ตอนที่ 11 เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้นำเจ้าสำนัก
ณ ตำหนักหยกขาว บริเวณศาลาริมน้ำมีเพียงชายเจ้าของสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่นั่งอยู่ เขานั่งดีดกู่เจิงเป็นประจำเหมือนทุกวันปลายยามเหม่าของทุกเช้าจึงทำให้คนที่นี่คิดว่าเมื่อได้ยินเสียงบรรเลงกู่เจิงคือเวลาที่ใช้ปลุกคนในสำนัก แต่เเท้จริงแล้วเป็นเวลาในการฝึกฝนของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งดูสุขุม วันนี้เขาสวมชุดสีขาวงามสง่าและคลุมด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว ผู้คนที่ได้พบเจอต่างมองเขาราวเทพเซียนที่กำลังนั่งบรรเลงกู่เจิงด้วยสีหน้าสงบ เขากำลังใช้เสียงเพลงเพื่อฝึกพลังภายใน ลี่หยางวางนิ้วเรียวยาวบนสายกู่เจิงและเริ่มบรรเลงด้วยท่วงทำนองที่บางเบาจากนั้นเริ่มเร่งจังหวะการดีดนิ้วลงที่สายกู่เจิงให้รวดเร็ว สายน้ำจากแม่น้ำด้านหน้ามีคลื่นเล็กๆ หลายสาย ยิ่งชายหนุ่มเร่งจังหวะในการดีดให้เร็วขึ้นสายน้ำก็ยิ่งเกิดคลื่นที่ใหญ่ขึ้น มีแสงสีขาวลอยออกมาจากคลื่นสายน้ำเหล่านั้นและแสงลอยมาวนรอบตัวเขาที่กำลังนั่งดีดกู่เจิงอยู่ที่ศาลา นี่คือวิชาธาราหวนคืนวิชาของสำนักวารีหยกที่ใช้สายน้ำช่วยในการเพิ่มพลังภายในทำให้จิตใจเย็นลงและเงียบสงบขึ้น เวลาผ่านไปประมาณ 3 เค่อก็ได้ยินเสียงดังใกล้เข้ามา ลี่หยางค่อยลดจังหวะในการดีดให้ช้าลงและหยุดบรรเลงกู่เจิงในที่สุด แสงสีขาวที่พัดวนรอบตัวเขาเมื่อสักครู่ก็หายไปพร้อมกับเสียงบรรเลง เสียงฝีเท้าของคนที่มารบกวนเขาเมื่อสักครู่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น
“คารวะเจ้าสำนัก” เฟยซิ่นที่เดินเข้ามาหยุดด้านหลังลี่หยาง ยกมือขึ้นและโค้งเล็กน้อยคารวะ ลี่หยางลุกขึ้นจากท่าที่ใช้นั่งดีดกู่เจิงเมื่อสักครู่เเละเดินไปหยุดบริเวณสุดทางเดินของสะพานไม้มองไปที่แม่น้ำด้านหน้า
“เป็นอย่างไรบ้าง” ลี่หยางถามเฟยซิ่นโดยไม่ได้หันหลังมา
“เป็นสำนักพฤกษชาติขอรับ” เฟยซิ่นตอบออกมาทันทีโดยที่ไม่ต้องถามว่าลี่หยางถามเกี่ยวกับเรื่องอะไร เขาที่ทำงานอยู่ข้างกายลี่หยางมานานย่อมเข้าใจชายตรงหน้าดี ลี่หยางที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ เฟนซิ่นเห็นอย่างนั้นจึงเริ่มรายงานเรื่องที่ตนเองไปสืบมาต่อ
“รายงานจากสายสืบที่แฝงตัวอยู่ในสำนักพฤกษชาติบอกว่าสำนักพฤกษชาติคิดที่จะชิงการเลือกผู้นำสำนักครั้งนี้ขอรับ ภายในสำนักวุ่นวายไปหมดเร่งฝึกฝนศิษย์และมีการเตรียมการที่อาจเกิดอันตรายต่อศิษย์สำนักที่ร่วมประลองด้วย” พูดจบประโยคนี้เฟยซิ่นยังแอบชำเลืองมองสีหน้าลี่หยาง แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้พูดอะไรเขาจึงพูดต่อ
“ตอนแรกแม่นางฮุ่ยซิ่วชื่นชอบท่าน พ่อของนางเจ้าสำนักพฤกษชาติจึงคิดให้นางมาพบท่านเพื่อดึงให้ไปเป็นพวก เมื่อ 2 เดือนก่อนแต่เกิดอุบัติเหตุที่ซูเชี่ยวลอบทำร้ายนาง และทางเราเพียงแค่ส่งจดหมายไปขอโทษ ไม่ได้เดินทางไปด้วยตัวเองจึงทำให้เจ้าสำนักพฤกษชาติโมโหเป็นอย่างมาก จึงส่งคนเข้ามาก่อความวุ่นวาย” เฟยซิ่นรายงานเสียงยาว
“เเล้วทางด้านสำนักเพลิงอัคคีล่ะ เกี่ยวอะไรด้วย” ลี่หยางที่ฟังมานานเอ่ยปากถาม เพราะเรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับสำนักเพลิงอัคคีเลยสักนิด
“เกิดจากการที่ครั้งนี้สำนักเพลิงอัคคีก็คิดจะขึ้นเป็นหัวหน้าสำนักเช่นเดียวกันขอรับ” เฟยซิ่นรีบตอบทันที ลี่หยางที่ได้ยินก็คิดตาม ถ้าหากว่าเขาเอาเรื่องนี้โยนความผิดให้สำนักเพลิงอัคคี หากสำนักเพลิงอัคคีได้รับชัยชนะในการคัดเลือกครั้งนี้ก็สามารถนำเรื่องที่สำนักเพลิงอัคคีลักลอบทำร้ายคนสำนักอื่นมาเป็นคำครหาว่าไม่ซื่อสัตย์และโปร่งใส ถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์ในการเเข่งขันครั้งนี้ ดีนี้วางแผนได้ดีทำให้พวกข้าขัดแย้งกันเอง ได้แก้แค้นที่ข้าไม่ไปขอโทษซึ่งหน้าเรื่องแม่นางฮุ่ยซิ่ว และได้กำจัดคู่แข่งที่จะชิงผู้นำสำนักทั้ง5 อีก ลี่หยางคิดในใจ
“แล้วทางสำนักวายุทลายสวรรค์ และสำนักกาลพิภพเล่า” ลี่หยางถามเฟยซิ่นหลังจากเงียบไปนาน
“ทั้ง 2 สำนักไม่คิดที่จะชิงผู้นำเจ้าสำนักขอรับ เพียงส่งศิษย์เข้าร่วมเพียงเท่านั้น และข้าได้ข่าวว่าสำนักพฤกษชาติก็ไปเยี่ยมเยือนทั้ง 2 สำนักบ่อยครั้ง ทั้ง2 สำนักน่าจะเอนเอียงไปทางสำนักพฤกษชาติขอรับ” หลังเฟยซิ่นกล่าวจบลี่หยางเดินไปนั่งที่โต๊ะกลางศาลาริมน้ำ เฟยซิ่นเดินตามเข้ามาและรินชาให้เจ้าสำนักลี่หยาง และให้ตัวเอง
“คนในสำนักเราฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง” ลี่หยางเปลี่ยนเรื่องคุยและยกชาขึ้นดื่ม
“หมู่นี้ทุกคนล้วนตั้งใจฝึกฝนการเตรียมตัวประลองในงานเลือกผู้นำเจ้าสำนักเป็นอย่างมากขอรับ” เฟยซิ่นพูดจบก็ยกชาขึ้นดื่มตาม เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสำนักวารีหยกลี่หยาง ไม่ต้องการที่จะขึ้นเป็นผู้นำเจ้าสำนักสักครั้งถึงแม้ฝีมือจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ประลองสำนักวารีหยกก็ไม่เคยตกจากอันดับ1ใน3 เลยสักครั้ง
“เตรียมตัวคนของเราให้พร้อม ครั้งนี้ต้องเอาตำแหน่งผู้นำสำนักมาให้ได้” ลี่หยางพูดจบ และเป็นฝ่ายรินชาให้ตัวเองและเฟยซิ่น
“เจ้าสำนัก!” เฟยซิ่นอุทานออกมาอย่างยากที่จะเชื่อ เจ้าสำนักของเขาไม่ชอบการเเข่งขันเป็นที่สุด เหตุใดครั้งนี้เขาจึงเปลี่ยนใจ แต่ก็ทำให้เขาดีใจแต่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สำนักวารีหยกเก่งกาจเพียงใดแต่ไม่เคยเเสดงฝีมืออย่างเต็มที่สักครั้ง หากเขานำเรื่องนี้ไปบอกแก่ศิษย์ที่กำลังฝึกฝน ทุกคนย่อมต้องยินดีมากแน่ๆ
“เจ้ากลับไปเถอะ เหลือเวลาอีก 2 เดือนเตรียมฝึกฝนศิษย์ทุกคนให้พร้อม” สิ้นคำของลี่หยาง เฟยซิ่นลุกขึ้นและคารวะจากนั้นเดินออกไป หลังจากที่เฟยซิ่นออกไป ลี่หยางมองแม่น้ำที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตาขณะที่ยกชาขึ้นดื่ม
“หากพวกเจ้าเลือกที่ใช้วิธีสกปรก ก็เอามันไปให้ได้” จากนั้นลุกขึ้นเดินเพื่อเตรียมตัวไปทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคนในสำนัก
