ตอนที่ 2
อนาวินรับงานเฉพาะตอนปิดเทอมและช่วงที่กลับมาเที่ยวบางครั้งคราว กระทั่งเรียนจบจึงขอพ่อแม่กลับมาทำงานที่เมืองไทยอย่างถาวร ในช่วงแรกเขาพักอาศัยอยู่ที่บ้านกระเต็น แต่ด้วยเวลาการทำงานไม่แน่นอน จึงตัดสินใจซื้อคอนโดเพื่อออกมาอยู่ตามลำพัง จะได้ไม่รบกวนคนในบ้านเวลากลับดึก
พอกระเต็นเรียนจบ และทำงานบริษัทโฆษณาได้ 1 ปี ก็ลาออกมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้อนาวิน ตามคำขอร้องจากมารดาของเขา เนื่องจากผู้จัดการคนเก่าลาออกไป เพราะทนนิสัยความเอาแต่ใจตัวเองของดาราซูเปอร์สตาร์ไม่ไหว
“ยังจะมาพูดอีก นายจะหนีเที่ยวทำไม งานเยอะจะตายอยู่แล้ว”
กระเต็นตอบกลับใส่คนที่โทรมาโดยไม่ไว้หน้า นอกจากจะชอบทำอะไรตามใจแล้ว ยังไม่ยอมบอกอะไรเธอก่อน
แน่นอนว่าถ้าเขาบอก เธอคงไม่ให้ไปเที่ยวไหนแน่นอน ส่วนหนึ่งกระเต็นรู้สึกว่าการที่อนาวินไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีคนดูแล อาจส่งผลให้เกิดข่าวที่เสียหายตามมา เพราะน้องชายซูเปอร์สตาร์คนนี้ของเธอ ชอบทำอะไรตามใจตนเองและไม่พยายามรักษาภาพลักษณ์ แม้เขาจะไม่เคยมีข่าวเสียหาย แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจอยู่ดี
“อะไรกัน ผมไม่ยุ่งนี่ ตารางว่างตั้งหลายวัน ขอไปเที่ยวพักสมองหน่อยเถอะ ทำงานติดกันจนจะลืมหายใจอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องรับงานนะช่วงนี้ พวกงานแทรกงานด่วนแบบไม่บอกล่วงหน้า”
อนาวินรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจผ่านน้ำเสียงของผู้จัดการสาวจอมบงการ แม้เขาจะเข้าใจในความหวังดีแต่บางทีก็มากเกินไป เธอชอบทำเหมือนเขาเป็นน้องชายที่ไม่รู้จักโตตลอดเวลา ปกติเขาเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวบ่อย ๆ มาตั้งแต่เด็ก แค่ไปเที่ยวพักผ่อนใกล้ ๆ แค่นี้ ต้องโวยวายทำไมไม่รู้
“กลับมาเลยนะ”
กระเต็นยังคงวางอำนาจไม่เปลี่ยนแปลง เธอรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้เขายกเลิกแผนการ นึกแล้วก็โมโหคุณนายกรแก้วจริงๆ ที่เพิ่งมาบอกเธอเอาป่านนี้ สงสัยนายอี้คงจะมาออดอ้อนเรียกคะแนนความสงสารตามเคย เพราะแม่เธอทั้งรักและหลงหลานชายตัวดี แทบจะเป็นแม่บุญธรรมอีกคนก็ว่าได้ แม่เธอเลยให้ความร่วมมือในการหนีเที่ยวอย่างเต็มที่
“ฝันไปเลย เข้ามาในสนามบินแล้ว”
นี่เป็นการแหกกฎสำเร็จอีกครั้งของอนาวิน โทษฐานที่กระเต็นไม่เคยยอมให้พักผ่อน ใช้งานเขาหนักยิ่งกว่าทาสเป็นประจำ...จะมีใครเข้าใจหัวอกซูเปอร์สตาร์ที่มีผู้จัดการส่วนตัวบ้าอำนาจอย่างเขาบ้าง
โครม!!!!
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน รถยนต์พุ่งเข้าชนอนาวินอย่างรุนแรงจนร่างกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร จากนั้นทัศนวิสัยก็มืดลงพร้อมวิญญาณค่อยๆ หลุดลอย