไปบรรพบุรุษจึงไปเกิดเป็นเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ และเฝ้ารับใช้เง็กเซียนฮ่องเต้จนได้รับพระราชทานหงส์มังกรฟ้ามา เมื่อระลึกชาติได้ครั้งหนึ่ง จึงลงมาเข้าฝันผู้สืบเชื้อสายของตน แล้วประทานลูกแก้วหงส์มังกรฟ้าให้ ว่ากันว่าหากผู้ใดได้ครอบครองลูกแก้ววิเศษนี้ จะนำความผาสุข อำนาจวาสนา และความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่วงศ์ตระกูล

จวบจนปัจจุบันแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีผู้ที่ปราถนาจะครอบครอง แต่เมื่อไปอยู่กับผู้ที่มิใช่เชื้อสายของตระกูลหยาง ต้องมีอันเป็นไปแล้วนำมาส่งคืนเสียทุกครั้ง แม้กระทั่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่เคยกระหายอำนาจเมื่อยังหนุ่ม ยังต้องเกรงพระทัย จึงได้ยกให้ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาอำนาจแห่งแคว้นต้าหลิ่ง เพียงตระกูลเดียวที่มาจากคหบดี แต่ภายหลัง บุตรชายคนโตของหยางเยว่สือ คือหยางเยว่อิน จึงรับใช้ราชสำนักด้วยการเป็นแม่ทัพคนโปรดเมื่อหลายปีก่อน นับว่าเวลานี้ตระกูลหยางไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าผู้ใด

แต่เมื่อยามสุขก็สุข ยามทุกข์ก็ทุกข์แสนสาหัสเช่นกัน ใช่ว่าในโลกนี้ตระกูลที่เพียบพร้อมอย่างตระกูลหยางจะหามีคนหมั่นไส้ไม่ ภายหลังข่าวลือพระราชทานอนุอย่างไม่เป็นทางการเพื่อบำเหน็จให้สำนักหงส์มังกรดำอีกคน แต่ยังไม่ทันได้ออกราชโองการ ข่าวการสิ้นพระชนม์กะทันหันของพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ก็เข้ามาแทรก ด้วยเหตุนี้จึงเปิดช่องให้ผู้ที่ไม่หวังดีกล่าวอ้างตระกูลหยางมากมาย ว่าเป็นตัวการในการลอบปลงพระชนม์ เหตุเพราะฮูหยินใหญ่ตระกูลหยางมีความสัมพันธ์ฉันคนสนิทกับพระสนมมากเกินไป ทำให้ผู้ที่สามารถกระทำการอุคอาจนี้ได้ จึงมีเพียงฮูหยินหยางเท่านั้น ถึงแม้ว่าการไต่สวนจะค่อนข้างมีระบบ แต่คนเหล่านั้นมักเป็นคนของเสนาบดีฝ่ายความมั่นคงที่ไม่ถูกชะตากับตระกูลหยางมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้การไต่สวนมีแต่ความตึงเครียด สุดท้ายก็จบลงที่การนองเลือดในแบบนักโทษไปพักใหญ่ๆ

ในระหว่างถูกแห่ประจานเพื่อรับโทษประหาร แม่ทัพไร้พ่ายหยางเยว่อินและฮูหยินแห่งเจ้าสำนักหยางเยว่ลี่ ที่รอดพ้นจากการลอบปลงพระชนม์อย่างหวุดหวิดจึงวางแผนช่วงชิงนักโทษ ในคราแรกนั้น หยางเยว่ลี่เพียงอยากขอความช่วยเหลือจากสามีนาง ซึ่งก็คือเจ้าสำนักหงส์มังกรดำ แต่ว่าตอนนี้ ในใจนางกลับคิดแต่เรื่องที่ฮ่องเต้จะทรงพระราชทานอนุให้กับเขา แล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ ด้วยสามีนางเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากความเงียบเท่านั้น นางจึงคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะขอร้องให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยนาง ซึ่งถูกคนทั้งเมืองตราหน้าว่าเป็นบุตรีกบฏ สังหารได้แม้กระทั่งท่านย่าของสามีตน หยางเยว่ลี่ได้แต่ตัดพ้อเจ้าสำนักหลี่ในใจ มีเพียงสิ่งเดียวที่นางจะทำได้ในตอนนี้ก็คือช่วยครอบครัวของนางก่อน หาไม่แล้ว ถ้าท่านพ่อกับท่านแม่ต้องจากนางไป นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนสิ้นอายุขัยที่แท้จริงเป็นแน่

“มอบตัวให้กับทางการเสียเถอะท่านแม่ทัพ แล้วพวกเราจะร่วมกันขออภัยโทษให้แก่ท่านและฮูหยินแห่งเจ้าสำนักเอง” หนึ่งในขุนพลทหารที่ตามมาจนถึงทางเข้าหุบเขาปีศาจกินคนร้องบอก แม่ทัพหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็โกรธจัดจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่

“ข้าเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่าย ความตายที่ประทานให้แค่นี้ ข้าไม่เคยเกรงกลัว แต่หากต้องให้พ่อกับแม่ข้ามาตายเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้านั้นย่อมยอมไม่ได้”

“แต่ท่านก็รู้ว่าการขัดพระราชประสงค์จะต้องเป็นเช่นไร หากไม่ประหารแค่ใต้เท้าหยางกับฮูหยิน ก็อาจจะทั้งตระกูลหยางก็ได้ ”

“บังอาจ!! ผู้อื่นจะดูแคลนข้านั้นไม่เคยว่า แต่อย่ามาดูแคลนท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเป็นพอ หาไม่แล้วมันผู้นั้นจะต้องตาย ตระกูลของข้านั้นไม่ผิด เพราะฉะนั้นพวกข้าจะไม่มีวันยอมอีกต่อไป!! ”

“แต่ว่าท่านแม่ทัพ....” ถึงจะลำบากใจแค่ไหนแต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ใครเล่าจะไม่รู้ว่าตระกูลหยางนั้นถึงไม่รับใช้ราชสำนักอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็เปรียบเสมือนพระญาติสนิทของราชวงศ์ไปแล้ว แต่การลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เกรงว่านอกจากจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลแล้ว คนที่น่าสงสารที่สุด เห็นจะเป็นคุณหนูคนเล็กที่ต้องฝืนทนอยู่กินกับพระนัดดาพระสนมเอก

“ถ้าพวกท่านอยากเข้ามาก็เข้ามาเถิด”

“ลี่เอ๋อร์? ”

ใบหน้างดงามล่มเมืองเอ่ยบอกน้ำเสียงแข็งกระด้าง จิตใจที่ล่องลอยไปไกลถึงสำนักบนหุบเขาสูงชันมิอาจซ่อนน้ำตาแห่งความสิ้นหวังทิ้งได้ หยางเยว่ลี่คอยประคองกอดมารดาเอาไว้แนบกายแล้วแบกร่างชรายกขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล ผู้คนรอบข้างที่บ้างก็วิ่งมาถึงเมื่อเห็นภาพนั้นก็ใจอ่อนลง บางคนมองแล้วยังอดเวทนาระคนสงสารมิได้ สตรีบอบบางที่ผู้คนต่างรักใคร่เอ็นดูเช่นนั้น แต่กลับต้องมาแบกมารดาที่ชราก่อนวัยขึ้นหลังด้วยความยากลำบาก เห็นแล้วสะเทือนใจยิ่งนัก

ฮูหยินน้อยนะฮูหยินน้อย ลำพังบารมีท่านเจ้าสำนักสวามีของนางคงพอคุ้มกันชีวิตนางได้ แต่การกระทำผิดต่อพระราชโองการเช่นนี้ คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะลบล้าง

“เรียนท่านทหารองครักษ์ที่เคารพทุกท่าน หลังจากนี้คงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว จงนำความนี้ฝากถึงฮ่องเต้ด้วยเถิดว่า หากอยากประหารครอบครัวข้าจริง ไม่สู้ให้พวกข้าฆ่าตัวตายกันเองไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อย...พ่อกับแม่ข้าจะได้ทรมานน้อยลงไปซักสามส่วน”

“ลี่...เอ๋อร์...” ฮูหยินหยางครางเรียกชื่อบุตรีด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มีบางคนที่วิ่งเข้ามาอยากเอาน้ำมาให้ดื่มดับกระหาย แต่ก็ถูกนางโบกมือตัดหน้า

“ที่บนหุบเขานี้มีปากปล่องไฟโลกัณฑ์ที่เชื่อกันว่า สามารถเผาทำลายทุกสิ่งจนมอดไหม้ ข้าจะพาพวกเขาไปที่นั่นเอง”

“ลี่เอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าที่ตรงนั้นกว่าจะไปถึงไม่ใช่เรื่องง่าย เกรงว่าเจ้าจะถูกปีศาจกัดกินจนตายเสียก่อน”

“วางใจเถิดท่านพ่อ ข้าเชื่อว่าพวกเราจะปลอดภัยจนถึงปากปล่องนั่น” ร่างบอบบางหมุนตัวกลับด้วยความยากลำบาก หยางเยว่อินคอยมองตลอดทางแล้วจึงแบกร่างบิดาขึ้นบ้าง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเสร็จดี ความเร็วของลูกธนูที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พุ่งเข้าใส่ที่ต้นขาของหยางเยว่อิน เป็นเหตุให้ใต้เท้าหยางตกจากหลังนอนหายใจรวยริน

“โอ๊ย!! ”

“ท่านพี่!! / ท่านพ่อ!!” ทั้งสามประสานเสียงพร้อมกันแล้ววิ่งไปดูใจ

“ฮืออออ ท่านพี่ ท่านอย่าทิ้งข้ากับลูกไปนะเจ้าคะ”

ฮูหยินหยางร้องบอกทั้งน้ำตา เวลานี้กล่าวได้ว่าทั่วทั้งหุบเขาปีศาจกินคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ชาวบ้านที่วิ่งมาเพื่อหวังจะรุมประชาทัณฑ์เปลี่ยนเป็นหวาดกลัว บ้างก็วิ่งหนีเอาตัวรอด บ้างก็เกาะกลุ่มกันไว้ แต่ดูเหมือนยิ่งโวยวายก็ยิ่งแย่ เมื่อลูกธนูนับสิบพุ่งเข้าใส่ผู้คนจนล้มตายเกือบหมด มีเพียงทหารแค่ไม่กี่คนกับสี่ชีวิตตระกูลหยางที่ยังคงปักหลักอยู่ตรงนั้นในสภาพล่อแล่

“ลี่เอ๋อร์ ร..รีบหนีไป...” หยางเยว่อินกระซิบบอกน้องสาวเบาๆ แต่นางกลับส่ายหน้า

“ถ้าหากเจ้าไม่ไปตอนนี้ ลูกแก้วหงส์มังกรจะต้องตกอยู่ในมือคนชั่ว...อั๊ก!!”

“ท่านพี่!!” ลูกธนูพุ่งเข้าใส่หยางเยว่อินจนกระอักเลือดทางปาก เขาเหลือบมองบิดามารดาที่กอดกันสิ้นใจตายไปต่อหน้าด้วยความขมขื่น

“ละ..ลี่เอ๋อร์..” หยางเยว่อินบีบไหล่นางและเอ่ยปากอย่างทรมาน “ สะ...สำนัก...จะ..จิ้ง..จอก...มาร..”

“ทะ..ท่านพี่!! ท่านพี่เจ้าคะท่านพี่!! ท่านพี่อย่าทิ้งข้าไป ฮือๆๆๆ”

หยางเยว่อินกล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก ก่อนจะสิ้นใจตายเพราะทนพิษบาดแผลและความเมื่อยล้าไม่ไหว ทำให้ตอนนี้นอกจากซากศพของคนเป็นร้อยแล้ว ก็มีแต่นางที่ยังยืนปาดน้ำตาปักหลักอยู่ตรงนั้น รอคอยกลุ่มเงาดำมืดที่วิ่งตรงเข้ามา

‘เหตุที่ข้ายังอยู่ไม่อาจตายได้ทันที นั่นเพราะข้ามีลูกแก้วหงส์มังกรคอยปกปักรักษา รออีกหน่อยเถิด...ข้ากำลังจะคืนให้แล้วนับจากนี้’

“ไม่คิดว่าเจ้าจะยังอยู่ ” เสียงแหลมเล็กภายใต้ผ้าคลุมสีดำบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นสตรี

“เปิดหน้าเจ้าออกเถิด ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร” บอกด้วยเสียงอ่อนแรงเต็มทน

“ข้าจะเปิดก็ได้ แต่เจ้าต้องเอาลูกแก้วหงส์มังกรมาให้ข้าก่อน ข้าถึงจะยอมทำตามที่เจ้าบอก”

“เช่นนั้นก็หามีประโยชน์อันใด ด้วยข้าเองก็ไม่ได้อยากเห็นใบหน้าอันน่ารังเกียจของเจ้านัก”

“บังอาจ!! หยางเยว่ลี่ เจ้าคิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหน ถึงกล้าใช้คำพูดต่ำๆกับข้าเช่นนี้”

“จงวางใจเถิด ข้าเองก็ไม่ได้สูงส่งไปกว่าเจ้านักหรอก เพียงแต่ข้าจะบอกเจ้าว่า ลูกแก้วนี้...เมื่อแต่แรกมีที่มาอย่างไร ข้าก็จะให้มันกลับไปแบบนั้น หากตอนนี้บรรพบุรุษของข้ารับรู้ได้จริง ข้าก็คงไม่เสียเวลายื่นมันให้กับเจ้า”

“หมายความว่าอย่างไร!!....”

“ข้าหยางเยว่ลี่ ทายาทตระกูลหยางเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ข้าขอใช้สิทธิ์แห่งความเป็นทายาทนี้ คืนของวิเศษให้กับท่านเซียนผ่านกายหยาบของข้า เมื่อท่านรับทราบแล้ว ขอให้ร่างของข้า จงแตกสลายไปพร้อมกับลูกแก้วด้วยเถิด ”

หยางเยว่ลี่หยิบลูกแก้วที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อออกมา ก่อนจะกลืนมันลงไปต่อหน้าต่อตาสาวชุดดำที่มีลูกน้องลายล้อมนับสิบ เพียงแค่สิ้นคำอธิฐาน พลันร่างของนางก็เปล่งแสงสว่างสีแดงเจิดจ้าขึ้นบนท้องฟ้า ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ร่างงดงามราวนางฟ้านางสวรรค์ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไล่จากล่างขึ้นบน ขณะเดียวกัน เจ้าสำนักหงส์มังกรดำได้ใช้วิชาครึ่งวิญญาณมาถึงในสภาพสะบักสะบอม ไม่มีแม้แต่ความลังเลที่จะเข้าไปคว้าตัวนางมากอดแนบกาย หากแต่กลับคว้าได้เพียงฝุ่นละอองที่ค่อยๆจางหายไปในอากาศ

“ลี่เอ๋อร์!! เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า!! ลี่เอ๋อร์!! ลี่เอ๋อร์อย่าเพิ่งทิ้งข้าไปลี่เอ๋อร์!! ลี่เอ๋อร์!!!!!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel