บทที่ 4 เก็บเอาไว้แก้เบื่อ
“เป็นหวัด ?” ซือห้าวเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“เอ่อ......” หมิงโร่ตบหัวตัวเอง “หมายถึงไม่สบายเพราะอากาศหนาวน่ะ......”
หมิงโร่วางเสื้อผ้าที่ผิงไฟจนเกือบแห้งสนิทลงบนโขดหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็ใช้มือปัดผมที่ห้องลงมาตรงหน้าอกไปด้านหลัง แล้วลุกขึ้นเดินไป
“เจ้าจะไปไหน ?” ดวงตาเรียวยาวของซือห้าวเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ผมหญิงคนนี้ปล่อยผมเผ้ารุงรัง ซ้ำยังแต่งกายไม่เรียบร้อยก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว นี่ยังจะเดินเล่นไปทั่วอีกหรือ ?
“ข้า......จะไปเก็บฟืน......เสื้อผ้าของท่านก็ต้องผิงให้แห้งด้วยเช่นกัน......” หมิงโร่มองไปยังหน้าผาสูงชันโดยรอบ ที่ดูเหมือนกระบี่แหลมคมแทงทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อให้เธออยากจะออกไปก็จะต้องมีทางให้ไปด้วยสิ
“สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย” ต่อให้ในใจยังไม่ยอมรับ แต่นางก็แบกรับชื่อเสียงของพระชายาหยุนอยู่ จึงจำต้องมีความรับผิดชอบต่อชื่อเสียงนี้
หมิงโร่ผงะไปครู่หนึ่ง ก้มลงมองเสื้อและกางเกงตัวยาวที่ตนเองสวมใส่อยู่ ถึงแม้จะห่อหุ้มร่างกายอย่างมิดชิด แต่ในสายตาของคนโบราณ นี่ถือว่าเป็นเพียงชุดชั้นในเท่านั้น
เอาล่ะ ๆ สมัยเด็กเธอเคยท่อง 《กฎของลูกศิษย์》----ต้องสวมมงกุฎให้ตรง ติดกระดุมให้เรียบร้อย สวมทั้งถุงเท้าและรองเท้า ทุกอย่างต้องพอดีตัว......แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้วิธีสวมใส่เสื้อผ้าสมัยโบราณนัก สามารถฝืนใส่จนครบก็นับว่าไม่เลวแล้ว ส่วนเรื่องการปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง----ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นหมิงโร่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเล ซือห้าวเฉินจึงจำต้องฝืนใจเชื่อว่านางคือองค์หญิงที่ต้องมีคนรับใช้คอยแต่งตัวให้
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว นางก็ไปเก็บไม้ฟืนอีก ถึงแม้ท่าทางจะไม่กระฉับกระเฉงนัก แต่ไม้ฟืนที่เก็บกลับมานั้นได้ความยาวที่พอดี ซ้ำยังแห้งสนิท อย่างไรเสีย----ก็น่าสงสัยอยู่ดี
เสื้อผ้าที่ผิงไฟจนแห้งเกิดรอยยับเล็กน้อย แต่ซื้อห้าวเฉินก็ยังคงใส่ได้อย่างเป็นระเบียบ
หมิงโร่แอบตกใจกับตนเอง----หยุนชินอ๋องคนนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำนะ
ดูเหมือนซือห้าวเฉินจะคิดอะไรบางอย่างออก จู่ ๆ เขาก็หันมองหมิงโร่ : “โรคหัวใจของข้า เจ้าสามารถรักษาได้ถึงขั้นไหน ?”
“หากจะรักษา ย่อมต้องรักษาจนหายดี หรือท่านอ๋องอยากเก็บเอาไว้สักหน่อยเพื่อแก้เบื่อ ?”
หากรักษาไม่หาย คงเป็นการดูถูกป้ายทอง “มือนางฟ้า”ของเธอเกินไป
สำหรับหมิงโร่แล้ว การผ่าตัดนี้ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่เมื่อไม่มีผู้ช่วยในการผ่าตัด ทำให้สูญเสียพลังงานมากสักหน่อย
ซือห้าวเฉินกลับไม่เชื่อคำพูดของหมิงโร่ หมอเทวดาเซวมีความมั่นใจการรักษาโรคหัวใจของเขาเพียงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งต้องใช้หญ้าน้ำแข็งและเมล็ดบัวหัวใจอัคคี ซึ่งต่างก็เป็นสมุนไพรล้ำค่า เขาส่งคนออกไปค้นหาทั่วทุกสารทิศ แต่ใช้เวลาถึงสามปีจึงจะพบเบาะแส
“เจ้าสามารถรักษาข้าให้หายได้อย่างนั้นหรือ ?”
“อืม” หมิงโร่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เหอะ ๆ” สำหรับความมั่นใจของหมิงโร่ ซือห้าวเฉินมองว่าเป็นการหลงตัวเอง แต่วิชาแพทย์ของผู้หญิงคนนี้นับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็สามารถยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ เพื่อรอให้หมอเทวดาเซวและฉินโม่หายากลับมา
หมิงโร่ไม่รู้ว่ากฎการสิ้นสุดบทสนทนาด้วยคำว่า “เหอะ ๆ” เหมาะสมที่จะใช้กับยุคที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ในสมัยไหนเช่นนี้หรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะหุบปาก
ซือห้าวเฉินหยิบลูกปัดสีฟ้าออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แล้วยิงขึ้นไปบนฟ้า แสงสีแดงระเบิดขึ้นกลางอากาศ ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ก็ส่องประกายระยิบระยับเป็นอย่างยิ่ง
หมิงโร่คิดว่าของชิ้นนี้อัศจรรย์มาก หากใช้ในตอนกลางคืนแล้วละก็ จะต้องสวยมากแน่นอน : “เอ่อ ท่านกำลังทำอะไร ?”
“เรียกองครักษ์ลับส่งข้ากลับจวน” ซือห้าวตอบกลับหนึ่งประโยค
“เอ่อ......” ทำไมฟังดูแล้วเหมือนชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่ได้หมายรวมถึงตนเองด้วย หมิงโร่กวาดสายตามองป่ารกทึบโดยรอบ ดวงตาที่งดงามก็ปรากฏความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “สามารถ......พาข้าไปด้วยได้ไหม ?”
“จวนหยุนชินอ๋องไม่เลี้ยงดูคนที่ไร้ประโยชน์” ซือห้าวเฉินไม่รู้ตัวเลยว่า คนที่ตัดสินใจฆ่าคนอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอดอย่างเขา กลับไม่อาจใช้ความเด็ดขาดกับผู้หญิงคนนี้ได้
หมิงโร่รู้ดีว่า หากไม่ใช่เพราะต้องการฝังคนเป็นเพื่อสังเวย จวนหยุนชินอ๋องก็ไม่ต้องการพระชายา มิเช่นนั้นคงไม่รอให้หยุนชินอ๋องตายไปเสียก่อนแล้วค่อยสู่ขอพระชายา
“ในจวนต้องการแพทย์ประจำบ้าน......” หมิงโร่รู้สึกตัวทันทีว่า การใช้คำว่าแพทย์ประจำบ้านดูจะไม่เหมาะสมนัก “คือว่า ต้องการหมอจวนหรือไม่ ?”
“ไม่ต้องการ” ซือห้าวเฉินไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งหมิงโร่ แต่เพราะเขาเป็นโรคหัวใจ ในจวนมีหมอจวนอยู่สามคน วังหลวงก็ส่งหมอหลวงมาดูแลที่จวนอีกสองคน ถือว่าไม่ขาดแคลนจริง ๆ
“อ้อ......” หมิงโร่ถอนหายใจ นอกจากวิชาแพทย์ที่เธอมี ฝีมือการแต่งหน้าของเธอก็ถือว่าไม่เลว เพียงแต่ ในจวนไม่มีแม้กระทั่งนายหญิงสักคน ยิ่งมองดูรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติของหยุนชินอ๋อง การแต่งหน้าก็คงไม่มีความจำเป็นอะไร
เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของหมิงโร่ค่อย ๆ หม่นหมองลง ซือห้าวเฉินก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที : “ขาดแพทย์หญิงหนึ่งคน”
“ข้ายินดี” หมิงโร่แอบถอนหายใจ แพทย์หญิงก็ไม่ต่างกับเด็กปรุงยานัก เมื่อนึกถึงศิษย์ตัวน้อยที่คอยติดตามรับใช้คุณปู่ และกลับมาคิดถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของเธอ ก็รู้สึกหดหู่ใจ
ช่างเถอะ หางานให้ได้ก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนงานทีหลัง ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านแพทย์แผนตะวันออกและตะวันตกอย่างตนเอง จะไม่สามารถไต่เต้าขึ้นเป็นแพทย์ประจำบ้านได้
“อืม” ซือห้าวเฉินหลับตาลงเบา ๆ เพราะเกิดในราชสำนัก เขาย่อมรู้ถึงนิสัยของเหล่าองค์ชายและองค์หญิงดี
องค์หญิงผู้สูงศักดิ์จากประเทศหนึ่ง จะมีพูดและการกระทำที่ดูสงบนิ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถือว่าหาได้ยาก
หมิงโร่เองก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อกำลังจะนั่งลงเพื่อรอคนของซือห้าวเฉินมารับ ก็เห็นซือห้าวเฉินลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน
“มีนักฆ่า” ร่างกายของซือห้าวเฉินตื่นตัวขึ้นมา ดูจากความเร็วและจำนวนของคนที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ ด้วยสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ ไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน
เมื่อได้ยินคำว่า “นักฆ่า” หมิงโร่ก็ผงะไปก่อน จากนั้นก็หันมองซือห้าวเฉินด้วยความประหลาดใจ----นี่ไม่ได้เรียกองครักษ์ลับมา แต่เรียกมือลอบสังหารมาแทนอย่างนั้นหรือ ?
ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา ก็พบกับปัญหาทุกย่างก้าว ตัวละครสุภาพบุรุษคิดที่จะละทิ้งตนเองอย่างสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้นหรือ ?
ไม่ได้ เธอไม่มีทางยอมก้มหัวให้กับโชคชะตาเหมือนกับคนอ่อนหัดเด็ดขาด ไม่มีวัน !
หมิงโร่ฝืนตนเองให้สงบสติอารมณ์ เธอกับซือห้าวเฉิน คนหนึ่งไม่มีวรยุทธ์ อีกคนก็ป่วยหนัก ต่อให้ไม่มีคนตามฆ่าก็ยากที่จะออกไปจากป่ารกทึบแห่งนี้ได้แล้ว ตอนนี้กลับเพิ่มความลำบากขึ้นมาอีก ต้องตายแน่ ๆ......
“เจ้า (ท่าน)......” ทั้งสองพูดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
“เอ่อ......เชิญท่านพูดก่อน” หมิงโร่ไม่มีความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถึงขั้นว่าก่อนที่ซือห้าวเฉินจะเอ่ยปากพูด ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีนักฆ่ากำลังมุ่งหน้ามา ดังนั้น การตัดสินใจของนางไม่แน่ว่าจะสมเหตุสมผล
“พวกเขามาเพื่อหมายเอาชีวิตข้า เจ้าไปหาที่หลบซ่อนตัวก่อน” ความดุดันแผ่ซ่านออกมาจากตัวของซือห้าวเฉิน “หากพวกเราไม่ตายอยู่ที่นี่เสียก่อน เจ้าจะได้เป็นหมอรับเชิญประจำจวน”
ไม่มีใครรู้อาการของซือห้าวเฉินดีไปกว่าหมิงโร่ หากเขาต่อสู้กับผู้อื่นอย่างดุเดือด ก็มีโอกาสที่จะตายได้ทุกเมื่อ และลำพังตัวเธอเพียงคนเดียว หากคิดจะออกจากป่ารกทึบก็นับว่าอันตรายอย่างมาก
“ข้าสามารถใช้การฝังเข็มช่วยยื้อเวลาให้กับท่านได้สิบห้านาที ในช่วงเวลานี้ท่านจะมีร่างกายเหมือนคนปกติ หลังจากสิบห้านาทีผ่านไปก็จะหมดสติลงทันที และหนึ่งเดือนหลังจากนี้ จำเป็นจะต้องนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง”
ทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ หมิงโร่เองก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออก
“ฝังเข็ม” ซือห้าวเฉินไม่จำเป็นต้องคิดสักนิด ทันทีที่รู้ว่ามีนักฆ่ากำลังมุ่งหน้ามา เขาก็เตรียมใจที่จะสู้อย่างสุดชีวิตอยู่แล้ว ถ้าหากมีเวลาสิบห้านาทีที่จะสามารถฟื้นฟูพละกำลังกลับมาเป็นปกติได้ เข้าก็มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถจัดการกับนักฆ่ากลุ่มนี้ได้สำเร็จ
หมิงโร่ไม่ได้สั่งให้ซือห้าวเฉินถอดเสื้อออก แต่ใช้เข็มเงินปักทะลุเสื้อเข้าไปยังจุดฝังเข็มหลายจุดบริเวณหน้าอก : “อีกเดี๋ยวต้องระวัง พยายามอย่ากระทบถูกเข็มพวกนี้เด็ดขาด”
“อืม” หลังจากเข็มเงินถูกฝังเข้าไปแล้ว ซือห้าวเฉินก็รู้สึกได้ทันทีว่าเลือดลมของเขาไหลเวียนอย่างราบรื่น
ซือห้าวเฉินพาตัวหมิงโร่ไปนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และให้นางหลบซ่อนตัวให้ดี
หมิงโร่กอดลำต้นไว้แน่น : “ท่านจะต้องควบคุมเวลาให้ดี”