5 จะเจอกันได้ยังไง
ช่วงบ่ายวันนี้เขาไม่มีสอน คาร์ลอสจึงนั่งตรวจงานที่สั่งให้นักศึกษาทำอย่างอารมณ์ดี
เพราะหลังจากได้พูดคุยเรื่องที่ค้างคาใจออกไปบ้างแล้วเขาก็สบายใจขึ้น
และคิดว่าเวลาที่ผ่านมานานนั้นอาจเยียวยาจิตใจของเขาจนเกือบหายดีก็เป็นได้
เขานั่งตรวจงานไปเรื่อยๆ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดลง
ชายหนุ่มรีบเก็บของให้เข้าที่แล้วรีบขับรถตรงไปยังหอสมุดที่อยู่ไกลออกไปจากภาควิชาของเขาเพียงไม่กี่ตึก
ภายในหอสมุดเวลาเย็นยังพอมีนักศึกษาอยู่บ้างประปราย เขามองตรงไปยังเค้าเตอร์ที่เคยเจอกับเธอเป็นครั้งแรก แต่คนที่นั่งอยู่นั้นกลับไม่ใช่คนที่เขาตามหา
หอสมุดแห่งนี้เป็นอาคารขนาดกลางที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น โดยสองชั้นแรกนั้นเป็นส่วนของหนังสือและมีโต๊ะสำหรับอ่านหนังสืออยู่เป็นจำนวนมาก ใน ส่วนชั้นที่สามนั้นเป็นส่วนของสื่อสารสนเทศต่างๆ มีห้องประชุมขนาดเล็กหลายห้องและอีกครั้งหนึ่งของชั้นสามก็เป็นคอมพิวเตอร์สำหรับสืบค้นข้อมูลของนักศึกษา
คาร์ลอสเดินไปตามชั้นหนังสือ สองตาคมพยายามมองหาหญิงสาวร่างเล็กที่เจอเมื่อวาน จากชั้นหนังสือ
ชั้นแล้วชั้นเล่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองก็ยังไม่เจอ ครั้นจะไปถามก็ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
เมื่อกำลังจะออกจากหอสมุดสายตาของเขาก็พลันหันไปเจอผังบุคลากรที่ติดอยู่ตรงใกล้ๆ กับประตูทางออก
คาร์ลอสแทบไม่ต้องใช้เวลาหาเลยสักนิด เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้สายตาของเขาพุ่งตรงไปยังเธอคนเดียวเท่านั้น
“อัญญา ชื่อน่ารักจัง” เขาพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าไม่เจอกับเธอแต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าเธอชื่ออะไร เขายิ้มมุมปากก่อนที่จะกลับออกไปอย่างคนมีความหวัง
******
ห้องสมุดภาควิชาเศรษฐศาสตร์
“ขอบใจมากนะจ๊ะ น้องอัญ”
หญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มทีเอ่ยกับอัญญาที่วันนี้เธอมาช่วยงานที่ห้องสมุดที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกคณะเศรษฐศาสตร์
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เบญ ยังไงวันนี้อัญก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดีซะอีก มาช่วยงานพี่เบญวันนี้ทำให้อัญได้เรียนรู้ระบบของห้องสมุดนี้ได้เยอะเลยค่ะ”
“พี่ดีใจนะ ที่น้องอัญเป็นคนที่จะมาทำงานแทนพี่ตอนที่พี่ลาคลอด เพราะใครๆ ที่หอสมุดก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องอัญทำงานดี เรียบร้อย”
“พี่เบญก็พูดเกินไปค่ะ อัญไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่อัญชอบอ่านหนังสือและเข้าห้องสมุดมาตั้งแต่เด็กเวลาทำงานก็เลยมีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางหนังสือ งานก็เลยออกมาดี”
“น้องอัญน่ารักอย่างนี้พี่ชักอยากให้มาทำงานที่นี่กับพี่ตลอดเลยนะเนี่ย”
“แต่ที่นี่ก็มีคนอื่นอยู่แล้วนะคะ”
อัญญาท้วง เธอไม่อยากมาแย่งงานคนอื่น
“ไม่แน่หรอกค่ะน้องอัญ เพราะเห็นว่าเดือนหน้าจะมีหนังสือมาลงเพิ่มอีกเยอะ เราอาจต้องการบรรณารักษ์เพิ่มอีกสักคนก็ได้นะคะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงอัญก็ยินดีค่ะ”
******
หลังจากกลับถึงห้องพักอัญญาก็คิดถึงเรื่องที่พูดกับเบญญาภาบรรณารักษ์รุ่นพี่ที่ทำงานประจำที่ห้องสมุดของคณะเศรษฐศาสตร์ ถ้าเธอได้ไปทำงานที่นั่นก็คงดี เพราะที่ตึกนั้นคนที่มาใช้บริการส่วนมากก็จะเป็นอาจารย์ประจำคณะก็เท่านั้น
อยู่ๆรอยยิ้มก็หายไปเมื่อคิดไปว่าถ้าเธอมาทำงานที่นี่ก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกับเขา ชายคนที่ขโมยจูบแรกไปจากเธอ
“ท่าจะบ้าไปแล้วนะเรา” เธอพูดกับตัวเอง
ติ๊ด.. ติ๊ด..ติ๊ด..เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น
เมื่อกดรับปลายสายก็ส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงมาทันที
“ยัยอัญ ฉันมีเรื่องจะเล่าแหละ”
นวนันท์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเจื้อยแจ้วมาตามสาย
“เสียงตื่นเต้นขนาดนี้อย่าบอกนะว่าทำใจได้แล้ว”
ที่ต้องถามอย่างนี้เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนนวนันท์ยังโทรมาร้องห่มร้องไห้ที่อนิลแฟนหนุ่มซึ่งคบกันมานานบอกเลิกไป
“ทำใจเหรอ No No เรื่องแบบนี้ใครจะทำใจได้”
นวนันท์นั้นเป็นคนที่เปลี่ยนแฟนมาหลายคนแต่คนล่าสุดนั้นก็คบกันมาเกือบปีซึ่งนานกว่าคนอื่นๆมาก
จนเธอคิดว่าเพื่อนคงจะลงเอยกับชายคนนี้ซะแล้ว
“แล้วมีเรื่องอะไรดีเหรอ เล่ามาสิ”
“ก็เมื่อวานฉันเจอเนื้อคู่”
“เดี๋ยวนะ ฉันงงไปหมดแล้ว ไหนว่ายังทำใจไม่ได้”
“ก็ใช่ไง ทำใจไม่ได้กับอนิลแต่มันก็ไม่เกี่ยวกับคนใหม่ป่ะล่ะ”
นวนันท์ตอบอย่างสาวมั่น
“ฉันละเบื่อกับความเจ้าชู้ของเธอซะจริง”
“ไหนใครกันเจ้าชู้ แกก็พูดไปเรื่อย ฉันน่ะคบทีละคนย่ะ”
ก็จริงอย่างที่เธอพูดเพราะถ้าเธอได้คบใครแล้วก็จะซื่อตรงกับคนคนนั้นเพียงแต่ระยะเวลาที่คบกันอาจเร็วไปหน่อยเท่านั้นเอง
“ย่ะ แม่คนดี” อัญญาประชดแบบไม่จริงจังมากนัก
“จริงนะแก คนนี้ฉันจริงจังมาก”
“ฉันก็เห็นจริงจังตลอดแหละ”
“แล้วคนนี้เป็นใครล่ะ”
“อือ น่าจะเป็นหมอนะ ถ้าเดาไม่ผิด”
“อ้าว ไม่รู้จักหรอกเหรอ แล้วไหนว่าเนื้อคู่”
“ก็ยังไม่รู้จักไง แต่รู้ว่าเป็นเนื้อคู่ เมื่อวานฉันเจอเค้าตรงซุปเปอร์อะแก ผู้ชายเดินซื้อของนี่เซ็กซี่ชะมัด”
“แค่เดินซื้อของเนี่ยนะ”
“อือ คนมันเซ็กซี่อะแก แค่หายใจก็เซ็กซี่แล้วแหละ”
“ฉันล่ะ อยากจะบ้านตายกับแกเสียจริงๆ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งน่ะ จะจับฉีดยาคุม เอ้ยไม่ใช่สิอย่างอกต้องฝังยาคุมเอาแบบ 5 ปีเลยนะ”
“แก่ก็พูดเกินไป สาวพรหมจรรย์อย่างแกไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“อือ ก็จริงนะ” เสียงตอบแผ่วเบา
“ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น เป็นอะไรหรือเปล่า”
เพราะปกติแล้วอัญญามักจะภูมิใจหนักหนาที่ตัวเองยังรักษาพรหมจรรย์มาจนถึงทุกวันนี้
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ฉันก็แค่คิดว่าฉันรักษาพรหมจรรย์ไปเพื่อใครกัน”
“แกเคยบอกว่า เพื่อนคนที่แกรัก คนที่แกจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอด แต่นี่แกก็อายุ 28 แล้วนะ เมื่อไหร่แกจะเจอคนที่ใช่สักที”
“ฉันว่าฉันคงอยู่เป็นโสดตลอดไปแล้วแหละ”
“บ้าน่า เป็นโสดน่ะ มันไม่สนุกเท่าไหร่หรอกนะ หน้าตาแกก็ออกจะสวยแต่แกเองนั่นแหละ ไม่แต่งหน้าไม่แต่งตัว แถมยังทำตัวเย็นชาใครเขาจะกล้ามาจีบ”
“ก็ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ ถ้าต้องให้เปลี่ยนตัวเองเพื่อใครฉันคงไม่มีความสุข”
“แหมแก มันก็ต้องมีแรงดึงดูดบ้างสิ ผู้ชายถึงจะกล้าเข้ามาจีบ แกลองไปที่อื่นบ้างนอกจากที่ทำงาน ที่บ้านแล้วก็ร้านฉัน”
“จะให้ไปผับเกือบทุกคืนอย่างแกฉันคงไม่ไหวหรอก”
“ก็ไม่ต้องขนาดนั้น เอาเป็นว่านานๆ ไปทีก็ได้นี่”
“อือ ฉันจะลองคิดดูนะ”
“นั่น มันต้องอย่างนั้นสิเพื่อนฉัน”
“ฉันถามหน่อยสิแกรู้ได้ไงว่าหมอที่เจอเป็นเนื้อคู่ของแก”
“แหม ก็นะ ความรู้สึกมันบอก”
“เอาแบบรูปธรรมหน่อยได้ไหม” คนไม่เคยมีแฟนพูด
“ก็แบบ อยู่ใกล้แล้วใจเต้นแรง ไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาเผลอๆมันนึกถึงเค้า ก็ประมาณแบบนั้นแหละ”
“อ๋อ”
“แกเคยเป็นแบบนั้นไหม”
“....”
“ฉันว่าแกต้องเจอแล้วแน่” เมื่อเห็นเพื่อนเงียบนวนันท์ก็เดาออก
“ก็ไม่เชิงนะ”
“เค้าเป็นใคร ฉันเคยเจอไหม”
“ฉันไม่รู้”
“อะไรของแกเนี่ย”
“ก็จริง ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันเคยเจอเค้าแค่ครั้งเดียว”
“เอาแล้วไงแก แล้วเราจะไปตามหาที่ไหนล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้”
“แล้วแกเจอเค้าที่ไหน”
“ที่หอสมุด”
“โอ๊ย ไม่เห็นจะยากเลย เค้ามาหอสมุดถ้าไม่ใช่อาจารย์ก็นักศึกษาแหละ”
“ก็คงอย่างนั้น”
“งั้นก็ไม่ยาก แกก็ไปดูประวัติสิ ถ้าเข้ามาใช้บริการก็ต้องมีข้อมูล บรรณารักษ์อย่างแกไม่น่ายาก”
“อือ...ก็คงงั้นแหละ” อัญญาลอบถอนหายใจเพราะมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เพื่อนเธอบอก อีกอย่างตอนนี้เธอก็ต้องย้ายไปทำงานที่คณะเศรษฐศาสตร์แล้ว คงไม่ได้เจอเขาอีกแน่ ๆ