บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 18 คนไม่มีพลังวิญญาณเช่นนาง เหตุใดผ่านการคัดเลือก

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นซูเชี่ยวก็เอาแต่หลบหน้าลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยกทุกครั้งเวลาพบเจอกัน หรือเรียกได้ว่าที่ใดมีเขาไม่มีนาง มีนางไม่มีเขา อย่างที่ซูเชี่ยวได้ให้คำมั่นไว้กับตัวเอง เวลาส่วนใหญ่ของซูเชี่ยวทุกวันเอาแต่ศึกษาเกี่ยวกับพลังภายใน และฝึกฝนพลังได้แค่ในห้องพักของนางเท่านั้น เพราะนางยังไม่อยากต้องการให้ใครรู้ ช่วงนี้เรียกได้ว่าหญิงสาวเป็นหัวกะทิของห้องเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าอาจารย์ถามอะไรนางก็ตอบได้ทั้งหมด

“วันนี้มีการทดสอบความรู้เรื่องที่เรียนไป เจ้าเตรียมตัวมาหรือไม่” เจียอี่ถามซูเชี่ยวขณะเดินไปห้องเรียน เพราะการสอบทุกครั้งที่ผ่านมามักมีชื่อของซูเชี่ยวอยู่ระดับเดิมทุกการสอบคือระดับสุดท้าย

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าย่อมทำเต็มที่” ซูเชี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ วันนี้นางไม่ต้องการเป็นที่หนึ่งเพื่อกลายเป็นจุดเด่นต้องการเพียงไม่ต้องเป็นลำดับสุดท้ายเหมือนทุกครั้งก็พอ

“การฝึกเพื่อการคัดเลือกผู้นำสำนักเป็นอย่างไรบ้าง” ซูเชี่ยวเอ่ยถามเจียอี่ เพราะทุกวันนี้ซูเชี่ยวแทบไม่ได้พบหน้านางเลย ยิ่งใกล้ถึงวันคัดเลือกก็ยิ่งทำให้เจียอี่ฝึกฝนหนักเข้าไปใหญ่ การประลองกับสำนักทั้ง 5 ในครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นปีแรกที่สำนักวารีหยกตั้งเป้าหมายเพื่อเป็นผู้ชนะ ทำให้ศิษย์ทุกคนตั้งใจฝึกฝนหนักมากขึ้นกว่าทุกปีที่เเค่ให้สำนักติดอันดับแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

“รองเจ้าสำนักจะคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม ทั้ง 30คน เป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันงาน” เจียอี่เล่าขณะที่เดินเข้าห้องเรียน

“ขอให้เจ้าถูกคัดเลือก” ซูเชี่ยวพูดพลางยิ้มให้เจียอี่ เจียอี่เพียงพยักหน้าและทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน

“เอาล่ะ หากทุกคนประจำที่เรียบร้อยแล้วก็เริ่มได้” อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนพูดขึ้น และมีบ่าวชาย 5 คนเข้ามาแจกกระดาษคำตอบให้ศิษย์ที่นั่งอยู่คนละแผ่น หัวข้อหลักในการสอบครั้งนี้คือหลักความเข้าใจสูงสุดของพลังภายในให้ทุกคนเขียน พร้อมยกตัวอย่างประกอบ หลังจากที่ศิษย์ทุกคนได้รับหัวข้อก็ก้มหน้าพากันเขียนคำตอบของตัวเองลงไป ซูเชี่ยวเห็นหัวข้อก็ลงมือเขียนทันที หลักความเข้าใจสูงสุดของพลังภายในมีอยู่ในหนังสือที่นางอ่าน นางจำได้ดีเพราะอ่านไม่รู้กี่รอบเพื่อทำความเข้าใจ การฝึกพลังภายในด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย หากศึกษาไม่เข้าใจแล้วย่อมไม่สามารถปฏิบัติได้ หลักความเข้าใจมี 7 ประการ ศิษย์ในสำนักย่อมจำได้ทุกคน งั้นนางจะต้องแกล้งยกตัวอย่างผิดเพื่อไม่ให้เป็นที่ 1 ในการสอบครั้งนี้ ซูเชี่ยวคิดในใจ นางจึงแกล้งยกตัวอย่างผิดไป 2 ข้อของหลักความเข้าใจสูงสุด การสอบครั้งนี้ดำเนินไปเป็นระยะเวลาถึง 1 ชั่วยาม ก็ได้ยินเสียงส่งสัญญาณว่าหมดเวลาในการทำข้อสอบ

“วันนี้เจ้าต้องไปฝึกซ้อมอีกใช่หรือไม่” ซูเชี่ยวเอ่ยถามเจียอี่หลังจากที่ทั้งคู่เดินออกมาจากตำหนักเรียน

“ใช่ ข้าขอตัวก่อน” เจียอี่พูดพลางเดินออกไป ซูเชี่ยวเพียงยิ้มและมองตามหลังหญิงสาวไป ช่วงนี้นางรู้สึกเบื่อและเหงาเป็นอย่างมาก เพราะเจียอี่ต้องฝึกอย่างหนักจนแทบไม่ได้พบหน้ากัน

ซูเชี่ยวเดินคอตกไปตำหนักใฝ่คุณธรรมเช่นเคยเดี๋ยวนี้สองที่ที่นางจะอยู่หรือเรียกได้ว่าสิงสถิตมีแค่ห้องพักของตัวเอง และตำหนักใฝ่คุณธรรมแห่งนี้ นางเดินเข้าไปเลือกตำราที่สนใจและเดินไปอ่านเช่นเคย แต่ก้นยังไม่ถึงพื้นก็ต้องเด้งตัวขึ้น เมื่อหันไปเห็น ลี่หยางเจ้าสำนักเดินเข้ามา นางจึงรีบวิ่งไปหลบที่หลังชั้นหนังสือเพื่อรอให้ชายหนุ่มหาที่นั่งอ่านตำรา และจะได้แอบหนีออกไป หลายวันมานี้นางรู้สึกชีวิตของนางเงียบสงบมากหลังจากที่ไม่เจอชายหนุ่ม นั้นก็แปลว่ามาถูกทางแล้วที่เลือกอยู่ให้ไกลจากลี่หยาง ซูเชี่ยวหันไปมองทางที่ชายหนุ่มอยู่เมื่อสักครู่ขณะที่หาที่ทางในการหลบได้แล้ว แต่กลับไม่เห็นร่างสูงแล้ว

“อ่าว ไปแล้วหรือ” หญิงสาวพูดกับตัวเองออกมาเบาๆ

“ผู้ใดไปหรือ” เสียงทุ้มดังออกมาจากด้านหลังของซูเชี่ยวที่กำลังนั่งย่อเพื่อสังเกตการณ์

“ก็เจ้าสำนักน่ะสิ ข้าห้ามอยู่ใกล้เขาเด็ดขาด” ซูเชี่ยวตอบโดยที่ไม่ได้หันมามองด้านหลัง เพราะกำลังจดจ่อมองหาลี่หยางเจ้าสำนักว่าออกไปจริงๆ ใช่หรือไม่

“เจ้าหนีเขาทำไมหรือ” เสียงทุ้มด้านหลังนางยังถามนางต่อ ซูเชี่ยวที่พึ่งรู้สึกตัวว่านางเผลอพูดกับใครสักคนไปโดยที่มัวแต่จดจ่อกับการมองหาลี่หยาง นางก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ที่นางมั่นใจแล้วว่าคนที่กำลังมองหาตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างหลังตน ด้านลี่หยางตอนที่เขาย่างกรายเข้ามาในตำหนักใฝ่คุณธรรมเเห่งนี้ก็มองเห็นหญิงสาวที่นั่งอ่านตำราด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ก่อนแล้ว แต่เขาก็คุยธุระกับผู้คุมอยู่ที่ด้านหน้า แต่เห็นหญิงสาวเดินไปหลบหลังชั้นวางตำรา ตอนแรกวันนี้เขาแค่ต้องการเข้ามาหาตำราเพียงเท่านั้น แต่หลายวันมานี้เขาเห็นหญิงสาวทำตัวแปลกๆ เวลาที่เจอเขา หากเจอหน้าก็วิ่งหนีหน้าตาตื่นเหมือนเห็นผีสาง จึงแค่จะเดินมาถามแต่หญิงสาวกลับทำท่าว่าจะหนีเขาอีกจึงได้เดินอ้อมมาอยู่ที่ด้านหลังนางแทน ซูเชี่ยวที่ค่อยๆ หันหน้ามาตามทิศทางของเสียงเมื่อสักครู่ ที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังตนจากที่นางสูงแค่ปลายคางของเขาตอนนี้ขณะที่นาง ย่อกายหลบทำให้นางสูงแค่หน้าอกของเขา ภาพตรงหน้านางตอนนี้ทำให้นางกลัวจนแข็งทื่อ ปกติก็ทำหน้านิ่งจนน่ากลัวอยู่แล้วหน้าเขาตอนนี้หากฉีกนางเป็นชิ้นได้คงทำไปแล้วโทษฐานที่มีเรื่องปกปิดเขาอยู่

“คารวะเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวพูดขณะที่ยกมือทำท่าคารวะ แต่เดินถอยหลังไปจนชนชั้นวางหนังสือทำให้ตำราที่เป็นไม้ไผ่ตกลงมาบนหัว

“ระวัง” ลี่หยางเอ่ยออกมาเมื่อเห็นตำราที่ตกลงมาใส่หญิงสาว แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“โอ๊ย” สิ้นเสียง ซูเชี่ยวมีน้ำโลหิตสีแดงหยดลงมาจากหัวของนางและสลบไปทันที

ซูเชี่ยวฟื้นมาหลังจากนางสลบไป 2 เค่อกลับพบว่านางกลับมาอยู่ที่ห้องพักแล้ว นางจับไปที่หัวของนางพบว่าถูกพันด้วยผ้าไว้แล้ว และเห็นกระดาษสีขาวที่ถูกทับด้วยถ้วยยาว่า “ตื่นแล้วทานยาด้วย” คงเป็นเจียอี่สินะที่พานางมาที่นี่ เพราะในสำนักมีกฎห้ามไม่ให้ศิษย์ชายเข้ามาที่ห้องพักหญิงเด็ดขาด

เช้าวันถัดมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จซูเชี่ยวและเจียอี่ ก็ไปเรียนด้วยกันเหมือนอย่างปกติหญิงสาวเดินมานั่งประจำที่เหมือนอย่างเคย วันนี้เป็นการเรียนการสอนคาบสุดท้ายหลังจากที่สอบไป และจะหยุดเพื่อให้ศิษย์ได้ฝึกฝนพลังภายในอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมการเข้าคัดเลือกผู้นำสำนักทั้ง 5 เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น ผ่านไปไม่นานก็มีอาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียนเสียงที่เคยดังก็เงียบไปทันที

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดให้พวกเจ้าฝึกฝนพลังภายใน” อาจารย์พูดขึ้นพร้อมกวาดตามองศิษย์ทุกคน และพูดต่อว่า

“ข้าจะประกาศผลลำดับคะแนนในการสอบของเมื่อวาน” สิ้นเสียงของอาจารย์มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเริ่มประกาศชื่อและตามด้วยคะแนนของแต่ละคน

“เจียวซิ่น 9 แต้ม ลู่ฟ่าง 4 แต้ม เจียอี่ 6 แต้ม….” จากนั้นค่อยๆ ไล่รายชื่อของทุกคนจนครบ และนางคือคนสุดท้าย

“ซูเชี่ยว 9 แต้ม” ทันทีที่เสียงอาจารย์จบลงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาทันที และทุกคนต่างมองมาที่นางเพียงคนเดียว ทุกรอบคนที่ได้ 1 หนึ่งจะมีแค่คนเดียวเท่านั้นและเป็นคนคนเดียวมาตลอด และซูเชี่ยวที่การสอบรอบที่แล้วยังอยู่อันดับสุดท้ายอยู่เลย แต่ครั้งนี้กลับได้ที่ 1 จึงทำให้ทุกคนตกใจไปตามๆ กัน ซูเชี่ยวที่ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าเอ่ยปากพูด นางอุตส่าห์แกล้งเขียนผิดแล้วแท้ๆ ดันได้คะแนนเยอะซะอย่างนั้น

“ยินดีกับทั้ง 2 คนด้วยครั้งนี้มีคนได้คะแนนลำดับหนึ่งเท่ากัน 2 คน” อาจารย์พูดขึ้นและทำท่าให้ศิษย์ทุกคนเงียบลง

“คนที่ได้อันดับหนึ่งจะได้เป็น1ใน 30 คนในการถูกคัดเลือกให้ประลองการเลือกผู้นำสูงสุดในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า” อาจารย์อธิบายเสียงยาว

“แต่นางไม่มีพลังภายในนะขอรับ” เสียงของศิษย์ชาย 1 คนตะโกนออกมา

“จริงด้วยขอรับอาจารย์ นางไม่มีพลังภายในหากนางเข้าประลอง ย่อมเป็นที่ขายหน้าของสำนัก” เสียงของศิษย์ชายอีกคนตะโกนขึ้นเพื่อคัดค้านพร้อมให้เหตุผล

“รองเจ้าสำนักได้บอกไว้แต่ตอนก่อนสอบเเล้ว หากพวกเจ้ามีข้อสงสัยก็ไปถามท่านเอง เลิกเรียนได้” อาจารย์อธิบายเสร็จก็เดินออกไปทันที

“ขอบคุณท่านอาจารย์” ทุกคนพูดออกมาพร้อมกันพร้องลุกขึ้นทำท่าคารวะ จากนั้นทยอยพากันออกจากห้องรวมถึงซูเชี่ยวด้วย

“แม่นางซูเชี่ยวเดี่ยวก่อนขอรับ” มีเสียงของชายหนุ่มดังตามหลังนาง ซูเชี่ยวหยุดและหันหลังกลับไป

“ข้าชื่อเจียวซิ่นขอรับ” ชายตรงหน้าเอ่ยแนะนำตัวก่อน เขารูปร่างหน้าตานับว่าหล่อเหลา ไม่ออกแนวไปทางคมเข้มแต่ก็ดูดีใช้ได้ซูเชี่ยวลอบสังเกตหน้าตาของชายหนุ่มตรงหน้า

“เจ้ามีอันใดกับข้าอย่างนั้นหรือ” ซูเชี่ยวเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางไม่เคยมีเรื่องหรือเคยพูดกับชายตรงหน้า อยู่ๆ เขากลับมาทักทายซะงั้น

“เจ้าและข้าได้ คะแนนเท่ากัน” เจียวซิ่นหยุดพูดพลางมองหน้าซูเชี่ยวเล็กน้อยและพูดต่อ

“ข้าบอกตามตรง ยังไม่เคยมีใครชนะข้าได้เลย และเจ้าคือคนแรกที่ได้คะแนนเท่าข้า” สิ้นคำของเจียวซิ่น ซูเชี่ยวเข้าใจทันทีว่าเขาคงเป็นพวกชอบแข่งขันสินะ ชนะมาตลอดอยู่ๆ ก็กลับมีคู่เเข่ง

“ข้าขอเป็นเพื่อนกับเจ้าได้หรือไม่” จู่ๆ เจียวซิ่นก็พูดด้วยท่าทีจริงจังกับนาง ซูเชี่ยวที่ได้ยินก็ลังเลเล็กน้อย ตั้งแต่มาอยู่นี่นางมีเพื่อนแค่คนเดียวตอนนี้นางกลับกำลังมีเพิ่มมาอีกคน

“แต่ข้าคือนางร้ายในสายตาทุกคนนะ แถมพลังภายในก็ไม่มี” ซูเชี่ยวพูดเพื่อเตือนสติชายหนุ่มตรงหน้า ว่าเขาคิดดีแล้วหรือไม่

“ข้าไม่สน ขงจื้อกล่าวไว้ว่าผู้ที่มีคุณธรรมย่อมไม่ทอดทิ้งโดยโดดเดี่ยว และจะมีเพื่อนบ้านมาคบหา” เจียวซิ่นพูดพลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาอย่างเป็นผู้แตกฉานด้านความรู้ ซูเชี่ยวได้แต่ส่ายหน้านี่เขากำลังยกยอตัวเองอยู่หรือ

“ได้ ตามใจเจ้า” ซูเชี่ยวพูดเสียงดังและเดินตรงกลับห้องพักทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel