ดวงใจที่รัก

142.0K · จบแล้ว
มะนาว​สีชมพู​
79
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เรื่อง...ดวงใจที่รัก โปรย เมื่อความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเสมอไป แต่มันกลับเป็นความเจ็บปวดและทรมานมาตลอดสองปี เพียงเพราะเธอท้องแต่เขาไม่รู้.. แนะนำตัวละคร (เกียร์) ภาณุวัฒน์ เจริญเดชาพงษ์ ผู้ชายอบอุ่น นิสัยดี แอบเป็นห่วงเธอ เพราะเธอขี้โรคเขาก็เลยอยากดูแล เพราะความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองคนสนิทกัน (แพร) พรนัชชา ภัทรนันวรกุล ผู้หญิงอ่อนแอ สามวันดีสี่วันไข้เธอมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะเจออากาศเย็น และเหตุนี้ทำให้เกียร์เพื่อนคนไทยที่เรียนเมืองนอกด้วยกัน เขาจึงดูแลเธออย่างดีเสมอมา และความใกล้ชิดของเขากับเธอ จึงเผลอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แล้วเธอก็ได้ตั้งท้อง แต่เธอจะทำอย่างไรดีล่ะในเมื่อเขายังไม่พร้อม ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเดินจากเขาไป เพราะไม่อยากจะทำลายอนาคตของเขา ผู้ชายที่เธอรักและเขาก็รักเธอ...**เรื่องนี้เศร้าๆ หน่อยแต่อบอุ่นหัวใจ เป็นเรื่องต่อของ เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง ** เรื่องต่อไปเป็นตอนของพี่เก้า (เรื่อง...เทพบุตรพิชิตใจ) พี่ชายของแพร ไรท์ขออัพตอนต่อจากเรื่องนี้เลยนะคะ เรื่อง...เทพบุตรพิชิตใจ โปรย…ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุแต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ แนะนำตัวละคร นพเก้า ภัทรนันวรกุล (พี่เก้า) อายุ 30 ปี ผู้ชายสุดเพอร์เฟค หล่อ รวย เขาดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และที่สำคัญโปรไฟล์ผู้บริหารสูงสุด ของบริษัทผลิตเครื่องสำอางแบรนด์หรูอันดับหนึ่งของเมืองไทย เขาคือพี่ชายสุดหล่อและแสนดีของพี่สะใภ้ของไอรีน ไอยวริญ เจริญเดชาพงษ์ (ไอรีน) อายุ 20 ปี ไอรีน ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณอาทิตย์นักธุรกิจยักใหญ่ของเมืองไทย รวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เธอเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่ชายสองคน แต่พี่ชายของเธอไม่หวงน้องสาวเลยนี่สิ เธอจะทำยังไงดี ในเมื่อพี่ชายของเธออยากให้เธอกับพี่เก้ากิ๊กกัน ******* ฝากเอ็นดูผู้ชายอบอุ่น 2 คนนี้ด้วยนะคะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตรักหวานๆโรแมนติกพาลูกกหนีผู้ชายอบอุ่นนักศึกษาคนธรรมดา

ตอนที่ 1 ดวงใจที่รัก

ตอนที่ 1 ดวงใจที่รัก

เกียร์ หรือ นายภาณุวัฒน์ นักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศอเมริกา เขาถูกผู้เป็นบิดา ส่งมาเรียนที่นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่เขาจะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่อย่างที่มีคุณภาพ และนำความรู้กลับไปบริหารงานต่อจากผู้เป็นบิดา ซึ่งตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว

แพร หรือ นางสาวพรนัชชา หญิงสาวชาวไทย มาเรียนที่สถาบัน เดียวกันกับชายหนุ่ม เธอบังเอิญรู้จักกับเกียร์ ชายหนุ่มที่มีอายุเท่ากันกับเธอ เขาและเธอเรียนปีเดียวกันแต่เขาเรียนบริหารส่วนเธอเรียนดีไซเนอร์ และเธอกับเขาก็บังเอิญพักห้องติดกัน จึงทำให้ทั้งสองสนิทกัน เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน แล้วก็รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้เขาและเธอกำลังจะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรีกันแล้ว

"ฮัดชิ้ว" เสียงจามของแพรเพื่อนข้างห้องของเกียร์ดังขึ้น ขณะที่เธอทานอาหารอยู่ ที่ร้านอาหารชั้นล่างของห้องพักที่เธอและเขาพักกันอยู่ ที่เขาและเธอพักที่นี่เพราะมันอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่นั่นเอง

"ไม่สบายอีกแล้วเหรอแพร เมื่อวานฝนตกตากฝนมาใช่มั้ยเนี่ย" เกียร์เดินเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมกับจานอาหารของตัวเอง แล้วเอ่ยถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

"นิดหน่อยน่ะแค่ละอองเอง" เธอตอบออกไป โดยที่ไม่ได้ปฏิเสธว่าเธอตากฝนมาจริงๆ แต่เธอก็รู้ดีว่าเพื่อนคงเป็นห่วง ก็เธอชอบป่วยบ่อยๆ แล้วก็มีเขานี่แหละคอยซื้อยามาให้ คอยดูแลยามที่เธอป่วย จนเธอรู้สึกดีกับเขาอยู่ไม่น้อย จึงทำให้ในบางครั้งเธอชอบอ้อนให้เขาดูแล และเขาก็ชอบให้เธออ้อนเพื่อที่เขาจะได้ดูแลเธอ เป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ทั้งสองก็เลือกที่จะคบกันแบบเพื่อนเพราะยังเรียนไม่จบนั่นเอง

"นั่นไง แพรก็เป็นแบบนี้ทุกที" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอามือมาอังที่หน้าผากของเธอทันที อย่างเป็นห่วง แต่ก็ถูกแพรดึงมือเขาออกเพราะนับวันเขายิ่งมีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอเหลือเกิน เธอกลัวว่าจะห้ามหัวใจของตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป ยิ่งเขาดีกับเธอมากขนาดไหน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอก็ยิ่งสั่นไหว แต่เธอก็มีความสุขมากทุกครั้งที่เขามักจะแสดงความเป็นห่วงเธอแบบนี้

"โรคนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแพรไปแล้ว อากาศแบบนี้เดี๋ยวฝนเดี๋ยวหนาวแพรคงปรับตัวไม่ทันน่ะ" เธอบ่นมุบมิบกับสภาพอากาศของที่นี่ก็เธอแพ้อากาศเย็น เจออากาศเย็นทีไรจามแบบนี้ทุกทีกินยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น

“แล้วเราล่ะ ขอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของแพรด้วยได้มั้ย” เกียร์พูดด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า เขาพูดจริง เขาและเธอสบตากัน ความรู้สึกอบอุ่นที่เขามีให้เธอมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จนหญิงสาวไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอก็แอบมีใจให้เขามากพอสมควร แต่ด้วยสถานะของเราสองคนที่คบกันแบบเพื่อนจึงทำให้ ทั้งสองยังไม่ได้เปิดใจคุยกัน มีแค่การกระทำเท่านั้นที่มันบอกว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีแค่ไหน

“เกียร์...” เธออึ้งไป ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันออกมา แต่มันก็ทำให้เธอก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย ที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเขาอาจจะหมายถึงเพื่อนก็ได้ เธอไม่อยากจะคิดไปไกลเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้ว

"ทานยาหรือยัง เราเป็นห่วง" ทั้งสองเปรียบเสมือนเพื่อนกัน อายุเท่ากันเรียนปีเดียวกันรู้จักกันมาก็เกือบจะสี่ปีแล้ว ความสนิทจึงมีมากพอสมควร และดูเหมือนทั้งสองก็ใจตรงกันซะด้วย และคำว่าเป็นห่วงของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมาก เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอเพราะเขาไม่เคยบอก ส่วนเธอก็ไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองให้เขารู้เช่นกัน

"จะเป็นห่วงทำไม แพรโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย" เกียร์มักจะพูดกับเธอแบบนี้เสมอ เวลาเธอป่วยเขาชอบพูดว่าเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ เขามักจะทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนเธอไม่สามารถจะหักห้ามหัวใจของตัวเองได้

"ก็ต้องเป็นห่วงสิ เราขี้เกียจมาดูแลตอนแพรป่วยไง" เกียร์บอกปัดๆ แต่ใจจริงแล้วเขาก็อยากดูแลเธอนั่นแหละ เธอป่วยเขาก็ต้องดูแลเธออยู่แล้ว แบบเต็มใจไม่ได้ขี้เกียจอย่างที่ปากบอกหรอก

"แพรขอโทษนะเวลาแพรป่วยลำบากเกียร์ตลอดเลย" หญิงสาวทำหน้าเศร้า เมื่อชายหนุ่มพูดแบบนั้น แล้วก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาลำบากด้วย

"ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรก็ช่วยๆ ดูแลกันไปเนาะ" ชายหนุ่มบอกออกไปแต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ กับคำว่าเพื่อนที่ใช้พูดกับเธอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นเธอเป็นมากกว่าเพื่อนมาตลอด แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้สึกกับเขาอย่างที่เขารู้สึกกับเธอหรือเปล่า

"เกียร์ลำบากหรือเปล่า ถ้าลำบาก…" เธอยังพูดไม่ทันจบเขาก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

"เราไม่ลำบากอยากคิดมาก อิ่มหรือยังเราอิ่มพอดีป่ะขึ้นห้องกัน" ห้องของเขากับเธออยู่ติดกัน ก็ไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะเดินขึ้นห้องพร้อมกัน แต่ที่แปลกคือการกระทำของชายหนุ่มต่างหาก เพราะเขาชอบเดินจูงมือเธออยู่บ่อยๆ ตอนนี้ก็ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาอยากจับเธอก็ให้จับ เพราะเธอก็ชอบให้เขาปฏิบัติกับเธอแบบนี้ แต่เขาก็ไม่เคยทำมากกว่าการจับมือนะ เธอจึงรู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน

"ฮัดชิ้ว" เสียงจามของหญิงสาว จามออกมาเป็นระยะๆ

"นั่นไง ดื้อแล้วก็เป็นแบบนี้ไง" ทุกครั้งที่แพรไม่สบาย เกียร์จะดูแลแพรเป็นอย่างดี เกียร์ไม่รู้ว่าเขาได้ทำให้อีกคนหัวใจสั่นไหวมาตลอด เพราะเขาดูอบอุ่นและเธอก็รู้จักกับเขามานานทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่แสนดีขนาดไหน แต่เสียดายที่เขาให้เธอได้แค่สถานะเพื่อน ซึ่งเธอก็ยินดีแต่ในบางครั้งหัวใจมันก็เรียกร้องอยากจะได้มากกว่าเพื่อน

"ทานยาซะ แล้วไปอาบน้ำนะครับ"