4| กลับ
"ดูนั่นสิ แสดงเป็นต้นไม้ซะสมจริงเลย"
"พี่ตฤณ หลานตั้งใจออก ดูสิคะจ้องพี่ตฤณไม่วางตาเลย" สิ่งที่ไออุ่นกังวลมากที่สุดคือกลัวพ่อพ่อของเขามาไม่ได้ พอได้เห็นว่าพ่อพ่อมาได้ก็จ้องตาไม่กะพริบเลย เอ็นดูเจ้าต้นไม้น้อยนั่น
"พี่ผิดนัดครั้งก่อนคงกลัว" ครั้งนั้นเป็นงานวันเด็ก ไออุ่นได้ขึ้นแสดงเต้นประกอบเพลง แววตาเศร้าหมองในวันนั้นทำให้พี่ตฤณรู้สึกผิดไม่น้อย รูปที่ฉันตั้งใจถ่ายไปอวดกลายเป็นภาพแห่งความเจ็บปวดไปซะงั้น แต่พี่ตฤณก็สั่งให้คนไปอัดใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเอาไว้เตือนใจว่าไม่ควรผิดสัญญากับใครอีก
"ครั้งนั้นเต้นเกือบไม่ออก เอาแต่มองหาพ่อพ่อ"
"พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของไออุ่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" พี่ตฤณยื่นมือมาแตะบ่าฉันเบา ๆ แล้วหันไปมองลูกสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที วันนี้พ่อพ่อของไออุ่นออร่าจับมาก ๆ แม่ ๆ หลายคนมองตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะแม่ของน้องอิ๊งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะไม่ค่อยได้เห็นพี่ตฤณสักเท่าไหร่
"แสดงจบก็กลับบ้านได้เลย พี่ตฤณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ" งานพี่ตฤณรออยู่อีกมาก ไออุ่นเห็นหน้าพี่ตฤณแล้วก็น่าจะพอใจแล้วล่ะ ได้ข่าวว่ามีประชุมอีก
"รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ถ่ายรูปกันก่อนสิ" พี่ตฤณไม่ได้มองหน้าฉันเลยสักนิด ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้ชายที่รักสันโดษและครองความโสดมาจนอายุสามสิบแปดปีจะรักเด็กได้มากขนาดนี้ พี่ชายของฉันทั้งหล่อและรวยทำงานเก่งทำไมกันถึงไม่ยอมมีครอบครัวสักที เลี้ยงไออุ่นได้ดีขนาดนี้ถ้ามีลูกเป็นของตัวเองน่าจะหลงจนไม่ยอมไปไหน
นี่แค่หลานยังขนาดนี้
"พี่ตฤณมีประชุมไม่ใช่หรือคะ"
"ไออุ่นคงไม่อยากให้พี่กลับ ดูสายตาเจ้าตัวเล็กนั่นสิ"
"พี่ตฤณจะไม่มีครอบครัวจริงๆ หรือคะ" ฉันหันไปถามพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจัง บอกตามตรงฉันก็อยากเห็นพี่ชายคนนี้มีความสุข พี่ตฤณทำงานหนักมาตั้งแต่อายุยังน้อย ทำงานแทนพ่อสานต่อธุรกิจแทนพ่อทุกอย่าง พอพ่อเสียเวลาให้ตัวเองแทบไม่มี ชีวิตวัยรุ่นกินดื่มเที่ยวแทบไม่ได้เห็น
"แล้วทุกวันนี้พี่ไม่มีครอบครัวหรือไง"
"หมายถึงเมียค่ะ"
"เราเนี่ยนะ" โดนจิ้มหน้าผากแทบหงายหลัง
"ทำไมล่ะคะ อิงถามตรง ๆ แล้วนะ เมื่อไหร่พี่ตฤณจะมีเมีย"
"แล้วทำไมถึงอยากให้พี่มีเมีย พี่เลี้ยงเรากับไออุ่นก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว" ฉันทำปากคว่ำทันทีแต่พี่ตฤณน่ะรีบยกมือปิดปากกลั้นขำ สะใจหรือไงที่ทำให้ฉันโมโหได้ คอยดูเถอะจะฟ้องไออุ่น
"อะไรเล่า พี่ตฤณอย่าพูดแบบนี้นะ คอยดูจะบอกไออุ่นให้งอนด้วย"
"พี่ไม่ได้โหยหาคนอื่น ครอบครัวของเรามีแค่นี้ก็มีความสุขอยู่แล้ว"
"แต่ก็คิด ๆ ไว้บ้างใช่มั้ยคะว่าถ้ามีคนอื่นเข้ามาอาจจะทำให้ครอบเรามีความสุขมากกว่านี้"
"ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ยังไงพี่ก็มีไออุ่น เรื่องสืบทอดมรดกหรือว่าเลี้ยงดูตอนแก่น่ะ อย่าห่วงพี่เลย" อ่านใจฉันออกหมดเลยเหรอเนี่ย นอกจากทำงานเก่งแล้วเรื่องดูแลเอาใจใส่เนี่ยพี่ตฤณไม่เป็นสองรองใครเลยจริงๆ ตั้งแต่เกิดมานอกจากแม่ก็มีพี่ตฤณนี่แหละที่รู้ใจฉัน
"ซึ้งจัง"
"ฟังแล้วจำ ไม่ต้องถามเรื่องนี้กับพี่อีกเข้าใจมั้ย"
"สามสิบแปดแล้วนะคะ"
"ยังไม่หยุดอีก"
#ไคล์
"นี่เก็บกระเป๋าจะไปไหน ไปตั้งอาทิตย์หน้าเชียวนะไคล์ แล้วนั่นกระเป๋าตั้งกี่ใบกะไปแล้วไม่กลับมาเลยหรือไง" พี่แคทมาถึงก็ต้องตกใจที่เห็นผมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเกือบห้าใบ
"ใจก็ไม่อยากกลับมาอีกหรอกครับพี่" พี่แคทถอนหายใจแล้วนั่งลงช่วยผมพับเสื้อที่พับยังไงมันก็ไม่เป็นทรงเรียบร้อยให้สักที
"มานี่พี่ทำให้ ในกระเป๋านั่นยัดหรือว่าพับ"
"พับๆ ยัดๆ ไปนั่นแหละครับพี่" ผมก็ยังเหมือนเดิม ความเรียบร้อยเรื่องแบบนี้มีที่ไหน
"แม่บ้านก็มีนะเธอ"
"พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัว" นอกจากพี่แคทก็มีแค่อิงเท่านั้นที่ผมยอมให้ยุ่งกับของส่วนตัว
"แน่ใจว่าจะไม่ต่อสัญญาแล้ว"
"อืม คิดมานานแล้ว พี่ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมผมเลยนะ ผมเบื่อ"
"เออๆ รู้แล้วว่าเบื่อจริง ฉันก็อยากกลับไปอยู่ไทยแย่ละ เบื่อแล้วเหมือนกัน" พี่แคทดูแลศิลปินดาราซุปตาร์มาแล้วเป็นสิบ บางคนก็เอาแต่ใจไม่สนสี่สนแปดหาแต่เรื่องมาให้ผู้จัดการอย่างเจ๊แกปวดหัว
"กลับไปใช้เงินบ้างก็ดีนะพี่"
"เงินก็อยากใช้งานก็ยังอยากทำอยู่ แต่ฉันเบื่อเด็กสมัยนี้เหลือเกิน เตือนอะไรมันไม่ค่อยจะฟัง ถ้ามีเด็กดีๆ หลุดมาฉันก็อาจจะรับงาน แต่ก็ ขอพักยาวๆ ก่อน เหนื่อย"
"อีกสองวันผมจะบินแล้วนะ"
"รีบเกินไปละ จะไปหาใคร"
"หาเมียสักคนมั้ง"
"ดูพูดเข้า เมียแมวอะไร " ผมพูดหยอกพี่แคทไปงั้น
"อยากมีเมียอะครับ อยากมีเมีย อยากมีเมีย"
"ปากแบบนี้นะ คอยดู " พี่แคทชี้หน้าผมแล้วถลึงตาใส่ อะไรกันก็แค่พูดเล่น
-------