คนที่หายไป
คนที่หายไป
" ตื่นแล้วเหรอครับ " เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้รินรดาหันกลับไปมอง
" สักพักแล้วล่ะค่ะ " ใบหน้าหวานส่งยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบเขา คนตรงหน้าคือคนที่ช่วยชีวิตของเธอไว้ในคืนวันนั้น หากไม่ได้เขาแล้วป่านนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเองจะเป็นเช่นไร
เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้
" แน่ใจนะครับว่าไม่อยากไปเช็คร่างกายซ้ำที่โรงพยาบาลน่ะ "
" ค่ะ เมื่อวานหมอลู่ก็บอกแล้วว่าทุกอย่างปกติ จะเหลือก็แต่...เอ่อ " สายตาที่เคยสุกใสหม่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
" เรื่องนั้นอย่าพึ่งเศร้าใจไปเลยครับ เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการสมัยใหม่ทำได้ทุกอย่าง หมอลู่เป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรการรักษาแบบดั้งเดิม ผมว่าถ้าไปที่โรงพยาบาลจะให้หมอช่วยเอกซเรย์ดูอวัยวะภายร่างกายให้น่ะครับ วันนี้ผมต้องเข้าโรงพยาบาลพอดี "
" แค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณคุณเย่วเฟิ่งมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณแล้วล่ะก็ ป่านนี้..ชั้นคง...จะตายไปแล้ว "
" อย่าคิดมาก เล็กน้อยน่ะครับ ว่าแต่พร้อมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังรึยัง ว่าทำไมถึงได้มานอนอยู่หน้าบ้านผมแบบนั้นและเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ "
" ค่ะ ... ดิชั้นชื่อรินรดา มาที่นี่พร้อมกับสามี เราสองคนมาเที่ยวพักผ่อนและฮันนีมูนน่ะค่ะ "
" มากับสามี ? แล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนล่ะครับ "
" ดิชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จำได้ว่าวันนั้นสามีของดิชั้นออกไปกินข้าวเย็นกับครอบครัว แต่ดิชั้นไม่ได้ไปด้วยเพราะรู้สึกปวดหัว หลังจากสามีออกไปดิชั้นก็นอนอยู่ในห้อง พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงคนตะโกนและกลิ่นควันไฟก็ลอยเต็มไปหมด เลยต้องหาทางเอาตัวรอดมาน่ะค่ะ " รินรดาเล่าเหตุการณ์ให้ผู้มีพระคุณของเธอฟัง แต่ขณะที่เล่าไปเธอก็แอบยื่นมือไปด้านหลังและเกี่ยวนิ้วไขว้ทับกัน
อย่าให้ตกนรกเพราะผิดศีลข้อมุสาเลยนะญาดา มันจำเป็นจริงๆ
" แล้วต่อไปคุณจะเอายังไงต่อครับ "
" คือดิชั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามี ทำไมเค้าไม่ออกตามหาทั้งๆที่ดิชั้นหายตัวออกมาได้เกือบ 1 อาทิตย์แล้ว "
" เอ่อ...คุณไว้ใจสามีของคุณได้มากน้อยแค่ไหนครับ ผมขอโทษที่ต้องถามแบบนี้ ผมอาจจะคิดมากไป "
" คุณจะหมายถึงว่า เค้าออกไปข้างนอกในตอนที่ดิชั้นเกิดอุบัติเหตุพอดี แล้วป่านนี้เค้าก็ยังไม่ออกตามหาใช่มั้ยคะ "
" ผมอาจจะคิดมากไป "
" ค่ะ ดิชั้นเข้าใจ ...ดิชั้นมั่นใจในตัวสามีค่ะ เค้าไม่มีวันทำร้ายหรือคิดร้ายกับดิชั้นเด็ดขาด เรื่องนี้ไว้ใจได้ แต่ดิชั้นก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ทำไมไม่มีข่าวการติดตามหาคนหาย "
" นั่นน่ะสิครับ และอีกอย่างที่ผมแปลกใจก็คือ คุณบอกว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นแต่ผมที่อาศัยอยู่แถวนี้ยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องไฟไหม้บ้านเลยนะครับ รึว่าคุณหนีไฟไหม้มาจากที่อื่นแต่ด้วยความตกใจคุณเลยจำอะไรไม่ได้ "
" ไม่มีข่าวไฟไหม้แถวนี้เหรอคะ ? " รินรดาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม จะเป็นไปได้ยังไง...คืนนั้นที่เธอหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าบ้านไหม้ไปเกือบจะครึ่งหลังแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางดับได้ทัน
" ครับ ถ้ามีผมต้องรู้สิครับ เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ของตระกูลจางซึ่งผมเป็นคนดูแลอยู่ "
" เอ่อ ... ต้องขอโทษนะคะที่ดิชั้นมัวแต่พูดเรื่องของตัวเองจนลืมถามว่าคุณชื่ออะไร "
" ไม่เป็นไรครับ... ผมเย่วเฟิ่ง จางเย่วเฟิ่งน่ะครับ "
" ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเย่วเฟิ่ง และขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยชีวิตชั้นไว้ "
" เรียกผม เย่ว สั้นๆก็ได้นะครับ " ชายหนุ่มใบหน้ายิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เขารู้สึกถูกชะตากับเธอ แววตาที่หม่นหมองและสุกใสสลับกันไปมาทำให้เธอเป็นคนที่น่าค้นหาพูดด้วยแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
" ค่ะ คุณเย่ว "
" อ้อ..ผมลืมถามอีกอย่าง ว่าแต่ที่คุณบอกว่ามากับสามี ต้องขอโทษทีครับสามีคุณชื่ออะไรเหรอครับ และครอบครัวของเค้านามสกุลอะไรเผื่อผมจะรู้จัก "
" เค้าชื่อ... " ก่อนที่รินรดาจะได้เอ่ยออกไป เสียงโทรศัพท์ของคู่สนทนาของเธอก็ดังขึ้น
" เอ่อ ขอโทษทีนะครับ "
" เชิญค่ะ " เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ รินรดาก็เดินเลี่ยงออกมา
" ว่ายังไง .... ห๊ะ ฟื้นแล้วเหรอ โอเคๆ งั้นจะไปเดี๋ยวนี้เลย " เมื่อกดวางโทรศัพท์ชายหนุ่มก็เดินไปหารินรดาที่ยืนรออยู่อีกมุมหนึ่ง
" ไม่เห็นต้องเดินออกมาเลยนี่ครับ เรื่องที่ผมคุยไม่ใช่ความลับอะไร " เขาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้ ความเรียบง่ายและถ่อมตนของเธอทำให้เขาอยากช่วยเหลือ
" ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ คุณสบายใจ...ชั้นสบายใจ "
" นี่คือข้อดีของคุณสินะครับ ผมคงอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณต่อไม่ได้แล้วพอดีต้องเข้าไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่ป่วยที่โรงพยาบาลน่ะครับ คงจะพักในเมืองสัก 2-3 วัน อยู่ที่นี่อยากได้อะไรแจ้งแม่บ้านได้เลยนะครับ "
" ขอบคุณนะคะ "
หลังจากเย่วเฟิ่งเดินออกไปรินรดาก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่ระเบียงภายในห้องนอนของเธอที่เจ้าของบ้านยกให้เป็นการชั่วคราว หญิงสาวถอนหายใจออกมาอยู่หลายครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะไม่ทำให้เธอเจ็บปวดเหมือนกับครั้งก่อนแต่ก็สร้างความทุกข์ให้เธออยู่ไม่น้อย มือบางยกขึ้นลูบคลำใบหน้าของตัวเอง
" เอายังไงดีต่อนะ...รินรดา "
อีกด้าน
" คิดยังไงถึงอยากไปอยู่กับชั้น " เย่วเฟิ่งเอ่ยถามคนที่นอนอยู่บนเตียงหลังจากที่คุณป้าของเขาและซุ่ยหลิงขอตัวกลับ
" ไม่อยากขัดใจแม่ แต่ก็ไม่อยากทำตามความต้องการของท่าน "
" หึ...คงอยากให้นายลงเอยกับซุ่ยหลิงสักที "
" นายก็รู้...ชีวิตของชั้นรักใครอีกไม่ได้แล้ว...นอกจากหนูยิ้ม "
" แต่นี่เธอก็จากไปได้ 3 ปีแล้วนะ คิดจะอยู่เป็นโสดไปตลอดเลยรึยังไง เสียดายที่ชั้นไม่มีโอกาสได้เจอเธอสักครั้ง อยากรู้นักว่าหนูยิ้มของนายจะน่ารักสักแค่ไหน หนุ่มหล่ออย่างท่านประธานภาคินถึงไม่เคยชายตาแลใครเลยตั้งแต่เด็กเนี้ย "
" เรื่องอะไรชั้นจะให้นายเจอหนูยิ้มของชั้น เกิดเธอเปลี่ยนใจไปชอบนายจะทำยังไง "
" หึ ... หวงนักเป็นไงล่ะ เอ่อ...ชั้นขอโทษ " คนที่เอาแต่พูดเอ่ยขอโทษทันทีเพราะลืมตัวที่เผลอไปสะกิดแผลใจคนป่วยเข้า
" น่าสมน้ำหน้าใช่มั้ยล่ะ ตอนเค้าอยู่ก็ไม่รู้จักดูแลให้ดีมาคร่ำครวญเอาตอนที่เค้าจากไปแล้ว "
" นี่นายยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ ? " เย่วเฟิ่งเอ่ยถาม เรื่องมันผ่านมาได้ 3 ปีแล้วทำไมเวลาไม่ได้ช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้ญาติคนนี้ของเขาเลยเหรอ
" ไม่ ฉันรู้สึกว่าพึ่งจะสูญเสียหนูยิ้มไปเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี่เอง "
.....................................................................................
โธ่!!! .... พี่ใหญ่