4
“อย่ามานั่งใกล้แม่ของเค้านะ” เด็กหญิงแยกเขี้ยวหวงแม่เมื่อเห็นว่าเพื่อนใหม่ไม่ยอมไปนั่งหน้ากับบิดา กลับมานั่งทางด้านหลังขนาบข้างกับมารดาของเธอ
“ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ” วินโดร์เงยหน้ามอง แววตาปริ่มไปด้วยหยาดน้ำเอ่อท้นเหมือนจะร้องไห้
“จ้ะ นั่งเลยจ้ะ” เห็นแล้วชไมพรนึกเอ็นดูปนสงสารไม่น้อย เพราะเด็กน้อยขาดแม่ตั้งแต่ลืมตาดูโลกนั่นเอง
“ผมตกกระป๋องแล้วเหรอครับนี่” วิวัฒน์เห็นเด็กๆ แย่งกันนั่งใกล้ชไมพร จึงพูดติดตลกเอ่ยแซวออกมา
“เค้าไม่ให้ตัวนั่งใกล้แม่เค้า” ร่างเล็กจ้อยของเด็กหญิงรีบปีนตักมารดามานั่งแทรกกลางระหว่างมารดากับเพื่อนใหม่ในทันที ก่อนจะกอดอกเชิดหน้าท่าทีหัวหมอใส่
“เป็นแม่ผมนะครับ ผมอยากมีแม่” วินโดร์เรียกคะแนนสงสาร วิวัฒน์กับชไมพรเผลอมองหน้ากัน ก่อนจะหน้าแดง
“หน้าด้าน มาตู่แม่เค้าไปเป็นแม่ตัวเองได้ยังไงกัน”
แล้วสงครามย่อยๆ ก็เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง เสียงเด็กน้อยทั้งสองเถียงกันทั้งขำ ทั้งตลก บางทีผู้ใหญ่ก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียอย่างนั้น
ที่ตลาดนั้นแผงขายของสด พืช ผัก ผลไม้ ครบครัน เธอเพิ่งรู้ว่าตลาดที่นี่เป็นของวิวัฒน์เพราะแม่ค้าแม่ขายทักทายเขากันยกใหญ่ และมองเธออย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าเขาพาเธอและบุตรสาวมาซื้อของ
หลายคนคิดว่าเธอเป็นภรรยาใหม่ของเขา แต่เธอรีบปฏิเสธในทันที หันไปมองบุตรสาวเห็นอีกฝ่ายกำลังเถียงกับเพื่อนใหม่คอเป็นเอ็น ดูท่าว่าจะไม่มีใครยอมใคร
“แม่บอกว่ากินผักน่ะดี” เด็กหญิงกอดอกเหมือนอวดภูมิรู้ของตัวเอง
“ผักไม่อร่อย เหม็นเขียว” เด็กชายทำหน้าปูเลี่ยน
“ไม่กินผักจะอึไม่ออก ผิวจะไม่ใส” เธอจำมาจากคุณครูที่โรงเรียน
“มันไม่อร่อย”
“แต่แม่เราทำอร่อยนะ พ่อนายทำกับข้าวไม่เป็นน่ะสิ” เด็กหญิงยิ่งเกทับ พอเห็นอีกฝ่ายหน้าเศร้าก็เริ่มหน้าเสียบ้าง ก่อนจะยกมือเล็กๆ ตบบ่า
“ไม่เป็นไร อย่าเศร้าไปเลย เราก็โดนล้อเหมือนกัน เวลาไปงานวันพ่อ ไม่มีพ่อน่ะ”
“เราก็โดนล้อ เวลาวันแม่อยากมีแม่ แต่เราไม่มี พ่อไปแทนแม่ทุกปี”
แอบได้ยินเด็กๆ คุยกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองเลยเผลอสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
การเดินตลาดในวันนั้นดูจะสนุกสนานสำหรับเด็กๆ เมื่อลืมเรื่องพ่อใครแม่ใครกันไปชั่วขณะ
“เคยกินไหม” เด็กชายเอ่ยถามเมื่อวิ่งไปที่ร้านขนมสายไหมเจ้าประจำ เขาเกิดที่นี่ เติบโตมาที่นี่ จนใครๆ รู้ว่าเด็กน้อยเป็นบุตรชายคนเดียวของวิวัฒน์
“เคยกิน” เด็กหญิงสนุกสนานกับความแปลกใหม่รอบกาย และเพื่อนใหม่คนเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้
“จะเอาสีอะไร มีสีเหลือง สีฟ้า สีชมพู”
“เราจะกินสีชมพู”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” เด็กชายเอ่ยบอก คนทำตัวเป็นป๋า พร้อมเปย์เต็มที่ยิ้มแฉ่ง ขณะควักเงินในกระเป๋าออกมา
“งั้นเย็นนี้จะให้นายไปกินข้าวฝีมือแม่เราที่บ้านก็ได้”
“เย้ๆ” วินโดวส์ทำท่าดีใจ
“ให้ไปกินแค่วันเดียวนะ” คนหวงแม่เริ่มคิดตรึกตรองตามประสาเด็กๆ
“ใจร้ายจัง”
“ถ้าทำตัวดีๆ รู้จักห้ามปรามพ่อนายไม่ให้มาจีบแม่เรา เราก็อาจจะให้นายไปกินบ่อยๆ”
“ไปทุกวันไม่ได้เหรอ” เด็กชายทำตาปริบๆ สายตาออดอ้อน
“ไม่ได้ เดี๋ยวนายมาแย่งแม่เรา”
“ไม่แย่งหรอก ไปทุกวันได้ไหม”
“ไม่ได้ อย่าเซ้าซี้สิ”
“ก็ได้” เด็กชายรับคำอย่างเสียไม่ได้
อาหารเย็นวันนั้น สองแม่ลูกได้ต้อนรับแขกพิเศษอีกสองคน...
“อร่อยจังเลยครับ” วินโดร์ร้องบอกเมื่อตักอาหารเข้าปาก
“บอกแล้วว่าแม่เราทำกับข้าวอร่อย” เด็กหญิงเกทับ ยืดอกอย่างภาคภูมิใจในตัวมารดาของตนเอง
“ผมมากินข้าวที่นี่ทุกวันได้ไหมครับ”
“ไม่เอาน่าวิน อย่าไปรบกวนน้าฝ้ายเขาลูก”
“แต่คุณน้าทำกับข้าวอร่อยนี่ครับ” วินโดร์หน้าหงอ ก้มงุดๆ เมื่อโดนบิดาดุ
“มากินทุกวันก็ได้ค่ะ สนุกดีออก ยัยฝันจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย” ชไมพรเอ่ยอนุญาตเมื่อเห็นเด็กน้อยหน้าเศร้า
“เย้! ดีใจจังเลยครับ คุณน้าพูดจริงๆ ใช่ไหมครับ คุณน้าใจดีที่สุดเลยครับ”
“ใช่จ้ะ”
“มากินได้แต่ห้ามให้พ่อนายมาจีบแม่เรา”
“ฝัน ไม่เอาลูก” คนถูกเอ่ยอ้างรีบปรามบุตรสาวปากไว หน้าแดงก่ำเมื่อหันไปสบตากับคนที่ถูกพาดพิงเหมือนกัน
“หวงแม่เหรอครับ” วิวัฒน์เอ่ยถามอย่างเอ็นดู