ดวงใจญาดา

79.0K · จบแล้ว
meme-meaw
41
บท
654
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ เธอจึงไม่อาจทิ้งเขาไปได้...แม้จะรู้ดี ว่าตอนนี้หัวใจของเขาไม่มีเธออยู่แล้วก็ตาม

นิยายรักโรแมนติกประธานพลิกชีวิตสัญญาทางรักเศรษฐีโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกจีบเมียเก่า21+นิยายรัก

เกริ่นเรื่อง

เกริ่นเรื่อง

คำเตือน!!!

นิยายเรื่องนี้เป็นภาคที่สองของนิยายเรื่องหัวใจรักรินรดา

ความรักของภาคินและรินรดาดำเนินต่ออย่างมีความสุข กระทั่งวันหนึ่งวันที่พวกเขาทั้งสองเดินทางไป

เยี่ยมแม่ของภาคินที่เมืองจีน เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...ปนะธานใหญ่สูญเสียความทรง

เขาจำรินรดาไม่ได้ !!!

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามได้ใน

ดวงใจญาดาต่อเลยนะคะ

เพราะคำสัญญาที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ต่อจากนี้เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปเหมือนเหตุการณ์ครั้งก่อน

แม้ในวันนี้...เขาจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอแล้วก็ตาม

เธอจะรอ...รอจนกว่าเขา...พี่ใหญ่ตัวจริง พี่ใหญ่คนก่อนยืนยันว่าไม่รักเธอแล้ว นั่นต่างหากที่จะทำให้เธอยอมปล่อยเขาไป

:

:

:

ญาดามั่นใจ...ว่าหากเป็นพี่ใหญ่ตัวจริงแล้ว เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้กับเธอ

พี่ใหญ่รักเธอ

พี่ใหญ่รักหนูยิ้ม

ณ เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศจีน

" ช่วยกันหน่อย เร็วเข้า เร็ว "

" รีบๆ เอามา ไปเอามาอีก เร็วๆ "

" ยกมาเลย ยกถังน้ำมาเลย เร็วเข้า ไฟลุกไหม้ใหญ่แล้ว "

" มีใครแจ้งคุณท่านรึยัง " เสียงพ่อบ้านใหญ่เอ่ยถามบรรดาคนงานที่กำลังช่วยกันดับไฟอยู่ ความโกลาหลวุ่นวายพร้อมกับเสียงดังของคนนั้นคนนี้ที่ตะโกนไปมาทำให้คำถามของเขาไม่ได้รับการตอบกลับ

" อะไรนะครับพ่อบ้านใหญ่ " คนงานชายที่วิ่งกลับไปเอาถังน้ำเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอียงหูเพื่อฟังคำพูดของเขา

" หูหนวกกันรึยังไง ชั้นถามว่ามีใครแจ้งคุณท่านรึยัง "

" เอ่อ... เสี่ยวหลิงไปแล้วมั้งครับ " พูดจบชายคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อก็ถือถังน้ำวิ่งกลับไปตักน้ำอีกครั้งเพื่อมาช่วยกันดับไฟ

เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีลมแรง ไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่จึงโหมจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว คนงานที่กำลังดับไฟอยู่ในตัวบ้านต้องถอยร่นออกมาด้านนอกเพราะความร้อนแผดเผาร่างกาย

อีกด้าน

ชายหนุ่มร่างสูงที่พึ่งจะเดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่มีใบหน้าตื่นตระหนกทันทีเมื่อมองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า แม้หัวใจจะยังเต้นรัวแต่ขายาวของเขาก็ไม่หยุดวิ่ง กลับกันชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด

" เกิดอะไรขึ้น ? " ภาคินเอ่ยถามพ่อบ้านใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขากำลังยืนสั่งการคนงานให้ช่วยกันเร่งดับไฟ

" ไฟไหม้ครับ " พ่อบ้านโค้งตัวรายงานให้เจ้านายอีกคนได้รับรู้

" รู้แล้วว่าไฟไหม้ แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วทำไมไม่มีคนไปรายงานที่บ้านใหญ่ " ร่างสูงตวาดเสียงดัง

" เอ่อ..ก็ คนงานบอกว่าเสี่ยวหลิงไปแจ้งคุณท่านแล้ว ผมก็เลย เอ่อ ..." พ่อบ้านใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นใบหน้าโกรธของผู้เป็นเจ้านาย

" ช่างเถอะ... แล้วนี่ คุณรินรดาอยู่ที่ไหน ? "

" เอ่อ... คุณรินรดา เอ่อ ... คุณนายน้อยไม่ได้ไปที่บ้านใหญ่กับคุณชายเหรอครับ "

" พ่อบ้านใหญ่...ผมถามว่า รินรดาอยู่ที่ไหน " คำตอบของพ่อบ้านทำให้คนที่ได้ฟังแทบจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เขากระวนกระวายใจด้วยเพราะเป็นห่วงภรรยาสาวที่ไม่ยอมไปกินข้าวเย็นกับเขาในวันนี้

ญาดาบอกว่ารู้สึกปวดหัว ขอนอนรอเขาอยู่ที่บ้านซึ่งเมื่อเธอบอกเช่นนั้นเขาจึงไม่ได้รบเร้าหรือเซ้าซี้เธอให้ไปกินข้าวที่คฤหาสน์หลังใหญ่กับแม่และคุณตาของเขา

ภาคินและญาดาพึ่งจะเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อ 3 วันที่ผ่าน แต่ตอนนี้กลับมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น....

" เอ่อ...ผมคิดว่าคุณนายน้อยไปกินข้าวที่บ้านใหญ่กับคุณชายครับ ผม...เอ่อ ไม่รู้ครับ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ผมยังไม่เห็นคุณนายน้อยเลยนะครับ " พ่อบ้านใหญ่เอ่ยด้วยความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านาย

" ว่ายังไงนะ ไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ บ้าเอ้ยยยย... " ภาคินสบถคำพูด

ประธานใหญ่ไม่รอช้า เขาวิ่งวนรอบตัวบ้านเพื่อตามหาภรรยาสาวและเอ่ยถามถึงเธอกับคนงานและแม่บ้านที่กำลังช่วยกันดับไฟอยู่ คำตอบของทุกคนทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง ไม่มีใครเห็นภรรยาของเขา

ดวงตาคมมองขึ้นไปยังชั้นบนของตัวบ้านซึ่งตรงที่เขายืนอยู่เป็นจุดเดียวกับห้องนอนของเขาและเธอ เธอบอกว่าปวดหัว...จะขอนอนพัก..เพราะอย่างนั้นเธอก็น่าที่จะยังอยู่ในห้องนอน

" มีบันไดยาวรึเปล่า " เจ้านายหนุ่มหันไปเอ่ยถามพ่อบ้านที่วิ่งตามเขาไปมา

" คุณชายจะทำอะไรครับ ไม่ได้นะครับ จะปีนขึ้นไปไม่ได้นะครับ ตอนนี้ไฟลุกไหม้ ลามมาใกล้จะถึงฝั่งนี้แล้วนะครับ อันตรายเกินไป "

" ไปเอาเดี๋ยวนี้ ไปเอาบันไดมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้ " เสียงตวาดดังทำให้พ่อบ้านใหญ่ไม่อาจขัดคำสั่งเจ้านายได้ เขาวิ่งออกไปและกลับมาพร้อมกับบันไดยาว

ภาคินที่เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพ่อบ้านใหญ่ที่อายุอานามล่วงเข้าจะ 60 ปีแล้ว ท่าทางของเขาจึงเก้ๆกังๆเพราะเรี่ยวแรงที่มีอยู่ตามความเป็นไปของร่างกาย

ปึก

เมื่อวางบันไดลงกับขอบหน้าต่างได้แล้ว ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าเขาปีนขึ้นไปด้วยความเร็วสุดกำลัง โชคดีที่หนูยิ้มเป็นคนที่ชอบอากาศบริสุทธิ์ เธอมักจะเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เวลาที่ทำกิจกรรมอื่นๆหรือแม้กระทั่งนอน ญาดาไม่ชอบเครื่องปรับอากาศสักเท่าไหร่เธอให้เหตุผลว่า...หายใจไม่ออก

" หนูยิ้ม หนูยิ้ม ได้ยินพี่มั้ย หนูยิ้มอยู่รึเปล่า " เมื่อปีนขึ้นมาถึงสุดปลายบันไดที่ชิดกับขอบหน้าต่างอยู่ เขาก็รีบใช้มืองัดบานหน้าต่างออกกว้างพร้อมกับตะโกนเรียกเธอไปด้วย

" หนูยิ้ม ขอร้อง อย่าทำให้พี่ใจคอไม่ดี ได้ยินมั้ย หนูยิ้มได้ยินพี่มั้ย "

ตุ๊บ...ภาคินกระโดดทิ้งตัวลงกับพื้นเมื่อปีนข้ามขอบหน้าต่างมาได้ สายตาคมสอดส่ายมองหาภรรยาทันที เมื่อวิ่งวนไปรอบๆห้องก็ไม่พบคนที่ตัวเองเอ่ยเรียก

ห้องหนังสือ ?... รึว่าเธอจะอยู่ที่ห้องหนังสือ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ห้องนั้นเป็นห้องที่หนูยิ้มชอบไปคลุกตัวอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เขาก้าวเท้าไปที่ประตูห้องนอนอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่เปิดประตูห้องออกชายหนุ่มก็ต้องผงะกับควันที่พุ่งเข้าใส่ตัว ภาคินที่ไม่ได้ตั้งรับสูดดมเข้าไปเต็มปอด

แค่ก...แค่ก มือหนาปัดป่ายไปมาความร้อนของไฟทำให้เนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้จะอยากก้าวเดินต่อไปข้างหน้าสักเท่าไร แต่เพราะตอนนี้ไฟที่กำลังโหมลุกไหม้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ร่างหนาไม่อาจไปต่อได้

" หนูยิ้ม..ไม่ได้ พี่จะไม่ยอมเสียหนูยิ้มไป พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหนูยิ้ม " ใบหน้าคมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อไคลคละเคล้ากับน้ำตาที่เอ่อไหลลงมา หัวใจมันแทบจะขาดไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เมื่อคิดว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อโดยไม่มีเธอ

กระนั้น..ความตั้งใจที่จะช่วยภรรยาสาวก็ยังไม่หมด ชายหนุ่มวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องนอนและหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ตรงไปยังห้องน้ำ ชายหนุ่มเปิดฝักบัวเพื่อฉีดน้ำรดลงบนผ้าห่ม เขาจัดการบิดน้ำออกและยกมันขึ้นคลุมหัวของตัวเอง

ขายาวก้าวออกนอกห้องอีกครั้ง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ก้าวต่อ เสียงปะทุของไฟก็ดังขึ้น ร่างใหญ่หันหลังกลับไปมอง ดวงตาคมเบิกกว้างพร้อมกับสัญชาตญาณป้องกันตัว ลำแขนแกร่งยกขึ้นป้องใบหน้าของตัวเองไว้

" โอ้ยยยย... " เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับสติที่ดับวูบลงทันที

.......................................

เปิดเรื่องมาแบบนี้ จะไปต่อยังไงดีน้ออ