ร้านนี้ให้เยอะจริง ๆ
เวลาเลยผ่านไปจนเกือบเที่ยงวัน เสียงกระทะกระทบตะหลิวดังกังวานและอบอวลไปด้วยกลิ่นที่ชวนให้น้ำลายสอ ปลานึ่งซีอิ๊วที่เสี่ยวหนานหั่นเป็นชิ้น ๆ ถูกจัดเรียงลงถาดอย่างสวยงาม
ทะเลคั่วพริกเกลือเผ็ดหอม ร้อนแรงได้ใจ ไก่ทอดผัดซอสเปรี้ยวหวานสีสันสดใส ผักกาดขาวผัดใส่หมูสับที่เพิ่งตักขึ้นจากกระทะยังคงมีไอน้ำพวยพุ่ง
"เฮ้อ...เสร็จสักที" เธอพูดกับตัวเองพลางเช็ดมือลวก ๆ กับผ้าขาว
"มานั่งพักก่อนเร็วลูก"
แม่โจวรีบเรียกลูกสะใภ้ให้มานั่งพัก นางเอกหลังจากจัดการอาหารทะเลเสร็จก็เพิ่งได้นั่งเช่นกัน แต่งานของเสี่ยวหนานก็ยุ่งไม่น้อย ทั้งทำกับข้าว ขายของ ล้างถ้วยล้างจาน ขนาดนางมาช่วยยังยุ่งขนาดนี้ เห็นทีนางคงต้องบอกลูกสะใภ้หาคนงานมาช่วย
"ค่ะแม่ วันนี้ถ้าไม่ได้แม่ช่วย หนูก็ทำไม่ทันเหมือนกัน"
"เรื่องเล็กน้อย แต่แม่ว่าถ้าขายดีแบบนี้ ลูกน่าจะหาคนมาช่วยงานสัก 2 คนนะ"
"หนูก็คิดเหมือนกันค่ะ"
ทั้งสองยังไม่ทันได้พักดี เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังมาจากหน้าร้าน พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย
"เสี่ยวหนาน ข้าวแกงร้านเธอขายยังไง?"
พี่สาวหวังหยุนฮวาจากสำนักงานท่าเรือเอ่ยถาม เธอเป็นผู้หญิงอายุราวสามสิบต้น ๆ ใบหน้าคมเข้มแต่ยิ้มง่าย
"ราดข้าวสองอย่างจานละสามเหมาเองค่ะพี่หยุนฮวา แต่ถ้าใครไม่อิ่ม อยากเติมจากที่สอง ฉันคิดแค่หนึ่งเหมาเท่านั้นค่ะ แล้วก็ยังมีน้ำแกงปลาเต้าหู้ในหม้อให้ตักซดได้เลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ใครชอบข้าวมากหรือน้อยก็บอกได้เลยค่ะ"
พูดยังไม่ทันขาดคำ ลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ชะงักแล้วหันมามองกันตาโต หนึ่งในนั้นถึงกับพึมพำเบา ๆ
"โห...ราคานี้ยังมีน้ำแกงให้กินแบบไม่คิดเงินอีก?"
"คุ้มขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้ว งั้นเธอตักให้พี่หน่อย ข้าวพอดีนะ เอาผัดผักกาดขาวกับปลานึ่งซีอิ๊ว" หยุนฮวามองดูไม่นานก็ตัดสินใจได้
"ได้เลยค่ะพี่หยุนฮวา ตอนเช้าที่ร้านยังขายข้าวต้มทรงเครื่องร้อน ๆ ด้วยนะคะ แต่บางวันอาจจะทำโจ๊ก กับข้าวแต่ละวันก็จะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ฝากพี่ช่วยบอกต่อให้หน่อยนะคะ"
"ได้สิ เดี๋ยวพี่จะบอกต่อให้เอง น้ำแกงปลาเต้าหู้นี่พี่ตักได้เลยใช่ไหม?" หญิงสาวถามพลางหยิบถ้วยน้ำซุป
"ใช่ค่ะ ตักได้เลย"
เสี่ยวหนานใช้เวลาไม่นานก็ตักอาหารให้หยุนฮวาเสร็จ ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ยืนรอเริ่มต่อแถว บางคนหันไปกระซิบกันเบา ๆ
"ราคาข้าวสารแพงขนาดนี้ แต่ร้านนี้ให้เยอะจริง ๆ นะ แกดูสิ จานนั้นข้าวพูนเลย"
"สงสัยเธอจะซื้อของมาได้ราคาถูกมั้ง?"
"ถ้ามีข้าวถูก ๆ มาขายด้วยก็คงดี ฉันจะซื้อไปไว้ให้ลูกเมียหุงกิน ราคาในตลาดตอนนี้โลละ 4 หยวน ต้องทำงาน 2 วันถึงจะซื้อข้าวได้ 1 กิโล เฮ้อ..พวกเราน่าจะมีนาข้าวให้ทำเหมือนที่อื่นเนอะ"
"ใช่ ถึงจะมีของทะเลเยอะแยะแต่พอเป็นข้าวสารกลับแพงหูฉี่ ช่างไม่สมดุลจริง ๆ"
เสี่ยวหนานที่กำลังตักกับข้าวชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างครุ่นคิด
'ถ้าเอาข้าวสารมาขาย...อาจจะขายดีจริง ๆ ก็ได้นะ'
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เพิ่งกินเสร็จเมื่อครู่ก็เดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมถือถ้วยอาหารเดิมไว้ในมือ
"เสี่ยวหนาน เติมได้ใช่ไหม? ถ้วยนี้ของเดิมนะ" เขาถามพลางยื่นถ้วยมาให้
"ได้ค่ะลุง เอาอะไรเพิ่มดีคะ?"
"เอาทะเลคั่วพริกเกลือกับไก่เปรี้ยวหวานละกัน อย่างละนิดนะ จะได้กินกับน้ำแกงเมื่อกี้ให้หมด"
"ค่ะลุง เติมถ้วยที่สองแบบนี้ คิดเพิ่มแค่หนึ่งเหมาเท่านั้นนะคะ"
"โห! ดีจริง ๆ แบบนี้คนแก่กินจนอิ่มก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าฉีกสินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนในร้าน เสี่ยวหนานยิ้มรับพร้อมกับตักกับข้าวใส่ถ้วยของลุงชายคนนั้น ก่อนจะยื่นกลับให้
"ขอบคุณนะคะลุง ถ้วยนี้ฉันตักเยอะนิดหน่อย เพราะลุงเอาถ้วยมาเองด้วย"
ลูกค้าคนหนึ่งในแถวหันมาพูดกับเพื่อนข้าง ๆ
"นี่ฉันเพิ่งกินร้านในเมืองไปเมื่อวาน แพงกว่านี้อีก ยังไม่อิ่มเท่านี้เลย"
"ถ้าเสี่ยวหนานจะเปิดร้านข้าวอีกสักสาขาในเมืองก็ดีสิ จะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานออกมาที่ท่าเรือ วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมาธุระที่นี่คงไม่รู้ว่ามีร้านนี้" ลูกค้าอีกคนพูดติดตลก
เสียงพูดคุยคละเคล้ากับเสียงตะหลิวและเสียงตักน้ำแกงซดดังซู๊ดซ๊าดดังไปทั่วร้าน มันไม่ใช่เสียงน่ารำคาญแต่เป็นเสียงที่บ่งบอกว่าร้านนี้เป็นที่ยอมรับของทุกคนแล้ว
ช่วงบ่ายคล้อย กว่าเสี่ยวหนานกับสือซานและแม่โจวจะช่วยกันเก็บร้านเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง เสี่ยวหนานจัดปิ่นโต 2 เถา ในนั้นใส่กับข้าวที่เธอทำขึ้นใหม่เพื่อเอากลับไปกินที่บ้าน
"พี่...ไปส่งแม่กับหน่วนหน่วนก่อนเถอะ ฉันจะเก็บครัวรอ"
"ได้ พี่ปิดประตูให้นะ ทำอะไรจะได้สะดวก"
"ขอบคุณค่ะ"
สือซานรับคำสั้น ๆ ก่อนจะพาแม่และลูกสาวกลับไปส่งที่บ้านก่อน ส่วนเสี่ยวหนานก็รีบล้างหม้อกระทะที่เหลืออยู่ไม่มาก ระหว่างที่ทำงานอยู่คนเดียว เสี่ยวหนานใช้เวลาคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย ไม่นานสือซานก็กลับมาถึงร้าน
"เหนื่อยไหมวันนี้?" สือซานเอ่ยถามพลางหยิบผ้าเช็ดโต๊ะ
"ไม่เท่าไหร่ แค่รู้สึกว่าต้องรีบทำอะไรเพิ่มก่อนจะพลาดโอกาส"
"หืม? เพิ่มอะไรอีกล่ะ? ไม่เหนื่อยรึไง"
"ข้าวสาร ฉันอยากเอาข้าวสารออกมาขาย กิโลละสองหยวน ขายเป็นถุงละห้ากิโล สิบหยวน ราคาถูกกว่าท้องตลาดตั้งครึ่ง พี่ว่าดีไหม?"
สือซานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่ลังเล
"ที่นี่ไม่มีนาข้าว ราคาข้าวสารก็สูง ต้องขายดีมากแน่ ๆ งั้นพี่จัดโต๊ะให้ที่มุมนี้ให้นะ จะได้วางถุงข้าวให้เห็นชัด ๆ"
ขณะที่เขาเลื่อนโต๊ะออก เสี่ยวหนานก็ยิ้มบางในยามที่มองสามี กระดุมเสื้อเชิ้ตหลุดออก 2 เม็ดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแน่น ๆ หน้าแผ่นอก เวลาที่เหงื่อเม็ดเล็กก็ไหลเอื่อยลงมาช้า ๆ ช่างเป็นภาพที่น่าหลงใหล
"อื้อ"
"หึ! มองอะไรขนาดนั้น ถ้าน้องอยากจับ! งั้นเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า" สือซานเอ่ยเย้าภรรยา
"หื้ย...พี่เห็นฉันเป็นคนยังไง"
"คนสวยจอมหื่น.."
เสี่ยวหนานรีบเดินหนีแล้วเอาข้าวสารออกมาจากมิติมาจัดเรียงไว้บนโต๊ะ อาหารทะเลที่แม่โจวชำแหละไว้เธอก็เก็บเข้ามิติเพื่อความสดใหม่
ผักที่เตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้ถูกจัดเรียงใส่ตะกร้า เครื่องเทศต่าง ๆ ก็จัดเรียงไว้เอย่างเป็นระเบียบ ถ่านไฟ เครื่องปรุง น้ำดื่มถูกเติมเต็มเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
ก่อนกลับเสี่ยวหนานหยิบเงินที่ได้จากการขายของวันนี้ออกมานับอีกครั้ง รวมทั้งหมดได้ 40 กว่าหยวน
"อันที่จริง ถ้าน้องขายตามราคาตลาด น้องคงได้เงินมากกว่านี้เท่าตัวเลยนะ"
สือซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่เสี่ยวหนานกลับส่ายหน้ายิ้ม ๆ
"ข้าวของที่ฉันได้มามันเหมือนของขวัญจากฟ้า ที่หยิบออกมาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด ให้คนอื่นกินอิ่มท้องบ้างก็เหมือนได้ทำบุญ"
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
"แต่พี่ว่าน้องควรหาคนมาช่วยนะ งานเยอะขนาดนี้ ถ้าวันหลังลูกค้าเยอะกว่านี้น้องจะทำไม่ไหวนะ"
เสี่ยวหนานยิ้มพลางมองไปยังถุงผักกับปิ่นโตที่วางอยู่ด้านหลัง
"งั้นพี่ช่วยพาฉันแวะบ้านแม่หน่อยสิ ฉันอยากชวนพี่สะใภ้มาช่วยงาน อีกอย่าง ฉันก็เกรงใจแม่ของพี่เหมือนกัน ปกติท่านต้องตากปลา แต่วันนี้ต้องไปช่วยที่ร้าน เลยเป็นพ่อที่ต้องทำงานแทน"
"ได้สิ แต่...น้องจะไม่เป็นไรเหรอ? พี่สะใภ้อี้หลันดูจะไม่ค่อยชอบน้องเท่าไหร่"
"เรื่องเก่า ๆ ทิ้งมันไปเถอะพี่ อย่างน้อย..ถ้าเราชวนด้วยความจริงใจ แถมยังมีค่าแรง ใคร ๆ ก็อยากมีเงินใช้"
"งั้นก็เอาตามที่น้องว่า"
ร้านข้าวแกงถูกปิดล็อกอย่างแน่นหนา สือซานกับเสี่ยวหนานปั่นจักรยานมุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เมื่อจักรยานหยุดลงหน้าบ้านซู แม่ซูก็รีบออกมาต้อนรับ สีหน้าอ่อนโยนที่แม้จะมีรอยย่นตามวัย แต่แววตายังเปล่งประกายด้วยความรักยามที่เห็นลูกสาวกลับบ้าน
"เสี่ยวหนานมาแล้วเหรอลูก ขายหมดไหม?"
"หมดค่ะ พี่สะใภ้อยู่ไหมคะ?" เธอตอบกลับ พร้อมกับยื่นถุงผักกับปิ่นโตกับข้าวให้มารดา
"พับผ้าอยู่ในบ้าน มีอะไรเหรอลูก?"
"หนูว่าจะชวนพี่สะใภ้ไปช่วยงานที่ร้านค่ะ เริ่มต้นหนูให้ค่าแรงวันละ 2 หยวน ข้าวก็กินได้จนอิ่มท้อง"
แม่ซูยิ้มตาหยีอย่างปลื้มใจ ต่อให้ลูกสาวไม่จ้างนางก็จะขอไปช่วยงานที่ร้านอยู่แล้ว แต่ก็กลัวลูกจะต่อว่า ว่าไปเกะกะที่ร้านจึงรอให้ลูกเป็นคนพูดเองก่อน
"ดี ๆ แม่ก็จะไปช่วยด้วย ให้อันเจ๋อไปด้วยดีไหม หน่วนหน่วนจะได้มีเพื่อนเล่น"
"ได้ค่ะแม่ หนูก็ห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน"
"อี้หลัน! อี้หลัน ออกมาคุยกับเสี่ยวหนานหน่อยลูก"
เสียงแม่ซูเรียกดังเข้าไปในตัวบ้าน ไม่นานร่างระหงในชุดผ้าป้ายก็เดินออกมา สีหน้าอี้หลันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะฝืนยิ้ม
"อ้าว...เสี่ยวหนาน มีอะไรเหรอ?"
"ฉันอยากชวนพี่ไปช่วยงานที่ร้าน ได้ค่าแรงวันละ 2 หยวน กินข้าวฟรีด้วย"
หญิงสาวตรงหน้าชะงักไป แววตาสั่นไหวเล็กน้อยราวกับตกใจที่เสี่ยวหนานไม่ติดใจเรื่องราวเก่า ๆ
"ธะ...เธอไม่ว่าอะไรพี่เหรอ?"
"เรื่องเก่า ๆ ก็ให้มันเป็นอดีตไปเถอะพี่สะใภ้ เมื่อก่อนฉันก็ตามืดบอดจริง ๆ จากนี้ฉันอยากเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า หรือพี่สะใภ้ว่ายังไงล่ะ จะไปกับฉันไหม?"
"ไปสิ! พี่จะไปแน่นอน ว่าแต่ต้องไปกี่โมง?"
"ฉันจะมารับตอนตี 3 ครึ่ง ต้องเตรียมของตั้งแต่เช้า ลูกค้าเริ่มมาตี 5 ครึ่ง ถ้าเลิกงานเกินบ่าย 2 ฉันจะเพิ่มค่าแรงให้อีก"
"ตกลง คืนนี้พี่จะเตรียมตัวเลย"
เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำเสี่ยวหนานกับสือซานก็ปั่นจักรยานกลับไปทางบ้านโจว โดยมีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ในเงาไม้
ไป๋ลี่เหยา ขบกรามแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยพิษร้าย ปลายนิ้วจิกกระโปรงแน่นจนผ้าแทบขาด
"คิดจะเปลี่ยนชีวิตงั้นเหรอ? เสี่ยวหนาน...แกคิดว่าโลกนี้มันให้โอกาสคนอย่างแกได้ง่าย ๆ หรือไง?"
เสียงลมหอบหนึ่งพัดผ่านไปเบา ๆ เหมือนคำเตือนจากโชคชะตา แต่เสี่ยวหนานไม่รู้ตัวเลย...ว่าในเงามืดนั้น มีคนที่คิดร้ายซ่อนอยู่ ไป๋ลี่เหยายังไม่ยอมแพ้ ยังไงเธอก็ต้องเอาสือซานคืนมาให้ได้
