บท
ตั้งค่า

ข้าวสารราคาถูก

"ทำไม... ทำไมต้องเป็นแก!"

ไป๋ลี่เหยากลับถึงบ้านด้วยโกรธเกรี้ยว เธอปาเสื้อผ้าและของใช้ลงพื้นอย่างบ้าคลั่ง เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วบ้าน

"พ่อ! พ่ออยู่ไหน!"

ไป๋หย่งเหว่ย รีบวิ่งออกมาจากห้องทำงาน เมื่อเห็นสภาพลูกสาวเขาก็รีบเข้ามาปลอบอย่างร้อนรน

"ลี่เหยา เกิดอะไรขึ้นลูก ทำไมถึงเป็นแบบนี้"

"พ่อ! หนูอยากได้พี่สือซาน พ่อต้องช่วยหนู! ฮึก ไม่อย่างนั้น..ไม่อย่างนั้นหนูก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!"

"อย่านะลูก! อย่าทำแบบนั้น พ่อว่าลูกลองมองผู้ชายคนอื่นดีกว่าไหม? ผู้ชายในเมืองนี้ฐานะดี ๆ มีตั้งมากมาย ลูกอยากได้ดีกว่าคนบ้านโจวพ่อก็หาให้ได้"

"ไม่! หนูจะเอาแค่พี่สือซานคนเดียว ถ้าพ่อไม่ช่วยหนูจะไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!"

ไป๋หย่งเหว่ยรีบวิ่งไปคว้ามือลูกสาวที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยความจำใจ

"พ่อจะช่วยลูกเอง ไม่ว่าจะต้องทำยังไง พ่อก็จะทำ!"

"พ่อจะทำยังไง? พ่อจะช่วยหนูจริง ๆ ใช่ไหม?"

"พ่อจะทำให้พวกมันอยู่ไม่ได้ จะกดราคาของที่พวกมันเอามาขาย คอยดูซิว่าถ้าไม่มีเงินใช้เพราะนังเด็กนั่น...คนแซ่โจวยังจะสนใจลูกสะใภ้คนนี้อยู่ไหม พวกมันรู้ว่าไม่ควรปฏิเสธลูกสาวของพ่อ"

ไป๋ลี่เหยายิ้มอย่างพอใจ ความชั่วร้ายในใจของเธอเริ่มก่อตัวขึ้น เธอก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ..เพราะส่วนนั้นควรเป็นของเธอ

เช้าวันใหม่

เสี่ยวหนานและสือซานปั่นจักรยานฝ่าความเงียบสงัดไปยังบ้านซู เมื่อไปถึงก็พบว่าทั้งพี่สะใภ้ พี่ชายและน้องชายของเธอรออยู่พร้อมหน้า

สือซานจึงบอกให้เสี่ยวหนานและอี้หลันปั่นจักรยานนำหน้าไปก่อน ส่วนเขากับซูจื่อเหิง และซูจื่ออันจะเดินตามไป ระยะทางแค่นั้นไม่ได้ทำให้การเดินทางยากเย็นสักเท่าไหร่

เมื่อถึงร้าน เสี่ยวหนานก็เริ่มแบ่งงานอย่างคล่องแคล่ว เธอบอกให้อี้หลันก่อไฟทั้งสามเตา หุงข้าวในหม้อใบใหญ่ และตั้งหม้อทำน้ำซุปไว้ให้ลูกค้า ส่วนอีกหม้อหนึ่งเธอจะทำข้าวต้มทรงเครื่อง

ระหว่างที่อี้หลันกำลังซาวข้าวอยู่ เสี่ยวหนานก็รีบเปิดถังน้ำแข็งและนำของสดออกจากมิติโดยไม่ให้พี่สะใภ้เห็น เธอเริ่มทุบกระเทียมและหั่นผักอย่างชำนาญ

จากประสบการณ์เมื่อวาน เธอสังเกตว่าชาวบ้านละแวกนี้ชอบกินเนื้อหมูและเนื้อไก่มากกว่าอาหารทะเล อาจเป็นเพราะพวกเขากินของพวกนี้ตลอดจนรู้สึกว่าจะกินเมื่อไหร่ก็ได้ ต่างจากคนงานขับรถบรรทุกจากต่างเมืองที่ชื่นชอบอาหารทะเลมากกว่า

วันนี้ เธอจึงวางแผนทำเมนูให้หลากหลาย มีทั้งน้ำแกงกระดูกหมูหัวไชเท้า ข้าวต้มทรงเครื่อง กั้งทอดกระเทียม ผัดผงกะหรี่ทะเล ผัดคะน้าหมูชิ้น ผัดกวางตุ้งน้ำมันหอย และไก่ทอดผัดซอสสามรส

ไม่นาน สือซานกับพี่น้องบ้านซูก็มาถึงร้าน เขาเห็นภรรยากำลังตั้งกระทะน้ำมัน จึงเอ่ยเผื่อมีอะไรให้ช่วย

"วันนี้จะทำอะไรบ้างหนานหนาน แบ่งงานมาเลยพี่จะช่วยน้องเอง"

เสี่ยวหนานยิ้มบาง ๆ แล้วหันไปตอบสามี

"วันนี้ฉันว่าจะทำ น้ำแกงกระดูกหมูหัวไชเท้า ข้าวต้มทรงเครื่อง กั้งทอดกระเทียม ผัดผงกะหรี่ทะเล ผัดคะน้าหมูชิ้น ผัดกวางตุ้งน้ำมันหอย ไก่ทอดผัดซอสสามรส พี่กับพี่ใหญ่เอารายการพวกนี้ไปคนละ 1 แผ่น จากนั้นก็หั่นของที่ฉันเขียนไว้ให้ครบ หั่นตามที่ฉันเขียนไว้นะ"

สือซานและซูจื่อเหิงรับสูตรและวิธีทำข้าวต้มทรงเครื่องและผัดผงกะหรี่ทะเลไปจัดการ แต่ชื่ออาหารที่ไม่คุ้นหูก็ทำให้จื่อเหิงสงสัย

"ผัดผงกะหรี่เป็นอาหารภาคไหนเหรอเสี่ยวหนาน ทำไมพี่ไม่เคยได้ยินเลย แล้วมันจะอร่อยไหม?"

แน่นอนที่พี่ชายของเธอจะไม่รู้จัก เพราะนี่เป็นอาหารของประเทศเพื่อนบ้านอย่างไท่กั๋วเหรินที่นิยมกินกันในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

"เป็นอาหารของเพื่อนบ้านเราค่ะ ผัดเสร็จแล้วฉันจะให้พี่ชิม แยกย้ายกันทำงานเถอะ"

"ได้ ๆ"

"แล้วพี่เสี่ยวหนานจะให้ผมทำอะไร?" เป็นซูจื่ออันที่เอ่ยถามพี่สาวบ้าง

"นายมาทอดไก่ให้พี่นะจื่ออัน หยิบไก่จุ่มแป้งทีละชิ้นแบบนี้แล้วหย่อนลงในกระทะ อย่าให้มันติดกันล่ะ พอเอาไก่ลงไปแล้วรอให้แป้งเริ่มจับตัวค่อยกลับด้านทีละด้าน ทอดไก่เสร็จแล้วยกกระทะลง แล้วใช้กระทะเล็กทอดไข่ทีละฟองให้พี่ด้วยนะ ทอดไว้เลย 30 ฟอง"

"ได้ครับ ผมจะระวัง ไม่ให้ของของพี่เสียหาย"

"เอาเถอะ ข้าวของก็แค่ของนอกกาย จำไว้ว่าร่างกายของนายสำคัญกว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรให้รีบถอยหนี อย่าให้ร่างกายมีแผล"

เสี่ยวหนานรู้สึกเอ็นดูน้องชายไม่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อก่อนเธอเป็นคนหัวอ่อนให้คนบ้านหานหลอกใช้ ป่านนี้น้องของเธอก็คงเข้าเรียนมัธยมปลายได้แล้ว

"พี่หุงข้าวกับตั้งหม้อน้ำร้อนเสร็จแล้วเสี่ยวหนาน เธอจะให้พี่ทำอะไรต่อ" อี้หลันเอ่ยถามน้องสามีอย่างกระตือรือร้น

"พี่เตรียมผัดคะน้าใส่หมูชิ้น แล้วก็กวางตุ้งน้ำมันหอยนะ ทำตามสูตรนี้เลย ถ้าไม่รู้ว่าอันไหนคือเครื่องปรุงที่ฉันเขียนไว้ก็ถามฉันได้"

"ได้ ๆ พี่จะชั่งตวงตามสูตรที่เธอเขียนไว้เป๊ะ ๆ เลย"

หลังจากแบ่งงานให้ทุกคนครบแล้ว เสี่ยวหนานก็ลงมือทำกั้งทอดกระเทียมเป็นอย่างแรก พอหม้อน้ำร้อนเดือด เธอก็เริ่มทำข้าวต้มทรงเครื่องและซุปหัวไชเท้าต่อ เวลาประมาณตี 5 ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย

เตาไฟว่างอยู่เสี่ยวหนานจึงบอกให้พี่สะใภ้ตั้งหม้อน้ำร้อนต้มไข่ไก่อีก 1 แผง เธอตั้งใจจะแกะไข่ต้มขาย ถ้าขายไม่หมดก็เอาไว้ทำพะโล้ในวันพรุ่งนี้ เมื่อกับข้าวทุกอย่างพร้อมขาย เสี่ยวหนานจึงตักผัดผงกะหรี่ทะเลใส่จานเล็ก ๆ แล้วเรียกทุกคนมาชิม

"ทุกคน มาชิมผัดผงกะหรี่ทะเลเร็วเข้า"

สือซาน ซูจื่อเหิง ซูจื่ออัน และอี้หลันเดินมารวมกันที่โต๊ะกลางร้าน เสี่ยวหนานยื่นจานให้แต่ละคนได้ชิมพร้อมกัน สือซานตักเข้าปากคำแรก เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

"อร่อยมาก! รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ ผสมกับความสดของอาหารทะเล มันลงตัวจริง ๆ"

ซูจื่อเหิงพยักหน้าเห็นด้วย

"พี่ไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย รสชาติแปลกใหม่แต่กลมกล่อมมาก"

ซูจื่ออันยิ้มกว้างแล้วเอ่ยชมพี่สาวอีกคน

"ผมชอบมากครับ พี่สาวทำอาหารเก่งจริง ๆ"

อี้หลันก็ไม่ต่างกัน เธอตักเข้าปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"นี่มันอร่อยจนอยากจะกินอีกจานเลยนะเสี่ยวหนาน เธอเก่งมาก ไปเรียนรู้อาหารพวกนี้มาจากไหน?"

"ฉัน.." ในระหว่างที่เสี่ยวหนานไม่รู้จะตอบยังไง เธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยว่าสักวันพวกเขาต้องสงสัยเรื่องนี้

"เสี่ยวหนานอ่านเจอในหนังสือครับพี่อี้หลัน ก่อนเปิดร้านผมพาเสี่ยวหนานไปหาตำราอาหารในเมือง เลยได้ตำรับเด็ดมาหลายอย่างเลย"

เสียงนุ่มทุ้มของสือซานตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ เสี่ยวหนานได้ฟังยังต้องส่งสายตาแทนคำขอบคุณไปให้สามีหลายครั้ง ก่อนที่มือหนาของเขาจะลูบลงที่หัวทุยของเธออย่างทะนุถนอม

"แฮ่ม ๆ พวกเรายังอยู่ตรงนี้ครับพี่เขย"

จื่ออันกระแอมไอแซวพี่สาวกับพี่เขย แต่พอได้เห็นทั้งคู่แสดงความรักกันแบบนี้ก็ทำให้สองพี่น้องบ้านซูหายห่วง เดิมทีพวกเขายังกลัวว่าเสี่ยวหนานเคยมีชื่อเสียงเสียหาย อาจจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่ค่อยดี

"เจ้าเด็กคนนี้ ไปเปิดประตูร้านได้แล้ว พี่จะไปหั่นผักเตรียมไว้อีกสักหน่อย อีกเดี๋ยวลูกค้าก็คงทยอยเข้ามาแล้วล่ะ"

กลิ่นผัดผงกะหรี่ลอยฟุ้งออกมานอกร้าน กลิ่นเครื่องเทศร้อนแรงผสมผสานกับกลิ่นกระเทียมเจียวและกลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ จากหม้อหุงข้าวขนาดใหญ่ ทำให้คนเดินผ่านไปมาต้องเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก ๆ อย่างห้ามใจไม่อยู่

พอเวลาเคลื่อนเข้าสู่หกโมงเช้า แสงทองอ่อน ๆ ลอดผ่านม่านไม้ไผ่หน้าร้าน ขับเงาเงียบสงบของยามเช้าให้ดูอบอุ่นอย่างน่าแปลกใจ ลูกค้าคนแรกที่เดินเข้ามาคือพี่จาง คนงานโรงเลื่อยประจำหมู่บ้าน ที่มักจะมาหาอะไรใส่ท้องก่อนเริ่มงาน

"มีอะไรแนะนำบ้างล่ะวันนี้?"

พี่จางถาม เมื่อวานเขาได้ยินคนงานที่ทำงานด้วยกันพูดเรื่องร้านกับข้าวของสะใภ้ไต๋ก๋งโจว ที่เปิดใหม่และให้เยอะ ราคาถูก พอได้มากินก็พบว่าคำเล่าลือเป็นเรื่องจริง แถมรสชาติอาหารก็อร่อย วันนี้เขาก็เลยมาซื้อกินตอนเช้าแล้วก็กะว่าจะห่อไปกินตอนเที่ยงด้วย

"วันนี้มีหลายอย่างเลยค่ะ ข้าวต้มทรงเครื่อง กั้งทอดกระเทียม ผัดคะน้าหมูชิ้น ผัดกวางตุ้งน้ำมันหอย ไก่ทอดผัดซอสสามรส แล้วก็ทะเลผัดผงกะหรี่ เป็นเมนูแนะนำวันนี้เลยค่ะพี่ชาย"

ระหว่างนั้นมีลูกค้าใหม่เดินเข้ามาอีก 2-3 คน เสี่ยวหนานจึงถือโอกาสแนะนำรวดเดียวเลย

"ผัด...ผงอะไรนะ?" พี่จางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

เสี่ยวหนานจึงตักใส่จานแล้วยื่นตะเกียบให้ลูกค้าทุกคนลองชิมพร้อมกัน

"ลองชิมดูก่อนนะคะ ไม่ชอบไม่เป็นไร"

พี่จางรับตะเกียบแล้วคีบมากินหนึ่งคำ ก่อนเบิกตากว้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"โอ้โห! มันคืออะไรกันเนี่ย! มีกลิ่นหอมฉุนของเครื่องเทศเฉพาะตัว แต่พอกินเข้าไปกลับละมุนลิ้นต่างจากที่คิดเอาไว้"

"อร่อยใช่ไหมพี่ชาย"

"แน่นอนสิ ฉันเอาอันนี้แหละ แล้วก็เอาไข่ต้มด้วย 1 ฟอง น้ำแกงในหม้อตักเองได้เลยใช่ไหม?"

"ใช่ค่ะ ตามสบายเลยพี่ชาย เดี๋ยวจานข้าวฉันให้น้องชายเอาไปให้ที่โต๊ะ"

หลังจากนั้นไม่นาน บรรดาลูกค้าเริ่มทยอยเดินเข้าร้าน วันนี้มีทั้งคนขับรถบรรทุก คนในหมู่บ้านที่จะไปทำงานในเมืองก็แวะมากินข้าวก่อน และที่คึกคักมากที่สุดเห็นจะเป็นกลุ่มคนงานในท่าเรือที่มากันเป็นโขยง

"ข้าวร้านนี้เขามีน้ำแกงให้กินโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มจริง ๆ เหรอ?"

"จริงสิ! ฉันจะโกหกแกทำไม ข้าวจานแรก 3 เหมา ถ้าเติมอีก 1 จานคิดแค่ 1 เหมา ข้าวมากข้าวน้อยก็บอกได้ วันนี้ฉันเลยไม่ให้เมียฉันหุงข้าวเผื่อ ข้าวราคาแพงขนาดนั้นเก็บไว้ให้ลูกเมียที่บ้านกินเถอะ"

เสียงของลูกค้าที่มาใหม่พูดคุยกัน เสี่ยวหนานได้ยินจึงรีบเข้าไปโฆษณาข้าวหอมมะลิของเธอ

"ร้านเราก็มีข้าวสารขายนะคะพี่ชาย ข้าวหอมมะลิอย่างดี ขายถูก ๆ แค่กิโลละ 2 หยวน ถุงนี้ 5 กิโล 10 หยวน เอาไปลองชั่งน้ำหนักที่ร้านข้าง ๆ ดูก่อนก็ได้ค่ะ"

คำพูดของเสี่ยวหนานดึงดูดสายตาลูกค้าหลายคน ลูกค้าบางกินข้าวอยู่ก็รีบลุกขึ้นมาดู

"ข้าวนี่เม็ดเรียวสวย ขายถุงละ 10 หยวนจริง ๆ เหรอน้องสาว?"

ไม่แปลกที่ทุกคนจะไม่เชื่อ เพราะเธอลืมติดป้ายที่เขียนไว้นั่นเอง

"จริงค่ะ ถุงละ 10 หยวน วันนี้มีขายแค่ 50 ถุง หุงออกมาก็จะนุ่มแล้วก็หอมเหมือนที่พวกพี่กินอยู่ กินแล้วดีจริงฉันถึงรับมาขาย"

ขณะนั้นเองก็มีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของร้าน เสียงของหญิงวัยกลางคนที่ยืนกอดอกอยู่ปลายแถว แววตาไม่ไว้ใจนัก

"แปลกดีนะ ข้าวหอมขนาดนี้แต่ขายแค่ถุงละสิบหยวน จะไม่ให้คนสงสัยได้ยังไง?"

เสียงเงียบลงในร้านในชั่วครู่ หลายคนเริ่มเหลียวมอง บางคนชะงักมือตอนกำลังยกช้อนซุป บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่คล้ายถูกลมเย็นตัดผ่าน

"ถ้าจะพูดให้ตรงนะคะ...ฉันก็ลูกหลานหมู่บ้านนี้ อยากให้คนแถวนี้ได้กินของดีในราคาที่จับต้องได้ ไม่ได้คิดจะโกงใคร ไม่ได้คิดจะเอาเปรียบใครด้วย แค่อยากจะขายของดี ๆ และอยู่ได้นาน ๆ อะไรที่พอแบ่งปันได้ก็แบ่ง ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างที่ผ่านมือต้องเป็นเงินทองไปซะหมด หวังแค่ว่า..ถ้าวันข้างหน้าตัวเองต้องตกยาก คงจะมีคนหยิบยื่นน้ำใจให้บ้างก็เท่านั้น"

สายตาหลายคู่เริ่มหันกลับมาที่หญิงคนนั้นอีกครั้ง บ้างขมวดคิ้ว บ้างถอนหายใจ หญิงอีกคนซึ่งอยู่ถัดมาในแถวก็พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น ชัดเจนจนทุกคนเงียบกริบ

"แล้วมันจะผิดอะไรนักหนาล่ะ? คนจะขายถูกจะช่วยคนอื่น มันต้องขออนุญาตเธอด้วยหรือยังไง?"

เธอกวาดตามองหญิงที่พูดก่อนหน้านั้นด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ แล้วหันกลับมาหาเสี่ยวหนาน

"..."

"งั้นถ้าใครไม่ซื้อ ฉันเอาเอง สี่ถุง! มีเท่าไหร่ก็ใส่มาเลย! พูดมากอยู่ได้ เสียเวลาคนอื่นเขาจะซื้อ!"

เสียงหัวเราะบางเบาดังขึ้นจากมุมร้าน แล้วกลายเป็นเสียงพูดเจื้อยแจ้วตามมาไม่ขาดสาย

"ฉันก็จะเอาด้วย!"

"เออ ๆ รีบขายเร็ว ไม่งั้นฉันไม่ได้แน่!"

"เฮ้ย! เหลือให้ฉันด้วยนะ เสี่ยวหนาน!"

เสี่ยวหนานยิ้มกว้าง รีบโค้งคำนับขอบคุณทุกคนก่อนจะตอบกลับ

"ใจเย็น ๆ นะคะทุกคน ถ้าวันนี้ของหมดค่อยมาดูพรุ่งนี้ก็ได้"

"แล้วพรุ่งนี้จะมีของแน่ใช่ไหมแม่ค้า?" เสียงของลูกค้าที่อยู่ปลายแถวเอ่ยขึ้น

"คิดว่ามีค่ะ ฉันจะรีบส่งคนไปสั่งจองไว้ตอนนี้เลย"

"ดี ๆ ดูแล้วคงไม่ถึงฉันแน่ ๆ"

ช่วงบ่ายโมงของวัน กับข้าวทุกอย่างในร้านก็หมดเกลี้ยง เสี่ยวหนานเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยสะอาด แล้วนั่งนับเงินอย่างหน้าชื่นตาบาน

"ข้าวสารได้ห้าร้อยหยวน ข้าวแกงแปดสิบหยวน..."

เธอพูดเบา ๆ แต่เสียงนั้นกลับทำให้ทุกคนที่ยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ ตื่นเต้นไปด้วย พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าขายของแค่ครึ่งวันจะทำเงินได้มากขนาดนั้น

"พี่สือซาน พี่จื่อเหิง ฉันอยากให้พวกพี่ช่วยไปหาซื้อจักรยานมือสองให้ฉันหน่อยได้ไหม คันนึงฉันจะเอามาให้พี่สะใภ้ใช้ ส่วนอีกคันฉันอยากให้พวกพี่ช่วยดัดแปลงให้ฉันหน่อย"

เสี่ยวหนานยื่นเงิน 300 หยวนให้พี่ชายกับสามี พร้อมกับเอากระดาษขึ้นมาวาดรูปโครงร่างง่าย ๆ ให้ทั้งสองดู

"ได้สิ ว่าแต่หนานหนานอยากให้พี่ดัดแปลงเป็นแบบไหน?"

"ฉันอยากให้พี่เอาเบาะด้านหลังออกแล้วเปลี่ยนมาทำเป็นกระบะใส่ของให้ฉันแบบนี้ คันนี้ฉันจะใช้เอง ต่อไปพวกเราจะได้ไม่ต้องมีใครเดินออกมาร้านตอนมืด ๆ อีก"

"ได้สิ เดี๋ยวพี่กับพี่จื่อเหิงจะไปหาดูในเมืองให้"

"ค่ะ เสร็จแล้วรีบกลับมากินข้าวเย็นที่ร้านเลยนะ ฉันกับพี่สะใภ้แล้วก็แม่ ๆ จะทำเปาะเปี๊ยะรออยู่ที่นี่"

"ครับ"

วันนี้พ่อโจวกับลูกเรือจะต้องออกทะเลในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสี่ยวหนานจึงคิดจะทำกับข้าวให้ทุกคนกินข้าวที่นี่พร้อมกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel