บทที่1.ความทรงจำสีเทา... 2/4
เธอไม่มีอนาคต ไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มีสตางค์ติดตัวมาสักบาท แต่เธอก็เชิดหน้ากล้ำกลืนน้ำตาเก็บไว้ในอก เพราะตัวเองผิด!! เธอสมควรถูกทำโทษ
โลกไม่ได้โหดร้ายกับเธอนัก...ในวันที่ไม่เหลือใครรักเธอ คนที่เธอไม่เคยคิดถึง กลับเป็นคนรักเธอที่สุด
นมแผ้ว...แม่นมของมารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่นางเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง จึงยังคงทำงานอยู่ที่บ้านไวศยปรานนท์ นางเดินออกมาจากบ้านไวศยปรานนท์พร้อมกับปูชิดาด้วย สาวใหญ่ร่วมหัวจมท้ายกับหญิงสาวด้วยเงินเก็บก้อนสุดท้ายของนาง เป็นบุญคุณที่ปูชิดาจะไม่มีวันลืม นมแผ้วคือคนที่รักเธอที่สุด!!
รองจากเด็กผู้หญิงวัย4ขวบ เด็กหญิงอัปสรา ไวศยปรานนท์ น้องนางฟ้าลูกรักสุดสวาทบาดจิตของเธอเอง
“ยายจ๋าๆ แม่มาแย้ววว” เสียงแจ้วๆ ของบุตรสาวตะโกนลั่น เมื่อเจ้าตัวเหลือบเห็นเธอ ขณะที่กำลังก้มถอดร้องเท้าอยู่หน้าประตูบ้าน
“ซนหรือเปล่าคนดี กวนคุณยายไหมคะ”
ปลายจมูกโด่งๆ กดลงบนพวงแก้มยุ้ยๆ ของบุตรสาวและปากเปียกๆ ของอัปสราก็ไถลไปตามพวงแก้มหอมหวานของมารดา เป็นการแสดงความรักประสาแม่ลูก ที่ทุกๆ คนเห็นจนชิน
“ม่ายยยเลยค่า นางฟ้าเป็นเด็กดีไม่ดื้อ ไม่ซน”
ใบหน้ากลมป้อมส่ายหวือจนพวงผมที่มัดเป็นหางม้ากระจัดกระจาย เจ้าตัวแสบรีบฉีกยิ้มแป้นเพื่อประจบและยืนยันคำพูดตัวเอง
“ดีแล้วค่ะ คุณยายแก่แล้ว ให้ท่านได้พักบ้าง”
มือเรียวยกลูบผมนิ่มๆ บนศีรษะบุตรสาว พลางสอดสายตามองหานมแผ้ว...
หญิงวัยเกือบใกล้ฝั่งเดินกระย่องกระแย่งออกมาจากด้านหลังบ้าน ในมือของนางมีกระมังใส่ผักสดที่ล้างจนสะอาดหล่อนยิ้มร่าเมื่อมองเห็นบุคคลที่นางรักไม่ต่างจากบุตรในอุทร
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู”
ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรก็แล้วแต่ นมแผ้วก็ยังเรียกปูชิดาด้วยคำเรียกเดิมๆ นางยกย่องและให้เกียรติบุตรสาวเจ้านายเสมอ ไม่ว่าสถานะจะเปลี่ยนไปเช่นไร
หญิงสาวคลี่ยิ้ม “นมจ๋าทำอะไรทานคะวันนี้?”
หน้าที่ทำงานหาสตางค์คือหน้าที่ของเธอ หลังจากฝืนกล้ำกลืนเรียนจนจบในชั้นอนุปริญญาแบบเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เลี้ยงลูกด้วย ฝ่าฟันกันมากับนมแผ้วแบบที่ไม่เคยย่อท้อเช่นกัน ไม่ว่าจะทุกข์เข็ญ ลำบากสาหัส ปูชิดาไม่เคยปริปากบ่น ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตนเองอย่างภาคภูมิ ในวันที่เธอประสบความสำเร็จ เธอจึงยิ้มได้เต็มหน้า มีนมแผ้วคอยให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง
“ยายจ๋าบอกว่าน้ำพริกค่ะ กินแล้วจะได้สวยๆ”
เด็กช่างประจบรีบพูดสอดและตอบแทนหญิงชรา อัปสราเลยได้รับรอยยิ้มหวานของทั้งมารดาและคุณยายเป็นรางวัล
“เก่งค่ะ จำแม่น...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะคุณหนู จะได้มาทานข้าวร้อนๆ พร้อมกัน”
นางชมหลานสาวตัวน้อย แล้วจึงหันไปคะยั้นคะยอบุตรสาวเจ้านาย ปูชิดาทำงานหนัก ทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เคยมีวันหยุดเมื่อต้องเร่งหาเงินไว้สำหรับบุตรสาว เพราะอายุถึงเกณฑ์ที่จะได้เข้าเรียน
“แม่จ๋าเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ นางฟ้าอย่ากวนคุณยายนะจ้ะ”
ปูชิดาเอ่ยกับบุตรสาว เจ้าตัวรับรู้ ก่อนจะวิ่งตื้อตามหลังนมแผ้วไปติดๆ
หญิงสาวจึงเดินไปทางห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้พัก หลังรับประทานมื้อเย็นจนอิ่ม เธอจะต้องออกไปทำงานอีกที่ เวลานอนของเธอคือหลังเที่ยงคืน เต็มที่เลยคือการนอน4-5 ชั่วโมงในหนึ่งวัน เพราะเวลาทั้งหมดเธอทุ่มให้กับการทำงานหาเงิน!! เมื่อจำเป็นต้องสำรองเงินไว้ ในวันที่บุตรสาวเข้าโรงเรียน
“อีกแล้วเหรอคะ นางฟ้าอยากอดแม่จ๋าก่อนหลับอ่า”
ใบหน้าสดชื่นเริ่มสลดลง เมื่อมองเห็นมารดาในชุดทำงาน และกำลังเตรียมตัวออกไปเหมือนทุกๆ วัน
“เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอคะ แม่จ๋าไปทำงานเพื่อนางฟ้าจะได้มีชุดสวยๆ ใส่ไปโรงเรียน”
หญิงสาวทรุดนั่งพร้อมกับเอ่ยปลอบขวัญบุตรสาว เธอรู้...เด็กๆ ต้องการความอบอุ่น แต่เธอมีภาระที่ต้องทำ ในวันที่เขาโตพอ เขาจะรู้... เงินไม่ใช่สิ่งจำเป็นก็จริง แต่หากไม่มีเงิน นั่นคือความทุกข์ล้วนๆ เพราะทุกสิ่งในโลก ล้วนแล้วแต่ต้องใช่เงิน หากไม่มีเงินละก็... ความทุกข์ยากกำลังเคาะหน้าต่างบ้าน และสรรพันปัญหาจะโถมเข้าใส่