บทที่1.เด็กสาวไม้ขีดไฟ 3/3
3/3
เมื่อไร? เธอจะพ้นสภาพแบบนี้เสียที เมื่อไรที่บิดาจะคิดได้และกลับตัวเป็นคนดี ไม่ต้องออกไปทำงานก็ได้ ขอแค่ไม่ทานเหล้าเมาหยำเปแบบนี้ เธอคงไม่เหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนปัจจุบัน หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้าและส่งเสียงวิงวอนพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ในใจเงียบๆ เธอไม่ได้ต้องการความสะดวกสบาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้นได้ เพียงแค่ขอวิงวอนเงียบๆ ขอให้พระองค์ประทานแสงสว่างให้กับเธอบ้าง ชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ใต้การนำทางของผู้ยิ่งใหญ่ ปรารถนาอยากได้สิ่งสุขสงบ ต้องการครอบครัวอบอุ่นเหมือนเช่นคนอื่นๆ
“นีชา...เร็วๆ สายแล้ว” เสียงสาวใหญ่เจ้าของร้านเครปร้องเรียก เมื่อเธอโผล่หน้ามาจากตรอกซอยเล็กๆ
เธอส่งยิ้มให้และรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปประจำหน้าที่ มือเล็กๆ หยิบจับงานตรงหน้าด้วยความคุ้นเคย
“คนสวยขอเครปสองอันสิ” หนุ่มคนงานเจ้าประจำเยี่ยมหน้าตรงช่องขายของ เขาร้องสั่งอาหารประจำที่ใช้รองท้องก่อนเริ่มต้นทำงานตอนเช้าตรู่
นีรนาทยิ้มรับเธอเทแป้งสีขาวขุ่นที่เจ้าของร้านเตรียมไว้ให้และเกลี่ยแป้งจนแผ่กระจายเต็มหน้าเครื่อง รอให้แป้งได้ที่จึงค่อยๆ ทาเนยและบีบวิปครีมลงไปบนนั้น ตาด้วยเครื่องประกอบที่เป็นที่นิยมไม่ว่าจะหมูหยองหรือผลไม้ก่อนจะตลบแป้งเป็นแผ่นสามเหลี่ยมใส่ในกรวยกระดาษยื่นให้ลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม
เธอรับสตางค์ที่เขาส่งให้หย่อนลงในกระป๋องข้างตัวและสาละวนทำงานต่อเมื่อต้องเตรียมพร้อมหลายอย่าง...ราคาที่พอรับได้เพราะเป็นอาหารมื้อเช้าที่หากินได้ง่าย มีร้านเล็กๆ แบบนี้ตั้งขายกระจายอยู่ตามตรอกเล็กๆ เต็มไปหมด
วันๆ หนึ่งเธอต้องทำเครปแบบนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง มันเป็นอาชีพของคนไม่มีทางเลือก แต่ก็สุจริตไม่ได้เบียดเบียนใคร ความจริงนีรนาทอยากเปิดร้านเอง เพราะเธอทำเป็นแทบทุกอย่างตั้งแต่การเตรียมแป้งหรือการลงมือทำ ติดตรงที่...เธอไม่มีเงินทุน เงินที่หาได้ละลายหายไปกับขวดเหล้าของบิดาเป็นส่วนใหญ่ สักวันหนึ่งในอนาคตน่า...เธอปลอบใจตัวเองและพยายามสร้างความหวัง จะได้มีกำลังแรงใจต่อสู้ต่อไปในอนาคตโดยที่ไม่ท้อแท้ไปเสียก่อน
อากาศเย็นเฉียบบาดผิวกายจนชายิบ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ เธอเป็นคนหาชาวกินค่ำที่ต้องทน จะให้นอนสบายๆ อยู่ในบ้าน แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟ...นี่ล่ะปัญหาของคนจน...ได้แต่แหงนมองฟ้า และวิงวอนร้องขอพระผู้เป็นเจ้าเงียบๆ
การประชุมเคร่งเครียดจบลง ได้ข้อสรุปที่ไม่ดีเท่าไร เมื่อมือมืดตัวก่อเรื่องไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น มันเก็บตัวเงียบ แค่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าของกิจการและคนที่มาเที่ยวแล้วบังเอิญรู้เรื่องเข้า
ปัง!!
ทั้งห้องเงียบกริบ ดิมิทรีลุกขึ้นยืน เขากระแทกสันมือตัวเองบนโต๊ะ ก่อนจะกวาดตามองคนใต้บังคับบัญชาทุกคนด้วยแววตาดุดัน
“คุณรู้ใช่ไหมว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น!!” เขาพูดช้าๆ เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ ว่าใครกันแน่ที่กล้าลองเชิง ‘เบนิคอฟ’
“คนร้ายคงแค่ข่มขู่ มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ครับ” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยตอบคำถามแบบกล้าๆ กลัวๆ
“ผมรู้!! แต่ผมต้องการทีมมานที่ฝีมือทำงานได้ดีไม่มีข้อติ เอาเป็นว่า... หาตัวการให้เจอ ผมจะคุยกับไอ้หมอนั่นเองว่ามันต้องการอะไร?”
ดิมิทรีสรุปสั้นๆ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้คนที่โทรฯ เข้ามาขู่มันหวังผลอะไร?
“ครับ เราตามสืบจนพอจะรู้เลาๆ มันอาจจะเป็นแค่การกลั่นแกล้งครับ”
“เยี่ยม!! ผมไม่ผิดหวังเลยที่เลือกคุณขึ้นมาทำงานตรงตำแหน่งนี้ สลาฟส์” ชายหนุ่มกดมุมปากเหมือนจะยิ้ม เขาเลิกหัวคิ้วขึ้น เพราะรู้ดีว่าหาก ‘สลาฟส์’ เอ่ยปากเขาต้องมีข้อมูลอยู่ในมือ
“แม่กลับก่อนแล้วกันนะ ลูกจัดการได้ตามสบาย งานเลี้ยงที่เหลือแม่จะไปแทนลูกเอง” มาดามโรส ลุกขึ้นยืน เธอไม่อยากเห็นความโหดเหี้ยมของลูกชาย เพราะเขาขึ้นชื่อจนมีแต่คนขยาด เป็นหมีขาวที่เลือดเย็นสุดๆ
“ครับ... มัม...เอาล่ะ ใครมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำเชิญตามสบาย ผมจะคุยกับสลาฟส์เอง เชิญ...”
ชายหนุ่มผายมือไปทางประตูเหมือนกับเป็นการไล่ทางอ้อม และทุกๆ คนรู้ดีว่าดิมิทรีไม่อยากให้ใครรู้ จนกว่าเขาจะบัญชาการลงมาเกี่ยวกับคนปริศนาที่โทรศัพท์มาข่มขู่เรื่องการวางวัตถุระเบิด ทุกคนรีบเดินออกจากห้อง ถึงให้อยากรู้แค่ไหน? ก็ไม่ใครกล้าพอที่จะตื้อขอฟังด้วย...