บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 เก็บหมาป่าตัวน้อยมาเลี้ยง

“ห่อสบู่ดอกมะลินี่ให้ข้า” หมิงโร่ส่งสัญญาณให้จือซูจ่างเงิน

จือซูหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสองเหรียญ แล้วยื่นให้กับเด็กหนุ่มด้วยความประหม่า

เธอไม่เคยซื้อของในฟู่เซียงเจมาก่อน ไม่คิดว่าสบู่หอมหนึ่งกล่องจะมีราคาแพงเช่นนี้ วันนี้นางพกเงินติดตัวออกมาเพียงแค่ยี่สิบตำลึง เมื่อครู่ตอนซื้อเสื้อผ้าใช้ไปแล้วสามตำลึง หากพระชายาต้องการซื้ออย่างอื่นอีก เกรงว่าจะมีไม่เพียงพอ

เด็กหนุ่มบรรจุสบู่ดอกมะลิเข้าไปในกล่องผ้า แล้วยื่นให้กับจือซู : “เจ้าจงถือให้ดี”

หมิงโร่หยิบขวดกระเบื้องใบเล็ก ขนาดสูงประมาณสามนิ้วออกมาจากห่อผ้าที่จือซูถืออยู่ เมื่อเปิดฝาขวดออก ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมา เด็กหนุ่มดวงตาเป็นประกาย เขาทำงานในร้านมาหลายปี แต่ยังไม่เคยได้กลิ่นที่หอมเช่นนี้มาก่อน

หมิงโร่ยื่นขวดให้กับเด็กหนุ่ม : “เจ้าจงนำสิ่งนี้ไปให้ผู้ดูแลร้านของเจ้า ถามเขาดูว่ารับซื้อน้ำหอมแบบนี้ไหม”

“ขอรับ ๆ ๆ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหลังร้านพร้อมขวดกระเบื้องใบเล็ก ไปช้าก็ออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านชาย ผู้ดูแลร้านของเราเชิญท่านเข้าไปคุยด้านหลัง”

เมื่อเดินเข้าไปหลังร้าน ก็พบกับชายวัยกลางคนรูปร่างท้วม อายุราว ๆ สี่สิบกว่าปีเดินเข้ามาต้อนรับ : “ท่านชายน้อยเชิญนั่ง ข้าน้อยมีนามว่าเฉ่าถง เป็นผู้ดูแลร้านฟู่เซียงเจ ไม่ทราบว่าท่านชายชื่อแซ่อะไร”

“เถ้าแก่เฉ่ากรงใจไปแล้ว ข้าแซ่หมิง” หมิงโร่นั่งลง

“ท่านชายหมิง ไม่ทราบว่าน้ำหอมนี่ ท่านได้มาจากไหน ?” เถ้าแก่เฉ่ากะพริบตาเล็ก ๆ ที่เจ้าเล่ห์ของเขา

“นี่เป็นทักษะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ มีชื่อเรียกว่าน้ำอบ สามารถใช้ประพรมลงบนเสื้อผ้า และสามารถใช้ผสมน้ำอุ่นเพื่อชำระร่างกาย นอกจากกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลายแล้ว ยังสามารถไล่ยุงได้อีกด้วย” หมิงโร่พยายามบรรยายสรรพคุณขอน้ำอบที่ตนเองปรุงขึ้นมา

ดวงตาเล็ก ๆ ของเถ้าแก่เฉ่ายิ่งเปล่งประกายมากขึ้น น้ำอบชนิดนี้หอมยิ่งกว่าน้ำหอมที่ส่งเข้าไปในวังเสียอีก อีกทั้งยังมีสรรพคุณมากมายเช่นนี้ : “ท่านชายหมิง ไม่ทราบว่าน้ำอบชนิดนี้ราคาเท่าไร และจะขายให้พวกเราได้ในราคาเท่าไร ?”

“ทุกเดือนข้าจะส่งมาให้ห้าสิบขวด หนึ่งขวด......ราคาสิบห้าตำลึง” หมิงโร่รู้ดีว่าตนเองตั้งราคาสูงเกินไป อย่างไรเสีย เงินเดือนในแต่ละเดือนของพระชายาหยุนชินก็อยู่ที่หนึ่งร้อยตำลึง ฟังจากที่จือซูพูด เงินเดือนที่จวนหยุนชินอ๋องให้ตนเองนั้น มากกว่านางสนมหลายคนในวังเสียอีก

แต่การทำธุรกิจย่อมต้องการกำไร ราคาต่ำสุดที่หมิงโร่ตั้งเป้าเอาไว้ในใจคือขวดละสิบตำลึง หากได้ราคาต่ำกว่านี้ เธอก็จะลองไปที่หอซี๋ดูก่อน

เมื่อจือซูได้ยินพระชายาพูดว่าน้ำอบขวดเล็ก ๆ นี่มีราคาถึงสิบห้าตำลึง ก็อดไม่ได้ที่จะกอดถุงผ้าแน่นโดยทันที นางเดาออกว่าด้านในคงจะมีขวดเล็ก ๆ เช่นนี้อยู่อีกม่น้อย หากทำหล่นแตกโดยไม่ระวัง ต่อให้ขายตนเองก็คงไม่อาจชดใช้ได้พอ

“ได้” เถ้าแก่เฉ่ากัดฟันตอบรับ ราคานี้นับว่าสูงก็จริง แต่เขามั่นใจว่าจะใช้น้ำอบนี้ทำราคาที่สูงขึ้นได้ ไม่ต้องพูดถึงบรรดาฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงแห่งนี้ แค่ห้าสิบขวด แม้แต่บรรดาสนมในวังก็คงแบ่งกันไม่เพียงพอแล้ว “ไม่ทราบว่าท่านชายจะส่งสินค้าเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ?”

“น้ำอบมีวิธีการปรุงไม่ง่ายนัก ห้าสิบขวดถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว” อันที่จริงแล้ว ด้วยเทคโนโลยีการสกัดของระบบการแพทย์ การทำน้ำอบนั้นถือว่าง่ายมาก แต่ว่า ของยิ่งหายากยิ่งมีราคาแพง หมิงโร่คิดว่า เรื่องอุปสงค์ยังถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ

หมิงโร่ให้จือซูวางถุงผ้าลงบนโต๊ะ : “ในนี้มีทั้งหมดห้าสิบขวด น้ำอบจะต้องจัดเก็บอย่างมิดชิด ขวดเมื่อครู่ถือว่าข้ามอบให้เถ้าแก่เฉ่าเป็นสินค้าตัวอย่าง ให้ลูกค้าได้ลองดมกลิ่น”

“ขอบคุณท่านชายหมิง” เถ้าแก่เฉ่าให้ชายหนุ่มนับจำนวน จากนั้นจึงมองตั๋วเงินให้กับหมิงโร่ “ไม่ทราบแต่ละเดือน ท่านชายจะนำสินค้ามาส่งให้ช่วงไหน หรือว่า......พวกเราทำสัญญากันสักหน่อย จะได้จ่ายเงินมัดจำเอาไว้ล่วงหน้า”

“ทุกวันที่สิบห้าของเดือนจะนำสินค้ามาส่ง ส่วนเรื่องสัญญานั้นไม่จำเป็น ข้าคงไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงนานนัก” หมิงโร่เพียงแค่ใช้น้ำอบเพื่อทดลองตลาดเท่านั้น หากขายดีก็สามารถเปิดร้านเป็นของตนเองได้

เมื่อคิดว่าตระกูลขุนนางแพทย์เสวียนของเธอ ในยุคปัจจุบันก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับเวชสำอางและยา ทำให้เธอเองก็ซึมซับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เงื่อนไขทางเทคนิคมีข้อจำกัด การทำเครื่องสำอางอย่างง่าย สำหรับหมิงโร่แล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก

“เช่นนั้นก็ได้” เถ้าแก่เฉ่าเองก็ไม่รู้จักท่านชายหมิงผู้นี้ดีนัก หากเขาหอบเอาเงินมัดจำหนีไป ก็คงลำบากไม่น้อย

หมิงโร่สอดตั๋วเงินเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วพาจือซูเดินออกจากฟู่เซียงเจ จือซูมองดูแผ่นหลังที่บอบบางของพระชายา แต่กลับรู้สึกว่าการได้ติดตามเจ้านายเช่นนี้ทำให้รู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ

หมิงโร่ซือพักมาจากร้านค้าแผงลอย เปิดพัดออก รู้สึกสมบทบาทขึ้นมาแล้ว เป็นอาวุธที่ทำให้ดูหล่อเหลา ควรค่าแก่การครอบครองจริง ๆ

“พระ......” จือซูมักหลุดปากเรียกว่าพระชายาอยู่ตลอด จึงใช้กำปั้นทุบหัวของตัวเอง “ท่านชาย ขนมของจี๋เซี๋ยงเจนับว่ามีชื่อเสียงมาก จะซื้อกลับไปสักหน่อยไหมขอรับ”

“จริงหรือ เช่นนั้นก็ซื้อสักหน่อย” หมิงโร่เองก็ชอบกินขนม ไม่ว่าจะของจีนหรือของตะวันตกก็ไม่ปฏิเสธ

หลังจากซื้อขนมเสร็จแล้ว หมิงโร่ก็ตัดสินใจเดินทางกลับจวน จือซูจำได้ว่าแถวนี้มีทางลัด จึงเดินนำทางไปด้านหน้า

หมิงโร่โบกสะบัดพัดไปมา และก้าวเดินอย่างสง่างาม

“กรี๊ด !” จือซูกรีดร้อง

หมิงโร่ตกใจเพราะเสียงกรีดร้องนี้ ทำให้พัดในมือเกือบลอยกระเด็นไป : “เป็นอะไรไป ?”

“พระชายาเพคะ ตรงนี้มีคนตายเพคะ” จือซูตกใจจนสติหลุด ใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษ

นี่มันเมืองหลวงนะ การรักษาความปลอดภัยหละหลวมเพียงนี้เชียวหรือ หมิงโร่เดินเข้าไป จือซูดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้ : “พระชายาเพคะ พวกเราเปลี่ยนเส้นทางเถอะเพคะ ช่างโชคร้ายจริง ๆ เลย”

หมิงโร่พิจารณาอย่างละเอียด ชายหนุ่มชุดดำนั่งพิงอยู่ตรงมุมกำแพง ผมของเขาเกล้าเอาไว้ด้วยหยกดำ ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความดื้อรั้นไม่น้อย

คนที่นี่ล้วนหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้เลยหรือ หากผู้ชายคนนี้อยู่ในยุคปัจจุบัน คงเหมาะจะเป็นหมาป่าตัวน้อยของสาว ๆ อย่างแน่นอน

ชายคนนี้ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเขียวคล้ำ น่าจะถูกพิษเข้า ด้วยประสบการณ์ทางการแพทย์ที่มีมาหลายปี หมิงโร่ก็สรุปได้ว่าผู้ชายคนนี้ยังไม่ตาย

เธอเดินเข้าไปจับชีพจรของชายหนุ่ม ระบบการแพทย์สรุปผลการวินิจฉัยออกมาทันที----ผู้ป่วยถูกพิษงู มีบาดแผลขนาดยี่สิบเซนติเมตรอยู่ตรงช่องท้องทางด้านซ้าย ขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะช็อก ต้องการการปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยด่วน

“เจ้าหน้าตาไม่เลว สามารถช่วยชีวิตไว้ได้”

เมื่อจือซูได้ยินคำพูดนี้ก็พระชายา ก็พูดไม่ออก เพราะการช่วยเหลือคนด้วยเหตุผลเพราะหน้าตาดี ดูจะไร้สาระเกินไปหรือไม่

“จือซู เจ้ารีบไปหาคนมาช่วย พวกเราจะพาเขาไปส่งโรง......” จะพูดว่าโรงพยาบาลไม่ได้ ควรจะพูดว่า “เอ่อ......โรงหมอ”

“อาการของเขาร่อแร่เช่นนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครเต็มใจช่วยนะเพคะ” จือซูใช้ชีวิตในเมืองหลวงมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ดีว่าในเมืองหลวงไม่มีใครเต็มใจจะยุ่งเรื่องของผู้อื่นนัก ใช่ว่าคนที่นี่จะแล้งน้ำใจ แต่เป็นเพราะในเมืองหลวงมีเชื้อพระวงศ์อาศัยอยู่จำนวนมาก หากไม่ระวังอาจนำภัยมาสู่ตัวได้

“ให้เงินมากสักหน่อย จะต้องมีคนยินดีช่วยแน่นอน” เงินช่วยบันดาลได้ทุกอย่าง หลักการนี้ใช้ได้ผลในทุกยุคทุกสมัย

“อ้อ” จือซูรู้สึกว่าตนเองนั้นโง่เขลาสิ้นดี ทำไมถึงคิดไม่ถึงเรื่องการใช้เงินว่าจ้างคนนะ

เมื่อเห็นจือฉ่าเดินจากไป หมิงโร่ก็รีบหยิบเซรุ่มออกมาจากระบบการแพทย์ แล้วทดสอบบนผิวหนังของชายคนนี้ก่อน

ไม่ช้าจือซูก็เดินนำชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำคนหนึ่งกลับมา ชายผู้นั้นแบกชายหนุ่มขึ้นอย่างง่ายดาย : “ท่านชาย จะพาไปที่ไหนขอรับ ?”

“พาไปที่โรงหมอ” หมิงโร่ตอบ

“ขอรับ” ชายฉกรรจ์เดินเข้าไปอีกตรอกหนึ่งอย่างสบาย ๆ

หมิงโร่มองสำรวจดูรอบ ๆ ถนนสายนี้ก็มีร้านค้าตั้งอยู่เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่หรูหรางดงามเท่ากับที่เดินผ่านมาเมื่อครู่ ชายฉกรรจ์เดินเข้าไปในร้านร้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว หมิงโร่เงยหน้าขึ้นมอง คิดว่าเจ้าของร้านกับตนเองนั้นเหมือนกัน เป็นพวกที่ไม่มีพรสวรรค์ในการตั้งชื่อ บนแผ่นไม้เก่า ๆ เขียนเอาไว้ว่า----ร้านยาร้านหนึ่ง

หมิงโร่เองก็ตามเข้าไปในร้านด้วย เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยของยาจีน ก็รู้สึกเป็นกันเองอย่างยิ่ง ชายฉกรรจ์วางชายหนุ่มลงบนเตียงไม้ที่ใช้ตรวจโรค แล้วหันไปยิ้มกว้างให้กับหมิงโร่ : “ถึงโรงหมอแล้วขอรับท่านชาย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel