คีย์1 ปะป๊า
ณ.ร้านK.linเบเกอรี่
เวลา15:34นาที
"นลินทำไมแกยังอยู่ที่ร้านอยู่เนี่ย นี่มันบ่ายสามกว่าแล้วนะทำไมยังไม่ออกไปรับคิริน"เพื่อนสาวที่ชื่อยิ้มหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทตัวเล็กขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเจ้าตัวที่ตรงดิ่งจากบ้านมาเพื่อจะมาเฝ้าร้านแทนกลับเปิดประตูร้านเข้าเจอเพื่อนตัวเล็กเจ้าของร้านยังคงยืนสาละวนยุ่งอยู่กับขนมหวานข้างๆพนักงานชายอีกคนแทนที่ในตอนนี้เพื่อนของเขาควรจะถึงกลางทางในการไปรับลูกชายที่โรงเรียนที่อยู่ห่างจากร้าน10กว่ากิโลเมตรแล้ว
"เห๊ยยยลินลืมดูเวลาเลยหวาน ตายๆทำไงดีต้องไปรับคิรินสายแน่ๆ"นลินร้องขึ้นอย่างตกใจในทันทีที่ได้ยินเพื่อนสาวเอ่ยทักบอกเวลา พลางร่างบางก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวและรีบคว้าเอากุญแจรถและสิ่งของสำคัญ ก่อนที่จะรีบกุรีกุจอนออกจากร้านไปโดยมีเสียงของหญิงสาวเพื่อนสนิทอย่างยิ้มหวานตะโกนเตือนไล่หลัง
"รีบได้แต่ก็ต้องขับรถอย่างระวังนะนลิน..."
.
.
.
เวลา15:55นาที
"ให้ตายเถอะนลิน ทำไมถึงได้ละเลยแบบนี้"นรินทร์สถบด่าตัวเองออกมาเบาๆพลางนิ้วเรียวงามก็เคาะลงกับพวงมาลัยรถอย่างคนร้อนใจ ภายในใจก็พลันร้อนหงุดหงิดภาวนาให้ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเร็วๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นจอดติดไฟแดงอยู่
อยากจะบ้าตายเมื่อไหร่จะไฟเขียวเนี่ยอีกตั้งห้ากิโลกว่าจะถึงโรงเรียนของลูกชายตัวน้อยของเขา ทุกคนคงคิดว่าก็แค่ห้ากิโลเองแป๊บๆก็ถึง ใช่ถ้าเป็นที่ต่างจังหวัดมันก็แป๊บเดียวจริงๆนั่นแหละ แต่มันไม่ใช่สำหรับเมื่อกรุงที่รถติดเป็นกิโลๆแบบนี้ ติดแบบชนิดที่ว่าถ้าคุณเกิดปวดท้องขึ้นมามันก็คือนรกดีๆนี้เอง
"จิ! ชาติไหนจะไฟเขียววะแม่ง! ไฟแดงแบบเป็นร้อยไฟเขียวยี่สิบ แม่งเอ๊ยชาตินี้จะได้ไปกับเขามั้ย!"นรินทร์สถบออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้งพลางมือเล็กที่กำพวงมาลัยรถอยู่นั้นก็ทุบลงฉากใหญ่เพื่อระบายอารมณ์เมื่อเขาติดไฟแดงอีกหน
แต่แล้วคนตัวเล็กที่กำลังนั่งหัวเสียอยู่ทีหลังพวงมาลัยรถอยู่นั้น เป็นต้องผวาตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถมาชนเข้าที่ท้ายรถของเขาที่จอดติดไฟแดงเป็นคันแรก
โครม!
"ให้ตายเถอะทำไมวันนี้มันซวยแบบนี้วะ!"นลินสถบออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้งพร้อมกับตบไฟเลี้ยว ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งนำรถมาจอดเทียบข้างทางแล้วรีบเปิดประตูรถก้าวลงมาสำรวจรถของตัวเองว่าเป็นอะไรมากมั้ย ซึ่งคู่กรณีที่ขับชนเขานั้นก็ขับตามมาจอดไม่ห่างและลงมาสำรวจดูรถของตัวเองและของนลินเช่นกัน
"ขอโทษนะครับคือผมไม่ได้ตั้งใจจะชนคุณ คือผมพึ่งมาอยู่ที่ประเทศนี้ไม่นานผมยังไม่ชินทางและถนนเท่าไหร่"ชายวัยกลางคนที่นลินดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนขับรถของคนรวยของใครสักคนเอ่ยขอโทษขอโพยยกใหญ่พร้อมกับก้มหัวหงึกๆให้กับตัวเขา นรินทร์ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงๆ ก่อนที่จะเอ่ยบอกชายวัยกลางคนตรงหน้าว่าเขาไม่เอาความต่างคนต่างซ่อมแล้วกันเพราะตอนนี้เขาต้องรีบไปรับลูกชาย!
เขาสายมากแล้ว!!!ป่านนี้คิรินต้องโกรธเขามากแล้วแน่ๆ
"ครับผมเข้าใจ งั้นผมว่าเราต่างคนต่างซ่อมแล้วกันนะครับเพราะตอนนี้ผมมีธุระและรีบมากด้วย ผมขอตัวนะครับ"ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยพูดอะไรอีก นลินก็รีบขึ้นรถและขับออกไปในทันที
ผ่านไปได้สักพักนลินก็มาถึงโรงเรียนของลูกชายและพบว่าทั้งโรงเรียนแทบจะไม่มีใครแล้วเพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ต่างก็มารับลูกของตัวเองกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงคุณครูประจำชั้นที่ยืนรอเป็นเพื่อนของลูกชายเขา
หลังจากที่นลินจอดรถสนิท นรินทร์ก็รีบลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาคุณครูและลูกน้อยของตัวเองทันที ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษคุณครูสาวและบอกเหตุผลว่าตนนั้นเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางที่มาจึงทำให้มารับลูกชายตัวน้อยของเขาสาย ซึ่งคุณครูสาวก็เข้าใจและเอ่ยบอกให้เขานั้นเดินทางกลับดีๆ
ส่วนลูกชายตัวน้อยนามว่าคิรินของเขายังคงหน้าบูดหน้าบึ้งให้กับผู้เป็นมารดาที่มารับตัวเขาสายจนเหล่าเพื่อนๆในโรงเรียนต่างพากันกลับไปหมดแล้ว
"น้องรินครับไม่โกรธหม่ามี้นะครับ หม่ามี้ขอโทษ"ระหว่างจอดติดไฟแดงนลินก็หันไปเอ่ยขอโทษลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางเอื้อมมือบางไปแตะใบหน้าของลูกชายที่ดูเหมือนว่าจะถอดแบบผู้เป็นพ่อมาซะทุกอย่างอย่างแผ่วเบา
"นลินมารับน้องคิรินช้า"เด็กตัวน้อยหน้าตาน่ารักยังคงเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่อย่างเง้างอน
"มี้ขอโทษครับ มี้ไม่ได้ตั้งใจจะมารับคิรินช้านะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางมาเลยทำให้มี้มารับคิรินช้ามากไปหน่อย เอางี้มั้ยครับเดี๋ยวมี้พาพี่คิรินไปท่านไอศกรีมที่ห้างก่อนกลับร้านดีมั้ยครับ"นลินเอ่ยอธิบายให้เด็กตัวน้อยฟังพลางเสนอพาไปกินไอศกรีมที่ห้างเพื่อเป็นการง้อ ซึ่งพอเด็กตัวน้อยได้ยินอย่างงั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างดีใจในทันที เพราะนานๆทีผู้เป็นแม่ของเขาจะปล่อยให้เขากินไอศกรีม
"เย้!!!หม่ามี้พูดจริงๆใช่มั้ยฮะ"เด็กน้อยร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจพลางโยกตัวไปมาเมื่อได้ยินว่าผู้เป็นมารดาจะพาตนนั้นไปกินขนมที่ห้างก่อนจะพากลับไปที่ร้าน
"มี้พูดจริงครับ"นลินเอ่ยตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้กับลูกน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ก่อนที่จะหันมาตั้งใจขับรถเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเส้นทางที่รถมุ้งตรงไปนั้นคือเส้นทางของห้างสรรพสินค้า
ณ.ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
"ป๊าๆๆ คิรินจะเอารสช็อกโกแลต"เสียงเด็กตัวน้อยเอ่ยพูดกับผู้เป็นมารดาเจื้อยแจ้วอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อบอกรสชาติไอศกรีมที่ตัวเองต้องการ นลินที่ได้ยินก็หันไปพยักหน้าตอบลูกน้อยอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะหันกลับมาสั่งพนักงานแล้วพาเด็กตัวน้อยไปนั่งรอที่โต๊ะหลังจ่ายตังค์เสร็จสรรพ
นั่งรอไม่นานพนักงานก็นำไอศกรีมที่สั่งมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะของสองแม่ลูก คิรินที่เห็นถ้วยไอศกรีมรสโปรดของตัวเองมาเสิร์ฟก็ตบไม้ตบมือดีใจพลางใบหน้าเล็กก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจส่งมาให้ผู้เป็นแม่ก่อนที่จะลงมือจัดการกับถ้วยไอศกรีมตรงหน้า นลินที่เห็นลูกน้อยยิ้มอารมณ์ดีและกินอย่างเอร็ดอร่อยแบบนั้นก็พลันคลี่ยิ้มตามไปด้วย นั่งมองเด็กน้อยกินได้สักพักนลินก็รู้สึกปวดฉี่จึงเอ่ยบอกคิรินว่าตนนั้นจะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งและไม่วายสั่งให้คิรินนั่งรอเขาอยู่ที่นี้ห้ามไปซนที่ไหน
"คิรินป๊าไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ คิรินนั่งรอป๊าอยู่ตรงนี้ห้ามไปซนที่ไหนนะครับ"เอ่ยจบนลินก็ลุกเดินออกจากร้านไปแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที
อีกด้าน
"ขอโทษนะครับนายน้อยพอดีว่าเกิดอุบัติเหตุผมขับรถชนท้ายรถคนอื่นระหว่างทางมาเลยทำให้ผมมารับนายน้อยช้าไปหน่อย"ชายวัยกลางคนเอ่ยอธิบายให้ผู้เป็นนายฟังเหตุที่ตนนั้นมารับช้าพลางก้มหัวขอโทษขอโพยอย่างคนสำนึกผิด
"ไม่เป็นไร แล้วคู่กรณีเขาว่ายังไงบ้าง"ชายหนุ่มตัวสูงยกมือขึ้นพลางโบกเบาๆเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรแล้วถามถึงคู่กรณีว่าเขาได้เรียกร้องอะไรมั้ย
"คู่กรณีเขาไม่ได้เอาเรื่องครับ เขาบอกว่าซ่อมใครซ่อมมันเพราะว่าเขารีบมากครับ"ชายวัยกลางตอบคนตัวสูงตรงหน้า ซึ่งชายหนุ่มก็ทำเพียงพยักหน้าตอบเบาๆ ก่อนที่สองขายาวจะย่างก้าวตรงไปยังทางบันไดเลื่อน แต่แล้วชายหนุ่มตัวสูงเป็นต้องหยุดชะงักเท้าอยู่กับที่ เมื่ออยู่ๆก็มีเด็กน้อยที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาเกาะที่ขาของเขาพร้อมเอ่ยเรียกเขาว่า
"ปะป๊า ปะป๊าฮะ"
