บทที่ 2 ทั้งที่รู้
ณ ห้องอาบน้ำคอนโดสุดหรู ร่างบางกำลังชำระล้างร่างกาย น้ำเย็นไหลผ่านผิวหนังจากด้านบนดิ่งนองพื้น ไม่ได้ช่วยทำให้สดชื่นมากขึ้น เจ้าของหุ่นปราดเปรียว เอวคอดกิ่ว สะโพกผายหน้าอกหน้าใจโตกลมงอนเกินขนาด มีรอยสักโดดเด่นอยู่บนนั้น ตรงเนินเต้าหยุ่นข้างซ้าย เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งปล่อยสายน้ำไหลผ่านหัวจนผมปรกหน้า ไม่นานก็ต้องแหงนขึ้นเพราะความเครียด หวังใช้ความเย็นของน้ำดับความร้อนระอุซึ่งอัดแน่นอยู่ภายใน
เธอมีอะไรกับผู้ชายแปลกหน้า..ที่ได้ยินแค่เสียง
และฝากตราบาปไว้กับกายเธอ ไม่ต้องจินตนาการให้ลึก ก็พอจะรู้ขนาดของเขา ผ่านความระคายเคืองที่เกิดขึ้นตรงจุดซ่อนเร้น ณ ตอนนี้
“บ้าจริง”
และกี่ครั้งไม่รู้ที่ต้องสบถ ขณะพยายามย้อนเวลานึก แต่นึกไม่ออก
หลายชั่วโมงก่อน
ชงโคในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งสีดำ กางเกงขายาวทรงกระบอกสีเดียวกัน เดินโทงๆจากลานจอดรถเข้ามาในผับเพื่อทำงานปกติ เธอเป็นนักร้องเสียงดีคนหนึ่งที่มีแฟนคลับ และคนชื่นชอบมากมาย บ้างก็คลั่งไคล้ถึงขนาดซื้อของขวัญแพงๆมาให้ บ้างก็มานั่งเฝ้าไม่เว้นวัน ที่สำคัญเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่
“โค วันนี้ขึ้นเร็วหน่อยนะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ควบด้วย”
“ค่าแรงล่ะ ควบด้วยไหม”
นั่นเพราะบุคลิกที่ดูแข็งแรง ท่าทางห้าวๆ ไม่ได้อ่อนหวานแบบกุลสตรีทั่วไป ยิ่งดวงตาเฉี่ยวสีดำสนิท ยิ่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นประจำตัว บวกกับความนิ่งขรึมทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นตวัดไปทางจินนี่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีศักดิ์เป็นเจ้านายด้วย แต่สนิทเกินกว่าจะเคารพกันได้ หล่อนแสร้งจ้องเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อไปยังชงโค ก่อนจะหัวเราะภายหลัง
“เฮ้ย นี่เพื่อนนะ แกลืมไปแล้วเหรอ”
“แต่นี่เวลาทำงานของฉัน”
หุบยิ้มทันควันก็ตอนถูกสวนกลับมา พลางยักไหล่ไม่แยแส ละความสนใจไปสั่งงานลูกน้องคนอื่นต่อ กว่าจะปลีกตัวมาหาเพื่อนได้ ถึงกับต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว
“งานเยอะเป็นบ้าเลยแก เอานี่โน้ตรายการ ช่วยทำแทนทีนะ”
ในขณะชงโคกำลังแต่งตัว สำรวจตัวเองผ่านบานกระจกกลับต้องชะงัก หันกลับมามองกระดาษแผ่นนั้น เธอเลิกคิ้วสูงไม่รับมาถือไว้เสียทีเดียว แต่กลับทิ้งตัวนั่งลง พลางยกเท้าขึ้นพาดกับเก้าอี้อีกตัวก่อน
“แล้วเจ้าตัวไปไหน อย่าบอกนะว่าป่วยกะทันหันอีก”
เอ่ยเสียงเรียบเกี่ยวกับประวัติที่เคยเกิดขึ้น เจซี* นักร้องสาวอีกคนซึ่งทำงานอยู่ในแหล่งบันเทิงเดียวกันกับเธอมักมีเรื่องแบบนี้ คือหาข้ออ้างว่าตนนั้นป่วย ทั้งที่จะไปทำธุระอย่างอื่น
จินนี่ถอนหายใจมองเพื่อน ทำหน้าสลดหวังขอความเห็นใจ
“อืม นางเพิ่งจะส่งข้อความมาบอกเมื่อไม่นานนี่เอง”
ทว่า กลับถูกชงโคถอนหายใจดังกว่า พร้อมกัดกรามกรอดพูดเสียงลอดไรฟัน
“นั่นล่ะคือสิ่งฉันควรจะได้ค่าจ้างเพิ่ม”
“โอเคๆ ไม่ต้องบอก ฉันก็ให้เพิ่มอยู่แล้วล่ะ ขอบใจนะ”
จินนี่พยักหน้า ประโยคหลังใช้เสียงแผ่วเบาด้วยความกระดากอับอาย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากห้องแต่งตัวนั้นไป โดยไม่วายตบไหล่บาง ท่ามกลางการลอบมองของชงโคผ่านบานกระจก ที่ภาพนั้นหล่อนไม่มีโอกาสได้เห็น ความเห็นอกเห็นใจผ่านม่านตาคู่สวย มันจะไม่มีคำพูดเหน็บแนมจนทำให้น้อยอกน้อยใจ อาจถึงขนาดทำให้กันฟรีๆโดยไม่หวังผลตอบแทนเลยด้วย หากบุคคลที่ก่อเหตุจนต้องช่วย ไม่ใช่เจซี คนที่เธอไม่ชอบหน้า หล่อนเห็นแก่ตัวและไร้น้ำใจเกิดกว่าจะช่วยลง อีกอย่างนี่คือการทำโทษ ที่จินนี่เพื่อนสนิทแต่เป็นเจ้านายเธอชอบใจอ่อน
เวลาผ่านไปไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง นับตั้งแต่หัวค่ำจวนดึก ที่เธอยืนอยู่บนเวที แท่นปูนขนาดความกว้างพอดี จงใจทำให้สูงขึ้นเพื่อความโดดเด่น ควรค่าแก่การมองเห็น ชงโคให้ความสุขกับแขกเหรื่อผ่านบทเพลงด้วยเสียงของตัวเอง ซึ่งไพเราะจับใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าหรือเร็วเธอก็ถนัดด้วยกันทั้งนั้น ก่อนจะเดินลงมาจากเวทีหลังจบเพลงเร็วเพลงสุดท้ายแล้วส่งต่อให้กับดีเจคนอื่น
“จะกลับเลยเหรอ”
“อืม”
เธอบอกเพื่อนสนิทขณะเก็บของ ไม่ได้สนใจสีหน้าละห้อยที่มาพร้อมกับน้ำเสียงสักเท่าไหร่ สิ่งที่สนใจคือของมากมายที่กองพะเนินอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นถุงเสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าสะพาย
“ขอโทษนะชง ขอโทษจริงๆ ถ้าไม่ได้แกฉันคงแย่”
ทว่าประโยคน้ำเสียงรู้สึกผิดนี้กลับทำเธอชะงัก หันกลับถอนหายใจแรง ตรงข้ามกันกับน้ำเสียงที่พูด
“ทั้งที่รู้อะนะ ว่าฝืนใจอยู่”
“ฉะ..ฉัน”
“ฟังนะจินนี่ แค่เราเสียยัยนั่นไปคนเดียว ไม่สามารถโค่นเราล้มได้หรอกน่า ที่นี่มันขึ้นอยู่กับลูกค้า ไม่ใช่อำนาจของพ่อใคร พวกเขามาเพราะมันสนุก”
ร่างบางข่มเสียงในประโยคทิ้งท้าย ก่อนหอบข้าวของพะรุงพะรังผ่านเพื่อนสนิทไป ไม่คิดจะรอเอาคำตอบ ปล่อยคนข้างหลังอ้าปากพะงาบๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้ ไม่เอาน่า..”
ชงโคเดินอาดๆ คอตั้งบ่า ไม่พูดไม่จากับใครทั้งนั้น จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถ ข้าวของที่หอบมาพะรุงพะรังยิ่งทำให้เธอหงุดหงิด เนื่องจากการหยิบรีโมทขึ้นมากดเพื่อปลดล็อคเป็นการกระทำที่ลำบาก ขณะเดียวกันความวุ่นวายนั้น ทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งเดินตามมา กว่าจะรู้ตัวทันตื่นตระหนก ก็ตอนยาสลบจากเข็มฉีดยาวิ่งพล่านเข้าร่างกายเรียบร้อยแล้ว