บทย่อ
เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ เธอจึงไม่อาจทิ้งเขาไปได้...แม้จะรู้ดี ว่าตอนนี้หัวใจของเขาไม่มีเธออยู่แล้วก็ตาม
เกริ่นเรื่อง
เกริ่นเรื่อง
คำเตือน!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นภาคที่สองของนิยายเรื่องหัวใจรักรินรดา
ความรักของภาคินและรินรดาดำเนินต่ออย่างมีความสุข กระทั่งวันหนึ่งวันที่พวกเขาทั้งสองเดินทางไป
เยี่ยมแม่ของภาคินที่เมืองจีน เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...ปนะธานใหญ่สูญเสียความทรง
เขาจำรินรดาไม่ได้ !!!
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามได้ใน
ดวงใจญาดาต่อเลยนะคะ
เพราะคำสัญญาที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ต่อจากนี้เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปเหมือนเหตุการณ์ครั้งก่อน
แม้ในวันนี้...เขาจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอแล้วก็ตาม
เธอจะรอ...รอจนกว่าเขา...พี่ใหญ่ตัวจริง พี่ใหญ่คนก่อนยืนยันว่าไม่รักเธอแล้ว นั่นต่างหากที่จะทำให้เธอยอมปล่อยเขาไป
:
:
:
ญาดามั่นใจ...ว่าหากเป็นพี่ใหญ่ตัวจริงแล้ว เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้กับเธอ
พี่ใหญ่รักเธอ
พี่ใหญ่รักหนูยิ้ม
ณ เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศจีน
" ช่วยกันหน่อย เร็วเข้า เร็ว "
" รีบๆ เอามา ไปเอามาอีก เร็วๆ "
" ยกมาเลย ยกถังน้ำมาเลย เร็วเข้า ไฟลุกไหม้ใหญ่แล้ว "
" มีใครแจ้งคุณท่านรึยัง " เสียงพ่อบ้านใหญ่เอ่ยถามบรรดาคนงานที่กำลังช่วยกันดับไฟอยู่ ความโกลาหลวุ่นวายพร้อมกับเสียงดังของคนนั้นคนนี้ที่ตะโกนไปมาทำให้คำถามของเขาไม่ได้รับการตอบกลับ
" อะไรนะครับพ่อบ้านใหญ่ " คนงานชายที่วิ่งกลับไปเอาถังน้ำเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอียงหูเพื่อฟังคำพูดของเขา
" หูหนวกกันรึยังไง ชั้นถามว่ามีใครแจ้งคุณท่านรึยัง "
" เอ่อ... เสี่ยวหลิงไปแล้วมั้งครับ " พูดจบชายคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อก็ถือถังน้ำวิ่งกลับไปตักน้ำอีกครั้งเพื่อมาช่วยกันดับไฟ
เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีลมแรง ไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่จึงโหมจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว คนงานที่กำลังดับไฟอยู่ในตัวบ้านต้องถอยร่นออกมาด้านนอกเพราะความร้อนแผดเผาร่างกาย
อีกด้าน
ชายหนุ่มร่างสูงที่พึ่งจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่มีใบหน้าตื่นตระหนกทันทีเมื่อมองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า แม้หัวใจจะยังเต้นรัวแต่ขายาวของเขาก็ไม่หยุดวิ่ง กลับกันชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
" เกิดอะไรขึ้น ? " ภาคินเอ่ยถามพ่อบ้านใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขากำลังยืนสั่งการคนงานให้ช่วยกันเร่งดับไฟ
" ไฟไหม้ครับ " พ่อบ้านโค้งตัวรายงานให้เจ้านายอีกคนได้รับรู้
" รู้แล้วว่าไฟไหม้ แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วทำไมไม่มีคนไปรายงานที่บ้านใหญ่ " ร่างสูงตวาดเสียงดัง
" เอ่อ..ก็ คนงานบอกว่าเสี่ยวหลิงไปแจ้งคุณท่านแล้ว ผมก็เลย เอ่อ ..." พ่อบ้านใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นใบหน้าโกรธของผู้เป็นเจ้านาย
" ช่างเถอะ... แล้วนี่ คุณรินรดาอยู่ที่ไหน ? "
" เอ่อ... คุณรินรดา เอ่อ ... คุณนายน้อยไม่ได้ไปที่บ้านใหญ่กับคุณชายเหรอครับ "
" พ่อบ้านใหญ่...ผมถามว่า รินรดาอยู่ที่ไหน " คำตอบของพ่อบ้านทำให้คนที่ได้ฟังแทบจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เขากระวนกระวายใจด้วยเพราะเป็นห่วงภรรยาสาวที่ไม่ยอมไปกินข้าวเย็นกับเขาในวันนี้
ญาดาบอกว่ารู้สึกปวดหัว ขอนอนรอเขาอยู่ที่บ้านซึ่งเมื่อเธอบอกเช่นนั้นเขาจึงไม่ได้รบเร้าหรือเซ้าซี้เธอให้ไปกินข้าวที่คฤหาสน์หลังใหญ่กับแม่และคุณตาของเขา
ภาคินและญาดาพึ่งจะเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อ 3 วันที่ผ่าน แต่ตอนนี้กลับมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น....
" เอ่อ...ผมคิดว่าคุณนายน้อยไปกินข้าวที่บ้านใหญ่กับคุณชายครับ ผม...เอ่อ ไม่รู้ครับ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ผมยังไม่เห็นคุณนายน้อยเลยนะครับ " พ่อบ้านใหญ่เอ่ยด้วยความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านาย
" ว่ายังไงนะ ไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ บ้าเอ้ยยยย... " ภาคินสบถคำพูด
ประธานใหญ่ไม่รอช้า เขาวิ่งวนรอบตัวบ้านเพื่อตามหาภรรยาสาวและเอ่ยถามถึงเธอกับคนงานและแม่บ้านที่กำลังช่วยกันดับไฟอยู่ คำตอบของทุกคนทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง ไม่มีใครเห็นภรรยาของเขา
ดวงตาคมมองขึ้นไปยังชั้นบนของตัวบ้านซึ่งตรงที่เขายืนอยู่เป็นจุดเดียวกับห้องนอนของเขาและเธอ เธอบอกว่าปวดหัว...จะขอนอนพัก..เพราะอย่างนั้นเธอก็น่าที่จะยังอยู่ในห้องนอน
" มีบันไดยาวรึเปล่า " เจ้านายหนุ่มหันไปเอ่ยถามพ่อบ้านที่วิ่งตามเขาไปมา
" คุณชายจะทำอะไรครับ ไม่ได้นะครับ จะปีนขึ้นไปไม่ได้นะครับ ตอนนี้ไฟลุกไหม้ ลามมาใกล้จะถึงฝั่งนี้แล้วนะครับ อันตรายเกินไป "
" ไปเอาเดี๋ยวนี้ ไปเอาบันไดมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้ " เสียงตวาดดังทำให้พ่อบ้านใหญ่ไม่อาจขัดคำสั่งเจ้านายได้ เขาวิ่งออกไปและกลับมาพร้อมกับบันไดยาว
ภาคินที่เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพ่อบ้านใหญ่ที่อายุอานามล่วงเข้าจะ 60 ปีแล้ว ท่าทางของเขาจึงเก้ๆกังๆเพราะเรี่ยวแรงที่มีอยู่ตามความเป็นไปของร่างกาย
ปึก
เมื่อวางบันไดลงกับขอบหน้าต่างได้แล้ว ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าเขาปีนขึ้นไปด้วยความเร็วสุดกำลัง โชคดีที่หนูยิ้มเป็นคนที่ชอบอากาศบริสุทธิ์ เธอมักจะเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เวลาที่ทำกิจกรรมอื่นๆหรือแม้กระทั่งนอน ญาดาไม่ชอบเครื่องปรับอากาศสักเท่าไหร่เธอให้เหตุผลว่า...หายใจไม่ออก
" หนูยิ้ม หนูยิ้ม ได้ยินพี่มั้ย หนูยิ้มอยู่รึเปล่า " เมื่อปีนขึ้นมาถึงสุดปลายบันไดที่ชิดกับขอบหน้าต่างอยู่ เขาก็รีบใช้มืองัดบานหน้าต่างออกกว้างพร้อมกับตะโกนเรียกเธอไปด้วย
" หนูยิ้ม ขอร้อง อย่าทำให้พี่ใจคอไม่ดี ได้ยินมั้ย หนูยิ้มได้ยินพี่มั้ย "
ตุ๊บ...ภาคินกระโดดทิ้งตัวลงกับพื้นเมื่อปีนข้ามขอบหน้าต่างมาได้ สายตาคมสอดส่ายมองหาภรรยาทันที เมื่อวิ่งวนไปรอบๆห้องก็ไม่พบคนที่ตัวเองเอ่ยเรียก
ห้องหนังสือ ?... รึว่าเธอจะอยู่ที่ห้องหนังสือ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ห้องนั้นเป็นห้องที่หนูยิ้มชอบไปคลุกตัวอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เขาก้าวเท้าไปที่ประตูห้องนอนอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่เปิดประตูห้องออกชายหนุ่มก็ต้องผงะกับควันที่พุ่งเข้าใส่ตัว ภาคินที่ไม่ได้ตั้งรับสูดดมเข้าไปเต็มปอด
แค่ก...แค่ก มือหนาปัดป่ายไปมาความร้อนของไฟทำให้เนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้จะอยากก้าวเดินต่อไปข้างหน้าสักเท่าไร แต่เพราะตอนนี้ไฟที่กำลังโหมลุกไหม้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ร่างหนาไม่อาจไปต่อได้
" หนูยิ้ม..ไม่ได้ พี่จะไม่ยอมเสียหนูยิ้มไป พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหนูยิ้ม " ใบหน้าคมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อไคลคละเคล้ากับน้ำตาที่เอ่อไหลลงมา หัวใจมันแทบจะขาดไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เมื่อคิดว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อโดยไม่มีเธอ
กระนั้น..ความตั้งใจที่จะช่วยภรรยาสาวก็ยังไม่หมด ชายหนุ่มวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องนอนและหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ตรงไปยังห้องน้ำ ชายหนุ่มเปิดฝักบัวเพื่อฉีดน้ำรดลงบนผ้าห่ม เขาจัดการบิดน้ำออกและยกมันขึ้นคลุมหัวของตัวเอง
ขายาวก้าวออกนอกห้องอีกครั้ง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ก้าวต่อ เสียงปะทุของไฟก็ดังขึ้น ร่างใหญ่หันหลังกลับไปมอง ดวงตาคมเบิกกว้างพร้อมกับสัญชาตญาณป้องกันตัว ลำแขนแกร่งยกขึ้นป้องใบหน้าของตัวเองไว้
" โอ้ยยยย... " เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับสติที่ดับวูบลงทันที
.......................................
เปิดเรื่องมาแบบนี้ จะไปต่อยังไงดีน้ออ