๘ คืนอิสระ (๔)
“คุณพ่อคุณแม่ไม่มีทางยอมหรอก” หาข้ออ้างเพื่อไม่ยอมหย่ากับเธอ แต่คนฟังกลับหัวเราะอย่างเจ็บปวด เมื่อคิดว่าเขาพยายามถามเพื่อเอาตัวรอด กลัวบุพการีจะดุด่าก็เท่านั้น
“เน่จะพูดกับพวกท่านเองค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงว่าจะได้รับผิดชอบเน่หรอก เน่ไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว” กลายเป็นเขาที่น้ำท่วมปากพูดไม่ออก กลัวว่าหากสารภาพรักตอนนี้จะยิ่งทำให้เรื่องไปกันใหญ่ เธออาจจะคิดว่าคำรักเป็นเพียงลมปากไม่ได้มาจากใจจริง
ร่างหนายืนนิ่งเหมือนถูกสาปเป็นหิน มารู้ตัวอีกทีตอนที่หล่อนถอดแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่สวมติดนิ้วนางข้างซ้ายตลอดเวลาออก ก่อนจะวางไว้บนมือของเขาพร้อมคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของปีแสงจนกลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่
“แหวนวงนี้ เน่คืนให้นะคะ”
รอยยิ้มนั้นของเธอ...เหมือนว่าเขาจะได้เห็นมันเป็นครั้งสุดท้าย
มือหนากำแหวนเอาไว้แน่นจนเจ็บไปทั่วฝ่ามือ แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับหัวใจที่เหมือนโดนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง
“เน่...เธออยากหย่ากับพี่จริงเหรอ” คำถามที่เว้าวอนกับสายตาจ้องหล่อนไม่เคลื่อนแม้แต่น้อย ยังอยากขอโอกาสจากหญิงสาวแต่เหมือนว่าเธอตัดสินใจอย่างหนักแน่นที่จะหย่ากับเขา กระดาษเพียงใบเดียวที่เขาไม่เคยอยากเซ็น บัดนี้กลับอยากกอดเอาไว้ไม่ยอมให้เธอพรากมันไปได้
ไม่หย่าได้หรือเปล่า...
คำถามนั้นที่เขาควรเอ่ยต่อ แต่เป็นเธอที่พูดขึ้นชัดเจน “ค่ะ เน่ต้องการหย่า” แววตามุ่งมั่นจนคนฟังเข่าอ่อนต้องทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่มีคำเอื้อนเอ่ยต่อจากนี้ ทำได้เพียงปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอย่างเดียว
ต่อจากนี้...เขาจะไม่มีเธอในชีวิตจริงเหรอ
เดินกลับเข้ามาในบ้านเมื่อหญิงสาวหลับแล้วไล่ให้เขาออกจากห้อง แววตาคมเหม่อลอยกระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงบ้านได้อย่างไร โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ขับรถชนจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน ขาแกร่งเดินเข้ามาในเรือนหอของเราที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสและรอยยิ้มของภรรยาที่ออกมาต้อนรับกันเสมอ
กลั้นน้ำตาเอาไม่แทบไม่อยู่เมื่อคิดว่าต่อจากนี้จะไม่มีดรุณีคอยป้วนเปี้ยนรอบกายอีกแล้ว พลันไร้เรี่ยวแรงจนต้องแวะนั่งที่ห้องรับแขก ถอนหายใจหนักพร้อมมองไปยังกรอบรูปวันแต่งงานที่เธอนำมาแขวนไว้ข้างฝาผนัง
อยู่ดีๆ ก็น้ำตารื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ก่อนจะรีบปาดน้ำตาออกเมื่อแม่บ้านเดินเข้ามาในห้อง “คุณปีคะ เอ่อ เค้กที่คุณเน่ทำไว้จะเอายังไงดีคะ” คำถามสร้างความสงสัยแก่คนฟัง ไม่ทราบว่าหล่อนทำเค้กเอาไว้จึงกลายเป็นถามย้ำ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ขยายความมากกว่านี้อีกหน่อย
“เค้ก...”
“ค่ะ คุณเน่ทำไว้เมื่อวานบอกว่าจะรอให้คุณปีกลับมากินค่ะ” ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม มองโซฟาแล้วคิดถึงภาพที่หญิงสาวชะเง้อคอยตน หล่อนคงรอเขานานมากเลยสินะ คิดอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจที่ดรุณีตัดสินใจหย่าเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป
เธอทำเพื่อเขา...เยอะมากเหลือเกิน
“เอามาเลย ฉันจะกินตอนนี้”
“ค่ะ”
แม่บ้านรับคำแล้วเดินเข้าไปนำเค้กช็อคโกแลตมาให้ชายหนุ่ม วันก่อนเราทะเลาะกันจนเขาแยกห้องนอน เธอคงจะคิดมากและอยากขอโทษกับเรื่องทั้งหมด ซึ่งพอย้อนกลับมาคิดก็เข้าใจในมุมของหล่อน เป็นเขาที่โกหกทำให้เธอไม่ไว้ใจ
เมื่อก่อนดรุณีไม่เคยเช็คโทรศัพท์หรือวุ่นวายกับเวลากลับบ้านของเขาเลยสักครั้ง เธอให้อิสระเต็มที่เพราะเชื่อใจ แต่ตนที่ทำลายความเชื่อใจนั้นทิ้งไป
ตอนนี้จึงทำได้เพียงนั่งอ่านข้อความบนเค้กที่ชวนน้ำตาไหล จนต้องรีบปาดน้ำสีใสออกไปอย่างรวดเร็ว
‘เน่รักพี่ปีเท่าจักรวาล’
เขารับรู้ถึงความรักของเธอ เป็นฝ่ายรับจากหญิงสาวมาตลอดหลายปี แต่ไม่เคยได้ตอบกลับเลยสักครั้ง
พออยากเป็นฝ่ายให้บ้าง...เธอก็ไม่อยู่ให้รักเสียแล้ว
“หึ...รักแล้วจะหย่าทำไม” พึมพำด้วยความน้อยใจ แล้วเริ่มลงมือกินเค้กที่เธอตั้งใจทำเพื่อง้อเขาโดยเฉพาะ กินไปพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย นั่งกินขนมอยู่อย่างนั้นจนหมดจาน
“ไม่เห็นจะอร่อยเลย...กลับมาทำให้พี่กินอีกได้หรือเปล่า”
ไม่มีคำตอบเพราะคำถามไปไม่ถึงหล่อน...
ดรุณียื่นคำขาดขอหย่า ไม่มีทางที่จะอ้อนวอนให้ขอกลับมาเป็นสามีภรรยาเหมือนเดิมได้เลย โอกาสของเขาหมดลงแล้ว
