นายอันธพาล #1 เด็กหนีเที่ยว
ตอนที่ 1
ห้าปีที่แล้ว
Miwmiw talk
‘ลุงคะวันนี้มิวไปนอนบ้านเพื่อนนะเพราะทำรายงาน อ่อ อย่าบอกป๊านะเดี๋ยววุ่นวาย เพราะป๊ายังไม่กลับยังไงก็ไม่มีทางรู้ถ้าลุงไม่บอก’
‘เอ่อ แต่ว่า...’
‘ไม่มีแต่ค่ะ ลุงเห็นแกมิวนะคะ ฮือ ลุงไม่เห็นเหรอคะว่ามิวไม่เคยมีชีวิตเหมือนเพื่อนเลย’
ฉันแกล้งขยี้ตาด้วยหลังมือเพื่อให้ตาแดงๆจะได้สมบทบาทที่กำลังแสดงอยู่ เพราะตอนนี้ฉันกำลังอ้อนวอนลุงสมาน หรือคนขับรถพ่วงด้วยตำแหน่งคนดูแลที่พ่อไว้ใจให้มาเป็นหูเป็นตาคอยส่งข่าวของฉัน แต่แกก็เห็นใจที่ฉันมีชีวิตน่าสงสารจนต้องยอมโกหกพ่อให้ฉันอยู่บ่อยๆ
‘ก็ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วผมจะมารับปกตินะครับ’
ฉันพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นไหว้ลุงสมานอย่างสวยสดงดงาม แล้วจึงหันหลังเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียนหญิงล้วนที่โด่งดังในย่านนี้
อ๊ะ! ขอแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน
ฉันชื่อว่ามิวมิว เป็นนักเรียนโรงเรียนเควีซิส ที่เป็นโรงเรียนหญิงล้วนและมีทอมบอยปะปนอยู่ทั่วไป ตอนนี้ฉันเรียนอยู่เกรดสิบสอง เทียบเท่ากับมอหก อายุสิบแปดปีพอดีเมื่อเดือนที่แล้ว
อีกไม่นานฉันก็จะเรียนจบมัธยมปลายแล้ว และใฝ่ฝันว่าจะเรียนมหาลัยเดียวกับเพื่อนสนิทของฉันที่ชื่อว่า ‘แพรวา’
ส่วนเรื่องฐานะของฉันไม่ต้องพูดถึง ดูได้จากการที่ฉันมีคนขับรถมารับมาส่งตลอดตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงตอนนี้ พ่อของฉันเป็นถึงเจ้าพ่อมาเฟียที่มีลูกสาวสุดน่ารัก และลูกชายที่มากความสามารถอย่าง ‘เฮียแม็ก’ แต่ทั้งเฮียและป๊าพากันรักและหวงฉันจนขยับไปไหนแทบไม่ได้
แต่วันนี้ถือเป็นโชคดีที่ป๊าไปฮ่องกง ส่วนเฮียมีสอบที่มหาลัยเลยไปพักกับเพื่อน ฉันถึงได้มีอิสระแบบนี้ อุวะ ฮ่าๆๆ
‘มิว!!” เสียงแหลมคุ้นหูตะโกนมาจากที่ไหนซักแห่งไกลๆ ฉันหันไปมองทิศทางนั้นก่อนจะยิ้มกว้างแล้ววิ่งแจ้นไปหาเพื่อนทันที
“แพรวา!! ฉันออกจากบ้านได้แล้วคืนนี้!!’ ฉันยิ้มร่าแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทของตัวเอง
เธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของฉันที่คบกันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ฐานะที่บ้านของเธอต่างจากฉันลิบลับ เพราะแพรว่าค่อนข้างจะยากจนซักหน่อย แต่สงสัยใช่มั๊ยว่าทำไมฉันถึงมาเจอมาคบเพื่อนแบบเธอได้
ก็เพราะว่าเมื่อก่อนบ้านแพรวาร่ำรวยพอๆกับฉันแต่เมื่อตอนที่พวกเราเรียนอยู่ชั้นประถมพ่อของเธอก็ต้องล้มละลายเพราะถูกโกงจากบริษัทต่างประเทศ ทำให้พ่อของแพรวาตัดสินใจคิดสั้น ทิ้งให้เธอและแม่อยู่กันเพียงลำพังสองคน แต่เพราะฉันสนิทกับแพรวาตั้งแต่ชั้นประถมเธอจึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่ป๊ายอมให้ฉันคบด้วย
‘จริงเหรอ! แล้วเธอบอกป๊าว่ายังไง’ แพรวาทำท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เพราะปกติแล้วฉันแทบจะไม่ได้ออกไปไหน
การเป็นลูกสาวเจ้าพ่อแถมยังมีพี่ชายที่หวงน้องเหมือนกางเกงในตัวโปรด...? มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขเลยซักนิด ถึงแม้ชีวิตของฉันจะเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่างก็เถอะ มันก็ยังมีหลายอย่างที่ฉันอยากทำเหมือนคนอื่นบ้างแต่ฉันไม่ได้ทำ
‘ไม่ได้บอกแต่ฉันนัดกับลุงสมานไว้แล้ว ป๊าไม่รู้หรอก’ ฉันตอบแล้วเดินเคียงข้างแพรวาไปยังตึกเรียน
‘แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร’
‘แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์!’
หลังจากนั้นเราก็เข้าเรียน วันนี้รู้สึกเวลามันจะผ่านไปนานเร็วเหลือเกินเพราะฉันเอาแต่ตื่นเต้นที่จะได้ไปเปิดโลกใหม่กับเพื่อนๆ
ทำไมนะเหรอที่ว่าเปิดโลกใหม่...
ก็เพราะวันนี้เรามีนัดกันจะไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่มีพี่ชายของเพื่อนร่วมชั้นทำงานเป็นคนตรวจบัตร แน่นอนว่าเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับและต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะพวกเราจะใช้พี่ของเพื่อนนี่แหละเป็นทางผ่าน
21:00น.
กรี๊ด!!!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ แสง สี เสียง ที่เคยเห็นแค่ในโทรทัศน์ ผู้คนมากมายที่แต่งตัวเหมือนมาประกวดแฟชั่นโชว์
‘ตื่นเต้นจังมิว’ แพรวาเดินเกาะแขนฉันเดินเข้ามาในร้าน เราเข้ามาได้เพราะเพื่อนร่วมชั้นของเราที่ฉันบอกนั่นแหละ ยัยนั่นชื่อว่า ‘พาสเทล’
‘มาสนุกกันเถอะพวกเรา!!!’ เพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคนทำท่าเริงร่าแล้วรีบดึงแขนฉันเข้าไปด้านในที่มีคนโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่เต็มไปหมด
‘เราจะไม่เป็นอะไรแน่นะ’ แพรวาทำท่าทางระแวงแล้วหันซ้ายหันขวามองเหมือนจะมีตัวอะไรโผล่มา
‘ไม่เป็นไรหรอกน่า’ ฉันพูดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้เพื่อนแต่ที่จริงฉันก็กลัวเหมือนกัน
ไม่ได้กลัวตำรวจหรอกนะ แต่กลัวป๊ากับเฮียแม็กรู้ต่างหาก...
ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปเร็วเหลือเกินเพราะเรานั่งกินนั่งดื่มกันไม่นาน ออกไปแดนซ์กับเพื่อนบ้างมองดูนาฬิกาก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ตอนนี้ฉันเริ่มจะมึนๆกับของเหลวที่ดื่มไปนิดหน่อยนั่นแล้วด้วย
‘กลับกันแล้วมั้ยพวกมึง’ พาสเทลที่ดูมีสติที่สุดตะโกนบอกพวกเราที่กำลังสนุกอยู่ท่ามกลางเสียงดนตรีในผับ
‘อื้ม’ แพรว่าพยักหน้าแล้วก้มลงไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ
‘แป้บนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน’ ฉันพูดแล้วรีบฝ่าฝูงชนที่กำลังสนุกกันอยู่ คงเพราะเครื่องดื่มที่ดื่มเข้าไปแน่ถึงทำให้ฉันปวดฉี่บ่อยขนาดนี้
ฟุ่ว~
แบบนี้ค่อยโล่งหน่อย ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความโล่งใจแต่พอออกมาได้ไม่กี่ก้าวเสียงเพลงในผับก็หยุดลงก่อนที่จะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากข้างในนั้น
‘ตำรวจลง!!’