ตอนที่1[ขัดดอก]
ซ่อน…รักเล่ห์มาเฟีย
ตอนที่ 1
[ขัดดอก]
โครม!
พลั่ก!
เสียงแรงกระแทกของร่างเพรียวที่ถูกเหวี่ยงโดนขอบโต๊ะร่วงมากระทบพื้นกระเบื้องเย็นยะเยือก แล้วตามมาด้วยแรงหมัดกระทบเข้าที่ปลายคางเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วมุมห้องแคบ ที่ด้านบนเป็นผับใหญ่ แต่มีห้องใต้ดินเป็นบ่อนหรูหรา ทำให้ ‘เคนภูมิ’ แน่นิ่งอย่างไม่เป็นท่า เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อกรกับชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของบ่อนใหญ่แห่งนี้
การที่เคนภูมิคิดจะหาเงินทางลัดมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ การที่ใครจะเข้ามาในวงการนี้แล้วมีเงินทองหอบหิ้วกลับบ้าน เป็นเรื่องที่ยาก มันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ แค่นั้นเอง
เคนภูมิเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐฯแห่งหนึ่ง การที่ทางบ้านฐานะยากจนและเป็นเด็กต่างจังหวัด จึงทำให้เขาดิ้นรนหาเงินส่งตัวเองเรียน
สำหรับเงินกู้เรียนที่รัฐฯจัดสรรให้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในยุคสมัยนี้อย่างแน่นอน
และการหลวมตัวเข้ามาในวงการนี้ก็ใช่ว่าจะเลิกกันได้ง่าย ๆ เพราะมันเป็นอบายมุขที่ลุกลามเหมือนไฟ ที่พร้อมจะแผดเผาลุกไหม้ให้เป็นจุณ ไม่ใช่แค่ตัวเขาแต่ก็อาจจะแผดเผาผู้คนรอบตัวไปด้วย
"ใจเสาะฉิบ!" ทนงสบถออกมาอย่างคนหัวเสีย
"เอาน้ำมาสาดให้มันฟื้น" ทนงสั่งลูกน้องที่ยืนดูอยู่ใกล้ ๆ รีบไปตักน้ำมาสาดลงบนหัวคนที่สลบไม่ได้สติ ไม่นานร่างที่เปียกปอนก็ยันกายลุกขึ้นนั่ง มองคนตัวใหญ่ที่ยืนจ้องมาอย่างหวาดกลัว
"มึงจะเอายังไง เงินที่เอาไปกูให้เวลามึงแค่เที่ยงพรุ่งนี้" ทนงใช้เสียงหนักแน่นจนคนนั่งฟังสะดุ้งโหยง ถึงกับรักตัวกลัวตาย คุกเข่าคลานมากราบแทบเท้า
"เฮีย..ผมส่งผู้หญิงมาขัดดอกก่อนได้ไหม" เคนภูมิพูดออกมาอย่างลนลานเพราะกลัวตาย เมื่อนึกถึง ‘อารดา’ แฟนสาวที่เพิ่งคบกันเมื่อขึ้นปีสองในสถาบันเดียวกัน
"กูจะลองเชื่อมึงดูสักครั้ง"
ช่วงนี้ปิดเทอมอารดาได้ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่พัก เธอพยายามหางานที่อยู่ใกล้ที่พักให้มากที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง หญิงสาวทำงานทุกอย่างที่เป็นงานสุจริต เพื่อให้ได้เงินมาแบ่งเบาภาระให้ปู่ที่ทำงานหนักส่งเธอเรียน ปู่ป่วยออด ๆ แอด ๆ มาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่ไม่ยอมไปหาหมอเพราะกลัวเงินในกระเป๋าไม่พอใช้จ่ายค่าเทอมหลานสาวคนเดียว
วันนี้อารดาจึงขอลาหยุดงานหนึ่งวัน เพื่อพาปู่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐบาลใกล้ ๆ หมอรับปู่ไว้นอนรักษาตัว เพราะปู่เป็นโรคปอดเรื้อรังต้องเข้ารักษาด่วน
อารดาก้าวลงจากรถประจำทางเดินเข้าทางแคบเล็ก ๆ ไปหาห้องพักด้วยใจที่หดหู่ เมื่อเปิดดูในกระเป๋าเห็นเศษเงินที่หลงเหลือจากจ่ายค่ายาให้ปู่ไปแล้ว จึงหยิบแบงก์ร้อยใบสุดท้ายไปซื้อกับข้าว เพื่อจะเข้าห้องไปกินข้าวเที่ยงแต่เลยมาเป็นบ่ายไปแล้วที่ข้าวยังตกไม่ถึงท้อง
หญิงสาวเดินมาถึงหน้าห้องก้มลงล้วงหากุญแจในกระเป๋า แต่ทันใดนั้นได้มีชายฉกรรจ์สองคนมาใช้มือใหญ่ปิดปากเธอไว้ แล้วลากคนตัวเล็กมาขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้หน้าปากซอย
อารดาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมลากถู เมื่อมาถึงรถเก๋งสีดำชายแปลกหน้าก็โยนเธอเข้าไปที่เบาะด้านหลัง ก่อนจะมีชายตัวใหญ่อีกคนขึ้นตามมานั่งใกล้ ๆ จับมือสองข้างของเธอไปมัดรวบไว้
"ปล่อย! ปล่อยนะ จับฉันมาทำไมบอกให้ปล่อย" อารดาร้องขอ
"หาอะไรอุดปากมันไว้ รำคาญ!" คนตัวใหญ่ที่ทำหน้าที่คนขับตะโกนออกมา
อารดามองคนแปลกหน้าด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับคิด 'นี่มันบ้าอะไรกัน’ ทำไมจู่ ๆ คนพวกนี้ถึงมาจับตัวเธอ เพราะถ้าจำไม่ผิด อารดาไม่เคยไปทำร้ายใครและไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับใครเลยสักครั้ง
สายตาตระหนกหวาดกลัวเปิดเผยอย่างชัดเจน เมื่อรถแล่นพาเธอผ่านเส้นทางที่ไม่คุ้นชินมาไกลแสนไกล
เธอได้แต่ดิ้นรนเพื่อที่จะได้หลุดพ้นไปจากกลุ่มคนพวกนี้ แต่ดิ้นเท่าไหร่เหมือนจะหมดแรงลงไปทุกที เพราะตั้งแต่เที่ยงข้าวสักเม็ดยังไม่ได้ตกถึงท้องเลย
หญิงสาวจึงแน่นิ่งพักเอาแรง เพื่อจะเก็บเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดไว้หลบหนียามมีช่องทาง
รถแล่นมาถึงโกดังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างไกลความเจริญพอสมควร เมื่อรถเก๋งคันดำเลี้ยวเข้าประตูใหญ่ ที่มีคนเปิดรอทิ้งไว้ก่อนแล้ว รถแล่นเข้าไปจอดด้านใน ประตูใหญ่ด้านหน้าก็ปิดลง
อารดามองรอบ ๆ ตัว ด้วยอาการหวาดกลัว คนพวกนี้พาเธอมาทำอะไรที่นี่
เมื่อรถจอดสนิทคนขับก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้หญิงสาวที่อยู่เบาะหลังเกิดอาการสั่นเทา
"ลากตัวมันลงมาแต่อย่าให้บอบช้ำ นายใหญ่สั่งมาเดี๋ยวจะเข้ามาดู"
ชายตัวใหญ่นั่งเบาะหลังคู่จึงลากอารดาลงมาจากรถ ลากจูงเธอให้เดินตามมาถึงห้องกว้าง แล้วจับตัวเธอให้นั่งลงที่เก้าอี้ พร้อมหยิบเชือกมามัดที่เอวคอดไว้กับพนักพิง
รอไม่นานเสียงโทรศัพท์ของชายแปลกหน้าก็ดังขึ้น หญิงสาวเห็นเขากดรับสาย คุยกันครู่เดียวก็หันมาสั่งคนร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ
"ลากมันไปขึ้นรถ นายใหญ่ติดงาน ให้พาไปที่สำนักงานใหญ่"
คนขับรถที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งนายก็ออกเดินนำหน้า คนที่ตัวใหญ่ก็แก้มัดลากจูงอารดามาขึ้นรถเหมือนเดิม
รถแล่นมาไม่นานอารดาสังเกตและรู้สึกว่า เหมือนจะเข้าเขตเมือง อีกพักใหญ่รถก็แล่นเข้าไปจอดใต้ตึกสูงหลายชั้น ก่อนชายร่างใหญ่จะลากเธอลงให้เดินตามเข้าด้านใน
เมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูกระจกทึบ ชายร่างใหญ่ก็ยกมือเคาะประตูเบา ๆ
ก๊อก ๆ
"เข้ามา" เสียงทรงอำนาจของนายใหญ่ ที่มีนามว่า 'แทนคุณ' กล่าวอนุญาตคนร่างใหญ่จึงนำพาหญิงสาวเข้าไปพบ
เมื่ออารดาเข้ามายืนอยู่กลางห้อง พร้อมจ้องมองคนที่ต้องการพบเจอตัวเธอ ถ้าไม่อย่างนั้นคนกระจอกพวกนั้นจะไปลากตัวเธอมาทำไมกัน ถ้าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าไม่เอ่ยปากสั่ง
เธอจ้องมองลึกเท่าไหร่ หญิงสาวก็สาบานได้ว่าไม่เคยเจอะเจอหน้าผู้ชายคนนี้ ไม่เคยแม้แต่จะรู้จักเลยด้วยซ้ำ
"ยืนบื้ออยู่ทำไม แกะผ้าปิดปากออกสิ" แทนคุณสั่งลูกน้องอย่างอารมณ์เสีย เมื่อจ้องมองสบตาร่างบางตรงหน้า แทนคุณพอจะเดาและอ่านจากสายตาเธอออก เหมือนจะโดนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตำหนิด่าทอทางสายตาอยู่ เขารู้สึกเจ็บชาที่ใบหน้าเหมือนโดนตบลงมาฉาดใหญ่
ตั้งแต่โตมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตำหนิเขาสักคน ที่ผ่าน ๆ มาจนตอนนี้อายุเข้าสามสิบไปแล้ว มีแต่ผู้หญิงเรียงแถวเข้ามาแก้ผ้ารอประเคนเขาทั้งนั้น
"เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าด่าฉันทางสายตา" เสียงแทนคุณกร้าวด้วยแรงอารมณ์โกรธ
"แล้วคุณมันใหญ่แค่ไหนกัน ถึงสั่งให้พวกกระจอกไปจับตัวฉันมาแบบนี้" อารดาเกิดโทสะขึ้นมาเมื่อเจ้าของห้องตำหนิเธอออกมาตรง ๆ
"ปากดีจริงแม่สาวน้อย" แทนคุณพ่นคำพูดออกมาอยู่ใกล้หู ขณะยกมือหนาบีบปากบางเอาไว้
"ปล่อย! ฉันเจ็บ นายก็เก่งแต่กับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้นั่นแหละ" อารดาพรั่งพรูถ้อยคำต่อมา ด้วยความโมโหจนตัวสั่นและลืมกลัว
สายตาแทนคุณเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากสาวน้อย ทำให้ร่างใหญ่โมโหสายตาแดงก่ำวาวโรจน์ออกมา เมื่อจ้องมองร่างเล็กตรงหน้า
"หน้าตาแบบนี้ หุ่นแห้งเหี่ยวอย่างนี้นะเหรอ ที่ไอ้เคนภูมิจะส่งมาขัดดอกนะฮึ!" แทนคุณทำเสียงเยาะหยันและสีหน้าดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
"ใครขัดดอกอะไร และใครคือเคนภูมิ" สาวน้อยถามด้วยอาการสงสัย
"นอนกกกอดกันอยู่ทุกคืน ยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอว่าใครคือเคนภูมิ" แทนคุณยั่วใส่บ้าง
"ฉันพอจะรู้จักคนที่ชื่อเคนภูมิ แต่ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด" อารดาไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
"ก็ไอ้เคนภูมิแฟนเธอมาติดหนี้ฉันไว้ ไม่มีเงินใช้คืนฉัน จึงส่งเธอมาขัดดอกไง" แทนคุณพูดออกมา อารดาถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าภัยที่เกิดขึ้นกับตัวเองขณะนี้ เป็นฝีมือของเคนภูมิแฟนหนุ่ม ที่เพิ่งคบกันตอนขึ้นปีสอง แต่เธอก็ยังใจดีสู้เสือกล่าวต่อ
"เขาติดหนี้แล้วคุณจับฉันมาทำไม"
"ขัดดอกไง! มันไม่มีเงินคืนฉันมันก็กลัวตาย!"
"เท่าไหร่?" หญิงสาวกัดฟันถาม
"สามล้าน" แทนคุณตอบทันควัน ทั้งที่เคนภูมิติดหนี้อยู่สามแสน แต่เขาก็เพิ่มเติมศูนย์เข้าไปอีกตัว เมื่อมองเห็นสายตาเย่อหยิ่งทรนงของร่างเล็กตรงหน้า
เมื่อหญิงสาวได้ยินสามล้าน ร่างเล็กถึงกับเซถลาสั่นระริก รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจดวงน้อย คิดผิดไปจริง ๆ ที่ดันไปคบกับคนอย่างเคนภูมิ จนทำให้ชีวิตเธอต้องมาตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้
ทั้งที่เป็นหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่กลับถูกยัดเยียดให้มาร่วมชำระหนี้ ทำให้หญิงสาวนึกถึงปู่ที่นอนรอเธออยู่ที่โรงพยาบาลขึ้น แค่นั้นน้ำตาก็พาลจะไหลออกมารอมร่อ แต่เพราะไม่อยากยอมแพ้ สาวน้อยจึงพยายามกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาเพราะไม่อยากให้คนตัวโตตรงหน้าได้เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง
สาวน้อยแหงนหน้าเชิดมองสบตาร่างใหญ่อย่างท้าท้าย
"ได้!ถ้านายจะเอาเปรียบฉันขนาดนี้ ฉันจะยอมทำงานใช้หนี้ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้เป็นคนก่อ"
ร่างใหญ่ยกยิ้มร้ายที่มุมปาก
"ดี!จำคำพูดตัวเองไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน"