๘ คืนอิสระ (๑)
๘
คืนอิสระ
ดวงตาคมแดงก่ำจากเรื่องที่เพิ่งทราบ ความเจ็บที่มุมปากไม่เท่ากับหัวใจซึ่งปวดร้าวกับข่าวร้าย โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่อยู่ดูแลหล่อนกับลูก ชายหนุ่มเข้ามานั่งข้างเตียงคนเจ็บที่นอนหลับสนิทจากฤทธิ์ยา
ยกมือขึ้นลูบศีรษะมนแล้วค่อยโน้มตัวไปจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา สูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปแล้วทั้งที่พวกเราประคบประหงมเด็กน้อยในท้องเป็นอย่างมาก ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคือความจริง ร้อนผ่าวที่เบ้าตาก่อนจะเช็ดน้ำตาออก
เขายังเจ็บขนาดนี้ แล้วเธอที่เป็นคนอุ้มท้องมากว่าห้าเดือนจะเจ็บมากแค่ไหน กลัวใจหญิงสาวเหลือเกินไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้ กุมมือบางเอาไว้พร้อมกับร้องไห้เป็นครั้งแรก ลูกคนแรกที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา แต่เมื่อเด็กน้อยถือกำเนิดก็วาดหวังเอาไว้ว่าจะต้องเป็นพ่อที่ดีให้ได้
บัดนี้ทุกอย่างกลับพังทลายลง...
ถ้าวันนี้เขาอยู่บ้าน เธอก็คงไม่ต้องเสียลูกไปใช่ไหม ความผิดทั้งหมดเป็นของเขาเอง ชายหนุ่มนึกโทษตัวเองแล้วรอให้หญิงสาวฟื้น
“เน่...พี่ขอโทษ ตื่นมามองพี่หน่อยได้ไหม” พึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นว่าหล่อนยังหลับสนิท ไหล่ที่เคยผายกลับงองุ้มแล้วเอาแต่กุมมือบางพร้อมมองใบหน้าหวานเอาไว้ด้วยความรักอย่างที่แสงเหนือไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้เห็น
คนเป็นน้องยังนั่งอยู่ในห้องด้วยแต่เหมือนว่าพี่ชายอาจจะไม่ได้เห็นเขาในสายตาแล้ว ความสนใจพุ่งไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง
“นายกลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่จะเฝ้าเน่เอง คนอื่นรู้เรื่องหรือยัง” เพิ่งรู้สึกตัวจึงหันไปถามแสงเหนือ อีกฝ่ายส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อย แทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องเฝ้าเพื่อนที่ร้องไห้ทั้งคืนเพิ่งหลับไปไม่นานอีก
“ยัง ผมไม่ได้โทรบอกใครเพราะเน่ห้ามเอาไว้ มีแค่คนที่บ้านพี่ที่รู้เรื่องนี้ ผมอยากให้พี่เคลียร์กับเน่ก่อนค่อยบอกคนอื่น เพราะถ้าพี่สองคนรักกันแล้วยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่มีผลต่อความสัมพันธ์คนอื่นคงไม่ว่าอะไรหรอก” คำพูดของแสงเหนือทำให้ร่างสูงชะงักไปครู่หนึ่ง
“หมายความว่ายังไง” หันหน้ามามองคนนั่งบนโซฟาเต็มตัว ก่อนแสงเหนือจะลุกยืนเต็มความสูงเข้ามาใกล้พี่ชาย เหลือบมองคนนอนบนเตียงด้วยความสงสาร ระหว่างขับรถมายังโรงพยาบาลรับรู้ถึงความเจ็บของเพื่อนสนิทเป็นอย่างดี พร้อมคำพูดสุดท้ายก่อนเข้าตรวจที่ย้ำกับเขา
ว่าเธอต้องการหย่า...
ไม่คิดว่าคำนี้จะออกมาจากปากของดรุณี ตลอดเวลาเธอให้ปีแสงเป็นหนึ่งในใจตลอด ความรักไม่เคยลดน้อยลงเลย จนมาถึงวันที่ต้องการตัดความสัมพันธ์ คงมีเรื่องกระทบกระเทือนใจมากพอสมควร
“ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้รักเน่ พี่แค่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่พี่ทำลงไป แต่ตอนนี้เด็กไม่อยู่แล้ว...พี่ยังจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานอีกเหรอ” คนฟังนั่งนิ่งไม่สามารถตอบอะไรกลับได้ในทันที ถึงจะมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเอง ทว่าความผิดของเขาก็ใหญ่เกินกว่าชายหนุ่มจะกล้าเอ่ยคำนั้นอย่างคนเห็นแก่ตัว
ไม่รู้ว่าถ้าบอกรักไปเธอจะเชื่อหรือเปล่า อาจคิดว่าเขาพูดเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เสียลูกไปก็ได้
การนิ่งเงียบของพี่ชายทำให้คนอายุน้อยกว่าเดินมาตบบ่าเขาเพื่อให้กำลังใจ เห็นว่าเปลือกตาที่เคยปิดสนิทเริ่มขยับ จึงเปิดโอกาสให้สามีภรรยาได้พูดคุยกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเขาก็เคารพการตัดสินใจของทั้งคู่
แม้จะเสียดายว่าอาจจะต้องเสียพี่สะใภ้คนโปรดไปก็ตาม อย่างน้อยหล่อนก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
“ผมกลับบ้านก่อนนะ ตกลงกันได้ก็โทรมาบอกด้วย”
“อืม” พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ มองตามแผ่นหลังกว้างของน้องชายเดินออกจากห้อง แล้วค่อยกลับมาจ้องดวงหน้าหวานอีกครั้ง ถอนหายใจด้วยความคิดหนักไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหล่อนถึงจะหายโกรธเขา
สายที่ไม่ได้รับ...มันคือความหวังของหญิงสาวที่หายไป
แล้วเขาทำลายด้วยการปิดเครื่อง ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ทำได้เพียงกำมือบางเอาไว้จนรู้สึกว่านิ้วเธอเริ่มขยับ มุมปากที่เหยียดตรงจึงได้ยิ้มโค้งมีความสุข รีบมองใบหน้าหวานซึ่งเปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า
หล่อนรู้สึกตัวแล้ว!
ลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ยืนขึ้นลูบศีรษะมนพร้อมยิ้มกว้างอย่างมีความสุข อยากคว้าเธอเข้ามากอดแต่ก็ไม่กล้า เมื่อเห็นว่าดวงตากลมที่เคยเต็มไปด้วยความรักยามมองกัน บัดนี้กลับเหินห่างเย็นชาจนนึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
“เน่ เน่ตื่นแล้วเหรอ อยากดื่มน้ำไหม” รีบกดหัวเตียงให้สูงขึ้น ก่อนประคองร่างบางลุกนั่งอย่างระมัดระวัง หน้าท้องของเธอยังคงป่องเหมือนเดิมแต่กลับไม่มีเด็กในนั้นแล้ว เขาอยากไปคุยกับหมอแต่ก็ถูกน้องชายกันเอาไว้ ทราบเพียงว่าสูญเสียลูกไปแล้ว
รินน้ำใส่แก้วยื่นไปจ่อริมฝีปากอวบอิ่ม กลับถูกเธอเบี่ยงหน้าหลบแล้วปฏิเสธเสียงเบา ตั้งแต่หญิงสาวตื่นขึ้นมาแทบจะไม่ได้สบตาเขาโดยตรง เล่นเอาชายหนุ่มใจแป้วหน้าเสีย วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงเหมือนเดิม
“ไม่ค่ะ”
หล่อนนั่งเงียบแล้วมองมือที่ประสานกันบนหน้าตัก ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ร่างสูงเห็นดังนั้นก็สงสารภรรยาเป็นอย่างมาก เขาเองก็เสียใจที่เสียลูกไป แต่ก็ต้องหยัดยืนเป็นหลักให้เธอพึ่งพิง ไม่อาจแสดงออกถึงความเศร้าได้
หยิบกระดาษทิชชู่แล้วเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้หล่อน กลับถูกมือบางปัดออกอย่างรวดเร็วจนเขาพูดอะไรไม่ออก
เธอทำคล้ายรังเกียจกัน...
