รับน้อง #2
ตอนที่ 2 รับน้อง # 2
“โห!นี่ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะว่าเทียนอายุ21หน้าเด็กมาก” ลูกน้ำเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งสองสาวนั่งคุยกันที่โต๊ะหินอ่อนหน้าอาคารหอประชุม
“เวอร์” เทียนว่าเพื่อน
“จริงๆนะ โอ๊ะแล้วอย่างนี้ฉันต้องเรียกว่าพี่ไหมอ่ะ? ลูกน้ำเอ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอกเรียกแบบนี้แหละฉันไม่ถือหรอกมันหนัก” เทียนหอมบอก
“สองสาวคุยไรกันอยู่? ภูมิที่เดินมาสมทบเอ่ยถามขึ้นก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับสองสาว
“ก็เทียนหอมน่ะสิเธอเป็นรุ่นพี่เราแต่เพิ่งมาเรียนปีหนึ่ง” ลูกน้ำอธิบายกับภูมิคร่าวๆ
“จริงดิ ฉันต้องเรียกพี่สินะ” ภูมิว่า
“ไม่ต้องหรอกเรียกเหมือนเดิมนี่แหละ” เทียนหอมบอก ขณะที่ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่นั้น
“กรี๊ด พี่ซันมาแล้วแก ว๊ายหล่อล่ามใจสุด” เสียงกระดี๊กระด๊าของเด็กปีหนึ่งที่เห็นคนหล่อ
“แต่เมื่อพี่เขาน่ากลัวมากนะ” อีกคนเอ่ยขึ้น
“เฮดว้ากดุขนาดนี้เรื่องบนเตียงจะขนาดไหน”สาวคนที่สามพูดขึ้นทำให้เทียนหอมที่ได้ยินประโยคซุบซิบเบะปากขึ้นอย่างหมั่นไส้
“จะว่าไป ข่าวเม้าท์บอกว่าไม่เคยเห็นพี่ซันควงผู้หญิงคนไหนหรือแม้แต่คบเป็นแฟนก็ไม่เคยมี” นักศึกษาสาวยังพูดต่อ
“ระ..หรือว่าพี่เขาจะเป็น....” สามสาวนักศึกษาใหม่ต่างก็อ้าปากค้างเบิกตากว้างเมื่อคิดว่ารุ่นพี่สุดหล่อจะเป็นไปตามที่พวกเธอคิด
“ชายทั้งแท่งย่ะ” เทียนหอมพึมพรำออกมาเบาๆ
“ว่าไงนะ? ลูกน้ำได้ยินเพื่อนพูดไม่ชัดเลยถามขึ้น “ปะ..เปล่าฉันไม่ได้ว่าอะไร” เทียนหอมตอบปัดๆไป
ด้านซันชายหนุ่มเพิ่งมาถึงมหาลัยเมื่อตอนเก้าโมง เพราะเมื่อคืนมัวแต่ทะเลาะกับยุงเลยหลับๆตื่นๆนอนไม่เต็มอิ่มคนอยู่บ้านเดียวกันก็หนีมาก่อนไม่ยอมปลุก “มึงไม่มาสี่โมงเย็นเลยล่ะ? คำแซะจากเพื่อนรักอย่างเจไดเมื่อซันเดินมาหย่อนก้นนั่งลงข้างๆด้วยท่าทางติดหงุดหงิด
“เชี่ยซันมึงเป็นเอดส์เหรอวะ? บอส ร้องตกใจแกล้งแย่เพื่อนเพราะตามแขนและคอของซันมีจุดแดงๆเต็มไปหมด
“เอดส์พ่อง” ซันตอบกลับอย่างหงุดหงิด
“ไปกินรังแตนที่ไหนมา? หลินถามแบบไม่ตั้งใจ
“เสือก” ซันเอ่ยขึ้นจนเพื่อนๆไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก
“กูว่าเรียกน้องรวมเถอะ” บอสว่าพร้อมหันไปหาเจได “ประกวดดาวเดือนล่ะอิตุ๊ดมันหาได้ยัง? เป็นเจไดที่พูดขึ้น
“โน่นไงอิตุ๊ดเรียกมันมาถามสิ” หลินออกความเห็นเมื่อเห็นคนที่เอ่ยถึงกำลังเดินตรงมาทางพวกเธอ
“อิตุ๊ดเดินเร็วๆดิ!” หลินตะโกนเรียกเพื่อนชายหัวใจหญิงเสียงดัง ชายร่างตุ้ยนุ้ยอ้อนแอ้นก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหา “ว่าไงยะชะนี? ชายร่างตุ้ยนุ้ยแต่ใจหญิงอย่างโอปอจีบปากจีบคอถามหลินที่เรียกเธอมา
“ได้คนประกวดดาวเดือนยัง? หลินเอ่ยถาม
“จะรับสมัครวันนี้แหละค่ะ หรือแกมีคนที่เล็งไว้แล้วก็บอกฉันมา” โอปอตอบ
“ก็มีเล็งไว้แหละแต่น้องเขาจะสมัครใจไหมไม่รู้” หลินตอบ
“คุณชายซันว่าไงคะ เล็งคนไหนไว้บ้างไหม? โอปอหันไปแหย่เพื่อน
“คนไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ยัยนั่น” ซันพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สาวสวยที่กำลังเดินเข้ามารวมกับกลุ่มเพื่อนในหอประชุม
“ฉันก็เล็งคนนี้แหละ” หลินพูดขึ้น
“ไม่ได้!” ซันโพร่งขึ้นเสียงดังจนเพื่อนตกใจ
“โอ้ยพอๆเลิกทะเลาะเดี๋ยวฉันหาเอง ” โอปอพูดจบก็สะบัดตูดเดินไปทางที่น้องนักศึกษารวมตัวกันเพื่อเลือกคนเข้าประกวดดาวเดือน
“หนูจ๋าสนใจลงประกวดดาวคณะไหมลูก? เสียงแหบพล่าเอ่ยถามรุ่นน้องอย่างอ่อนน้อมเพื่อที่น้องจะได้ใจอ่อน
“เอ่อ เทียนไม่สะดวกทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนน่ะค่ะ” เทียนหอมตอบไปตามความจริง
“ชื่อเทียนเหรอจ้ะ เจ้ชื่อโอปอนะเจ๊ว่าหนูมีคุณสมบัติครบทุกอย่าง ประกวดเถอะนะลูกสาวนะนะ” โอปอยังออดอ้อนรุ่นน้องอย่างไม่ยอมลดละ
“เจ๊หาคนใหม่เถอะ หนูไม่สะดวกจริงๆค่ะ” เธอปฏิเสธอย่างผู้ดีก่อนจะเดินแยกออกไป
“คนที่เพียบพร้อมก็ไม่เอา โอ้ย!กระเทยเซ็ง” โอปอว่าพร้อมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างจนปัญญา กิจกรรมรับน้องถูกดำเนินขึ้นตั้งแต่เก้าโมงครึ่งโดนที่ไม่มีการจับสายรหัสมีแค่พี่เทคคอยดูแลน้องๆ
“พวกคุณ! ยืนขึ้นครับ” เสียงพี่ว้ากตะโกนให้นักศึกษาใหม่ทั้งหมด 50 คนยืนขึ้น
“แบ่งแถวห้าแถวแถวละสิบแยกชายหญิงทราบไม่ทราบ” “ทราบครับ/ทราบค่ะ” นักศึกษาต่างรีบทำตามคำสั่ง
“วันนี้เราจะมีเกมมาให้น้องๆเล่นนะคะ” คนรับหน้าที่เป็นพี่สันพูดขึ้น
“เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ เกมนี้มีชื่อว่าเกมส่งลูกอมด้วยปาก” พี่สันอธิบายขั้นตอนการเล่นให้น้องๆฟังจากนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นส่งสัญญาณในการเริ่มเกม
“พร้อมแล้วเริ่มค่ะ” ปี๊ดดดด! เสียงร้องเชียร์ดังขึ้นเป็นระยะด้วยความสนุกสนาน ปี๊ดดด เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเกมจบลง
“ตอนนี้เราได้ทีมที่ชนะเลิศแล้วนะคะ ได้แก่แถวที่สามปรบมือให้เพื่อนด้วยค่ะ” แป๊ะ แป๊ะ เสียงปรบมือดังลั่นแถวที่ชนะก็คือแถวของเทียนหอมกับลูกน้ำและเพื่อนผู้หญิงที่อยู่คนละกลุ่มกัน
“ก่อนจะแยกย้ายกันวันนี้พี่มีอีกเรื่องจะประกาศให้ทราบ” เมื่อพี่สันรับหน้าที่จบก็ส่งต่อให้เพื่อนอีกคนประกาศ
“สวัสดีฮะน้องๆพี่ชื่อโอปอเป็นพี่เทควันนี้พี่มาประกาศรับสมัครคนประกวดดาวเดือน มีใครที่สมัครใจบ้างคะ? โอปอประกาศหน้าแถวดังลั่น
“ลูกน้ำค่ะ” เทียนหอมยกมือเสนอชื่อเพื่อนที่นั่งข้างๆเธอโดยที่ไม่ได้ปรึกษากันก่อน
“เทียนหอม ทำอะไรของเธอเนี่ย? ลูกน้ำกระซิบกระซาบข้างหูเพื่อน
“น้องลูกน้ำประกวดดาวนะคะ” โอปอถามย้ำ
“ค่ะ” ลูกน้ำจำใจตอบตกลงด้วยใบหน้าอาลัย
“ผมขอเสนอไอ้ภูมิครับ” นักศึกษาชายที่นั่งหลังสุดยกมือเสนอ
“ไหน?คนไหนน้องภูมิฮะ? โอปอถามเสียงดัง ภูมิจึงจำใจต้องลูกขึ้นโชว์ตัว
“ผมภูมิครับ”
“หล่อน้ำเดินเชียว โอเคเป็นน้องภูมินะคะประกวดเดือนคณะ หลังเลิกกิจกรรมรอพบพี่ก่อนทั้งสองคน” โอปอพูดจบก็ส่งให้เพื่อนว้ากต่อ
“ทีมเชียร์ที่พี่นัดไว้อยู่ก่อนนะคะที่เหลือแยกย้ายกันกลับได้ค่ะ” เมื่อเลิกกิจกรรมต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปตามอัธยาศัยของตนและกลุ่มเพื่อน
“เทียนหอมจะกลับเลยเหรอ? ลูกน้ำเอ่ยถามเทียนหอมเพราะเธอต้องรอเจอรุ่นพี่ซ้อมประกวดดาวเดือน “ว่าจะกลับเลย ฉันไปนะ” ว่าจบเธอก็เดินแยกออกจากเพื่อนมา ติ๊ง ติ๊ง ยังเดินไม่ทันพ้นพื้นที่หอประชุมเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็ดังขึ้น (รอหน้าคณะ เดี๋ยวไปรับยัยหนูไปทานข้าวบ้านปู่ย่า) เธอเปิดอ่านแต่ไม่ตอบเทียนหอมจึงเดินไปยืนรอที่ฟุตบาตทางออกตรงหน้าคณะ เอี๊ยด! เสียงรถสปอร์ตคันหรูเบรกลากล้อเสียงดังทำให้เป็นจุดสนใจของเหล่านักศึกษาต่างจ้องมาที่รถก็เห็นว่าน้องใหม่เปิดประตูขึ้นรถไป และพวกเขาต่างรู้ดีว่ารถคันนั้นเป็นรถพี่เฮดว้ากที่สาวๆต่างกรี๊ดกร๊าดกัน
“กูว่าแล้วมันซุ่มเงียบ” เจไดที่เห็นว่าใครขึ้นรถเพื่อนไปก็ถึงบางอ้อ
“อาจจะเป็นคนรู้จักก็ได้ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามมึงเคยเห็นไอ้เหี้ยซันควงสาวไหม? บอสพูดเสริมตามความคิดของตัวเองแต่ใจหนึ่งก็เพื่อปลอบเพื่อนสนิทที่แอบชอบซันอยู่
“ฉันว่าฉันไปช่วยอิตุ๊ดซ้อมดาวเดือนดีกว่า” หลินพูดออกตัวก่อนจะแยกออกไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนเห็นความเศร้าที่แสดงออกมาเธอเองก็เห็นเพื่อนชายคนสนิทที่สุดจอดรับรุ่นน้องออกไปเช่นกัน เพราะไม่อยากเสียเพื่อนหลินจึงเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในใจมาตั้งแต่ปีหนึ่ง
“ชะนีน้อย เธอเห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม? โอปอเอ่ยถามหลินที่เดินมานั่งดูการซ้อมของน้องกับเธอ
“เขาเห็นกันทั้งมอ.แล้วมั้งอิตุ๊ด” หลินตอบเพื่อนเชิงหยอกล้อ
“แล้วหล่อนโอเคเหรอยะ? โอปอกระซิบถามเพื่อนสาว “ไม่โอก็ต้องโอฉันจะไปทำอะไรได้” หลินตอบอย่างเนือยๆ
“เอาน่ากว่าจะจบปี4มันคงเห็นความดีหล่อนเข้าสักวัน” โอปอพูดเหมือนประชดแต่นั่นเป็นการปลอบเพื่อนไม่ให้เศร้า
โรงเรียนเตรียมอนุบาล ผู้ปกครองต่างทะยอยกันมารับลูกๆกลับบ้านในช่วงเวลาบ่ายสามโมง
“คุณพ่อขา” เด็กติดพ่อร้องเรียกอย่างดีใจพร้อมวิ่งออกมาหาผู้เป็นพ่อ
“ซัมเมอร์อย่าวิ่งค่ะลูกเดี๋ยวล้ม” เทียนหอมเห็นลูกสาวตัวน้อยวิ่งก้เอ่ยปราม หมับ ฟอด
“วันนี้คุณพ่อขาว่างมารับหนูเหรอคะ? สองพ่อลูกโผกอดกับซันนั่งคุกเข่ากับพื้นอ้าแขนรับลูกสาวตัวน้อยเข้ามาสวมกอดแล้วหอมแก้มแสดงความรักต่อกัน
“ครับ วันนี้พ่อขาว่าง เราไปบ้านคุณปู่คุณย่ากันนะครับ” เทียนหอมได้ฟังประโยคที่พ่อลูกคุยกันก็กรอกตามองบนอย่างระอา ไม่รู้จะรักอะไรกันนักหนาอยู่ด้วยกันปานจะกลืนกิน
“พ่อลูกเจอกันคุณแม่ก็หมดความหมาย” เทียนหอมแสร้งพึมพรำให้ลูกสาวได้ยิน
“โอ๋ๆนะคร้าคุณแม่ขา” เด็กหญิงตัวน้อยหันไปออดอ้อนมารดาด้วยความไร้เดียงสาทำให้คุณครูที่ยืนรอส่งอยู่ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูซัมเมอร์การละคร “สวัสดีคุณครูก่อนค่ะลูก” เทียนหอมบอกลูกสาวตัวน้อย
“คุณครูขาน้องซัมกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เสียงออดอ้อนน่าหลงไหลจนคุณครูเอื้องหุบยิ้มไม่ลง
“สวัสดีค่ะน้องซัมเมอร์กลับดีนะคะ” คุณครูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมากนะคะครูเอื้อง” หลังจากที่พ่อขาอุ้มลูกสาวเดินไปที่รถคุณแม่ยังสาวก็หันมาขอบคุณครูเอื้องครูประจำชั้นลูกสาวเธอ
“สวัสดีค่ะคุณแม่กลับดีๆนะคะ” คุณครูกล่าวอวยพรก่อนจะกลับไปส่งเด็กคนอื่นต่อสามพ่อแม่ลูกก็ขึ้นรถหรูกลับบ้าน
“คุณปู่ขาคุณย่าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยร้องเรียกปู่กับย่าตั้งแต่ลงรถที่หน้าบ้านหลังใหญ่เสียงดังลั่นบ้านมาก่อนที่ร่างอวบอั๋นจะเดินเข้ามาถึง
“ว่าไงคะเจ้าอ้วนของย่า มาให้ย่ากอดหน่อยค่ะ” เซลีนแม่ของซันย่าของซัมเมอร์คุยกับหลานสาวคนแรกของตระกูลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“น้องซัมคิดถึงคุณย่าขาคุณปู่ขามากๆเลยค่ะ” เด็กหญิงพูดออดอ้อนปู่กับย่าเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่เด็กคำพูดคำจาไม่รู้สรรหามาจากไหนมาพูด
“เข้าใจพูดนะเรา มาให้ปู่ขาชื่นใจหน่อยเร็ว” ธนินพ่อของซันปู่ของซัมเมอร์พูดกับหลานสาวพร้อมอ้าแขนรอรับเด็กอ้วนเข้ามาสวมกอด ฟอด ฟอด สองปู่หลานผลัดกันหอมแก้มกัน เป็นภาพที่น่าเอ็นดูยิ่งนัก แม้กระทั่งเด็กรับใช้กันป้าแม่บ้านยังเผลอยิ้มตาม