บท
ตั้งค่า

นายอันธพาล #6 มีใครหรือยัง

6

‘ถ้าอยากให้ฉันนอนด้วย ฉันก็จะนอน’

สิ้นเสียงของเขาขายาวๆก็ก้าวเข้ามาที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนทันทีเหมือนเหนื่อยล้าเต็มทน แหงละก็นี่มันเกือบจะเช้าแล้วนะ คงเป็นเพราะฉันที่ทำให้เขาต้องลำบากแบบนี้ เขาหลับตาแล้วนอนนิ่งทั้งที่มีฉันนั่งติดอยู่กับผนัง

‘เอ่อ’

‘นอน!’

หมับ! พรึ่บ!

ความกล้าละดับร้อยล้านของฉันหายไปจนเกือบหมดเมื่อเจอกับคนที่นิ่งๆแต่ทำจริงอย่างเขา เพราะตอนนี้เขาขว้าตัวของฉันลงมานอนแนบชิดกับเขาแล้วยังจะเอาแขนพาดไว้ที่เอวอีกต่างหาก

ตึกตัก ตึกตัก

และไม่ต้องถามว่ามันคือเสียงอะไรเพราะตอนนี้ฉันแทบอยากจะควักเอาหัวใจตัวเองออกมาดูอาการ มันชักจะเต้นแรงเกืนไปแล้วนะ แบบนี้เขาต้องรู้แน่ๆว่าฉันแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

แต่เดี๋ยวก่อน...

เหมือนหัวใจของเขาเองก็เต้นแรงไม่แพ้กัน... เพราะตอนนี้ในห้องที่มืดสนิทและเงียบสงบทำให้ฉันได้ยินเสียงของหัวใจเราทั้งคู่กำลังเต้นแรงแข่งกัน

‘ถ้าเธอยังไม่ยอมหลับยอมนอน ฉันไม่รับปากว่าจะนอนเฉยๆ’ วอล์ฟเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วๆมือของเขาที่พาดไว้บนเอวของฉันเริ่มกระชับมันแน่นขึ้น แต่งคงเป็นเพราะเตียงมันค่อนข้างเล็กมากมากเลยทำให้เราต้องนอนแบบนี้

‘ฝะ ฝันดีนะ’ ฉันเอ่ยเสียงติดขัดแล้วรีบหลับตาซุกหน้าลงกับแผงอกของเขา

ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นแบบนี้นะ...

เวลาแค่สั้นๆทำไมเขาถึงทำให้ฉันอยากอยู่กับเขาแบบนี้ตลอดไปก็ไม่รู้ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไงไม่รู้แต่ตอนนี้ขอแค่ได้อยู่แบบนี้กับเขาคนนี้ฉันก็รู้สึกมีความสุขมากๆแล้ว

ขอเปลี่ยนความคิดที่ว่าไม่น่าออกจากบ้านคืนนี้...เป็น ฉันดีใจที่ตัวเองเลือกออกมาแล้วได้เจอคนแบบเขา

นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของความเถลไถลของฉันแล้วล่ะ...

วันต่อมา

‘อ้าว วันนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอลูก แล้วนั่นหน้าไปโดนอะไรมาอีก’

‘ผมปิดเทอมแล้วนะย่า’

‘อ่อ ย่าลืมไป แล้ว...นั่นเสื้อผ้าใคร’

‘...’

‘หรือว่า’

ฉันขยับตัวไปมาบนที่นอนที่นอนที่ไม่ค่อยจะนุ่มเท่าที่เคยนอนมา ก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่านี่มันไม่ใช่บ้านตัวเองและเหตุการณ์ต่างๆเมื่อคืนก็ทวนความทรงจำของฉันขึ้นมาได้

ฉันยันตัวลุกขึ้นแล้วฟังเสียงคนสองคนที่คุยกันอยู่ด้านนอก เสียงของวอล์ฟฉันจำได้แต่เขาพูดไม่กี่คำหรอกส่วนเสียงของผู้หญิงอีกคนที่ค่อนข้างจะมีอายุนั่นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

หรือว่า...

แอดดด

‘...’

ฉันเบิกตากว้างเมื่อผู้หญิงวัยชราคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องขณะที่ฉันกำลังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่บนเตียง เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหันหลังไปด้านนอก คงจะกำลังมองวอล์ฟอยู่แน่ๆ

‘สะ สวัสดีค่ะ’ ฉันทำอะไรไม่ถูกรู้แค่ว่าสิ่งแรกที่ฉันควรทำคือทำความเคารพก่อนแล้วทุกอย่างมันจะดีเอง

‘หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร’ ย่าของวอล์ฟเอ่ยถามแล้วยืนมองฉันที่ไม่กล้าขยับตัวไปไหน

ส่วนวอล์ฟก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเข้ามาแก้สถานการณ์เลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ฉันทำตัวไม่ถูกเพราะย่าของเขาจ้องฉันตาเป็นมัน

‘คือว่า...หนู เอ่อ...’

‘ทำไมถึงมานอนบ้านผู้ชายแบบนี้ได้ล่ะ พ่อแม่ไม่เป็นห่วงเหรอ ยังเรียนมัธยมอยู่ใช่มั้ยเรา’ คุณย่าของวอล์ฟถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆฉัน

ท่านไม่ได้ดูโหดร้ายอะไรเลยแต่ฉันกลับรู้สึกอับอายที่กลายเป็นคนแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น

‘คือว่าหนู...’

‘แล้วเป็นอะไรกับวอล์ฟเหรอลูก ปกติย่าไม่เห็นวอล์ฟจะพาใครมา ไม่เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงด้วย’ คุณย่าถามยาวเหยียดจนฉันต้องยืนก้มหน้ารับชะตากรรมเพราะไม่มีคำตอบจะให้ท่าน

‘เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ’ เสียงของวอล์ฟพูดขึ้นแทรกแล้วเขาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองฉันที่ยืนตัวหดเหลือสองนิ้วอยู่ข้างเตียง

‘ค่ะ เราไม่ได้มีอะไร เอ่อ แบบที่ย่าคิด คือเมื่อคืนนี้หนูมีเหตุต้องพึ่งพาวอล์ฟก็เลย...’

‘เธอกลับบ้านไปได้แล้ว’ วอล์เอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ฉันยืนนิ่งอยู่กับย่าของเขาต่อ

‘ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ หนูชื่ออะไร’ ย่าเดินเข้ามาใกล้แล้วโอบไหล่ของฉัน

‘มิวมิวค่ะ’

‘อ่อจ๊ะ เรียกย่าว่าย่าตามวอล์ฟมันแล้วกันนะ ถ้าไม่ทำอะไรที่มันเสียหายย่าก็ไม่ได้ว่าอะไร อายุยังน้อยความรับผิดชอบก็มีไม่มาก ถ้าอยากจะคบกันย่าไม่ว่าแต่อย่าให้มันเกินเลย’ ท่านไม่ได้ใจร้ายอย่างที่ฉันคิดจริงๆ คนที่ไล่ฉันยังจะดูใจร้ายกว่าด้วยซ้ำ

‘ค่ะ คุณย่า เอ่อ แต่ว่าเราไม่ได้เป็น...’

‘เราไม่ได้มีอะไรกัน’ เสียงของวอล์ฟพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้งจนฉันต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

‘หนูคงเป็นคนแรกที่หลานย่าพามาถึงบ้าน แต่ก็ดีใจนะที่เห็นมันมีแฟนเพราะวอล์ฟมันจะได้ใจเย็นลงบ้าง’ ฉันยิ้มบางๆให้ท่านแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาถือไว้ และฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธคำว่าแฟนจากย่าด้วย

กริ๊ด ทำไมถึงตื่นเต้นกับคำนี้จัง ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่ ทำไมฉันต้องปฏิเสธด้วยล่ะ

‘ขอบคุณนะคะ แต่หนูว่าหนูกลับก่อนดีกว่า’

‘อ้าว มากินข้าวก่อน มาๆ อย่าไปสนใจคำพูดของวอล์ฟมันเลย ใครๆก็บอกว่าหลานย่ามันหน้าโหด แต่กับย่ามันก็แค่ไอ้ลูกหมา ฮ่าๆ’ คุณย่าลากแขนฉันไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวจนได้ ตอนนี้วอล์ฟกำลังกินข้าวอยู่อย่างไม่สนใจพวกเรา เหมือนกับว่าเขานั่งอยู่คนเดียวอย่างนั้นแหละ

ครืด~ ครืด~

‘ว่าไงแพร’

(มิว แกอยู่ไหน!) เสียงร้อนรนของแพรทำให้ฉันต้องลุกออกจากตรงนั้นแล้วเดินออกมาคุยด้านนอก วอล์ฟมองตามฉันอย่างสงสัยแต่สุดท้ายก็หันกลับไปอย่างไม่สนใจ

‘กะ แกมีอะไรหรือเปล่า’

(ป๊าแกโทรมาหาฉัน บอกว่าแกไม่รับสาย ฉันเลยแกล้งบอกว่าแกอาบน้ำอยู่ สรุปแกได้กลับบ้านมั้ยมิว) แพรถามอย่างเป็นห่วง จนทำให้ฉันอดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่เวลานี้ฉันควรจะสนใจเรื่องป๊าก่อน

‘เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้แกฟัง แค่นี้นะขอคุยกับป๊าก่อน’

(อื้ม)

หลังจากวางสายของแพรวาเสร็จฉันก็รีบโทรหาลุงสมานทันที โชคดีที่ลุงบอกว่าป๊ายังไม่ได้กลับมาแค่โทรหาฉันแล้วไม่ได้รับสาย และยัยแพรยังฉลาดพอที่โกหกว่าฉันเข้าห้องน้ำอยู่

‘ขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีมิวมีธุระที่โรงเรียน’ ฉันไหว้ลาคุณย่าส่วนวอล์ฟยังคงไม่สนใจฉัน

ทำไมเขาต้องแสดงทาทีเย็นชากับฉันด้วยนะทั้งที่เมื่อคืนนี้เรายัง...นอนกอดกันทั้งคืนอยู่เลย หรือเขารังเกียจฉัน บ้าน่า...ถ้าเขารังเกียจเขาจะยอมมานอนกอดฉันได้ยังไง

แค่คิดถึงอ้อมกอดของเขาฉันก็หน้าร้อนผ่าวแล้ว

‘เดี๋ยว!’ อยู่ๆเสียงเข้มของเขาก็ดังขึ้นตอนที่ฉันเดินออกจากประตูได้ไม่กี่ก้าว

‘มีอะไรหรือเปล่า’

‘...’ อะไรของเขานะ เป็นคนเรียกฉันไว้แต่กลับเงียบใส่ แถมยังมองหน้านิ่งๆเหมือนมีอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูด

‘เป็นอะไร มีอะไรกับฉันเหรอ’

‘เธอจะกลับยังไง’ เขาพูดเสียงเบาจนฉันเกือบจะไม่ได้ยิน

‘อ่อ เดี๋ยวฉันให้โคะ...เอ่อ ให้ลุงมารับตรงปากซอยน่ะ’ เกือบจะบอกว่าคนขับรถแล้วเชียว

ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่อยากพูดออกไปแบบนั้น...

‘อืม กลับเถอะ’ พอพูดจบเขาก็หันหลังจะเดินกลับไป อะไรกัน! จะมาถามแค่นี้เหรอ

‘เดี๋ยว วอล์ฟ’ ฉันเดินเ้าไปขว้าแขนของเขาเอาไว้แล้วเขาก็ยอมหันมาอย่างไม่ขัดขืน

‘...’

‘เราจะได้เจอกันอีกมั้ย’

‘คงไม่...’

‘แต่ฉันอยากเจอนายอีก’ ถ้าคิดจะเดินหน้าแล้วฉันต้องเดินไปให้สุด จะปล่อยให้เรื่องมันจบแค่นี้แล้วต่างคนต่างไป ยอมให้ความเย็นชาของเขามาทำลายความพยายามของฉันไม่ได้หรอก

‘แล้วฉันต้องทำไง’ ทำไมคำถามของเขามันทำให้ฉันหัวใจเริ่มเต้นแรงแบบนี้นะ ถึงแม่ว่าเขาจะดูเป็นคนที่เหมือนจะชอบหาเรื่องตลอดเวลา แต่ที่เขาถามเมื่อกี้ กลับทำให้ฉันรู้สึกว่า เขาเองก็คิดแบบเดียวกับฉัน

นี่เหรอความรู้สึกที่เราได้รู้สึกดีกับใครซักคน มันเหมือนกับหัวใจกำลังพองโตจนจะทำให้เราลอยตัวอยู่บนอากาศได้อย่างนั้นแหละ

‘เราแลกไลน์กันได้มั้ย’

‘...อืม’

ฉันยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีแล้วล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายของตัวเองยื่นไปให้เขา เขารับมันไว้แล้วกดอะไรยุกยิกก่อนจะส่งกลับมาในหน้าเพิ่มเพื่อน ฉันเม้มปากแล้วอมยิ้มอย่างเขินๆจนทำตัวไม่ถูก

‘ขอบคุณนะ’

‘...’

‘ว่าแต่...’

‘...’

‘นายยังไม่มีใครใช่มั้ย’

‘อืม’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel