หลงเดียงสา บทที่ 1
บทนำ...
พีระมองดูรูปในจอสมาร์ทโฟน นัยน์ตากลมใสที่มองตอบกลับมาช่างเย้ายวนทั้งที่ดูซื่อไร้เดียงสา เจ้าของนัยน์ตานั้นมีใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สะสวยน่าเอ็นดู เจ้าหล่อนอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย เรือนร่างแน่งน้อยสมกับวัยใส หากสรีระบางส่วนกลับโดดเด่นดันเสื้อนักเรียนพอดีตัวออกมาจนเตะตา
นี่คือเด็กสาวอายุสิบหกปี…
เด็กสาวที่ทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าวราวกับเด็กวัยรุ่นทั้งที่อายุเฉียดห้าสิบปีแล้ว...
โอ...
พีระกลืนน้ำลาย เขาไม่อาจจะห้ามใจได้จริงๆ เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะมาหลงใหลกับเด็กสาววัยเพิ่งแรกแย้มแบบนี้ ทั้งที่เจ้าหล่อนเป็นลูกสาวของเพื่อนของเขา ใช่...เจ้าหล่อนเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนสำคัญของเขา เขาพบหล่อนครั้งแรก ตอนนัดรับประทานอาหารกับปารมี เมื่อเผลอมองสบตากับลูกเลี้ยงของหุ้นส่วนเข้า หัวใจเขาก็ถูกกามเทพเอาไปขยำขยี้เล่น ให้หลงใหลกับเด็กสาวคราวลูก ถึงขนาดมาฝันถึงเกือบทุกคืน
พ่อของหล่อนเป็นหุ้นส่วนของกิจการที่ดูท่าจะเดินหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว
พีระยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
มือของเขาสั่นนิดๆ เมื่อกดหมายเลขของหุ้นส่วน...ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวคนนี้
บางทีเขาอาจจะเจรจาต่อรอง
ผีห่าซาตานตนใดกำลังเข้าสิงสู่เขา
พีระไม่รู้
เขารู้แต่ตอนนี้
ความรักของเขามันอัดแน่นจนล้นอกแล้วเหลือเกิน
และเขาต้องได้หล่อน
เขาต้องได้
เขาไม่สนใจถ้อยคำติฉินนินทาใดๆ
เขาต้องได้...
ภาพิไล ขวัญนันทานนท์
..................
“พ่อขอโทษ พ่อขอโทษจริงๆ หนูภา”
เสียงร่ำไห้ของผู้ชายร่างใหญ่ ที่กำลังโอบกอดเธอไว้ ทำให้ภาพิไลน้ำตารินร่วงตามเขา มือน้อยของเธอลูบไล้ไปตามหลังไหล่ของเขาอย่างปลอบประโลม ทั้งที่ด้วยวัยและด้วยสถานะแล้ว คนที่ต้องได้รับการปลอบปกป้องน่าจะเป็นเธอมากกว่า
“ใจเย็นๆ นะคะพ่อขา เราไม่มีทางเลือกต่างหาก ไม่ใช่ความผิดของพ่อเลย”
เสียงหวานๆ ของลูกสาวนอกไส้ ยิ่งทำให้เขายิ่งช้ำใจ มือใหญ่ของเขาประคองใบหน้างามล้ำไว้ในอุ้งมือ เธอมองเขาอย่างอ่อนโยน และพยายามยิ้มให้ทั้งๆ ที่ปากกำลังสั่น บอกถึงอารมณ์ภายในว่ากำลังสะเทือนใจไม่น้อย
“แต่มัน...มันต้องการให้หนูภาไปเป็น...หนูภา...หนูภาตัดสินใจดีแล้วหรือ”
“ตัดสินใจแล้วค่ะ ถ้าเขาต้องการหนูภา แทนหนี้สินของเรา หนูภาก็ยินดีค่ะ”
“แต่พ่อ...พ่อ...” ปารมีเอามือปิดหน้า ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ภาพิไลถอนใจเฮือก เธอกอดเขาแล้วเอ่ยเสียงหวาน
“ถ้าเขาอยากได้หนูภาเป็นเมีย หนูภาก็จะยอมเป็นเมียเขาค่ะพ่อ หนูภาจะให้ ถ้าเขาอยากจะเอา และหนูภาก็จะเอาจากเขาเช่นกัน”
นัยน์ตาของเธอส่องประกายบางอย่าง ที่คนเป็นพ่อเลี้ยงไม่ได้เห็นซึ่งถ้าได้เห็นแล้ว เขาก็คงจะอดหนาวสันหลังไม่ได้
เธอยังคงพร่ำปลอบโยนเขามากมาย ดูแลให้เขารับประทานอาหารและส่งเขาขึ้นนอนพร้อมกินยา ภาพิไลอยู่ในปกครองของปารมีตั้งแต่อายุสิบสองปี มารดาของเธอแต่งงานใหม่กับเขา ผู้ชายที่ยังสมาร์ทแม้จะอายุล่วงเลยเข้าหลักสี่แล้ว เขาเอ็นดูเธอมาก และรักเธอยิ่งกว่าดวงใจก็ว่าได้ เขาและมารดาไม่มีลูกใหม่ด้วยกัน ภาพิไลจึงเป็นเพียงลูกสาวคนเดียวที่ปารมีทั้งรักทั้งหวง
จนมารดาเสียชีวิตไปเมื่อต้นปีที่แล้ว ความเศร้าโศกมากมายมาสู่ครอบครัว แถมยังธุรกิจของปารมีที่ทำกับเพื่อนรุ่นพี่กลับมาทรุดและขาดทุน ทำให้ชีวิตของภาพิไลตกอยู่ในสถานะที่เรียกได้ว่าเกือบจะย่ำแย่แล้วก็ว่าได้ ก็แค่เกือบจะ...
ใช่...แค่เกือบจะ
เมื่อพีระยื่นข้อเสนอมาว่าให้เธอไปอยู่บ้านเดียวกับเขา ในฐานะนางล้างหนี้ แม้ปารมีจะแทบใจสลาย แต่ทว่า...บุตรสาวบอกให้เขารับข้อเสนอนั้น เพื่อฐานะความเป็นอยู่ที่จะได้กลับคืนมา ภาพิไลแม้จะวัยแค่สิบหกปี แต่เธอก็รู้ดีว่าความยากจนนั้น มันน่ากลัวขนาดไหน และเธอยินดีที่จะไปอยู่ในบ้านเดียวกับพีระ ที่เธอเคยพบเจอเขาอยู่สองหน เท่าที่จำได้ เขาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากนัก ยังดูหนุ่มแน่นในวัยขนาดนั้น และดูท่าว่าเขาจะเอาอกเอาใจเธอมากเสียด้วย
สาวน้อยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก
เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มในห้องตัวเอง แล้วถอนหายใจน้อยๆ
คนพวกนี้หวังอะไรจากเธอกันนะ?
ภาพิไลตั้งคำถาม
แล้วเธอก็ได้คำตอบนั้น
เธอเองก็มีสิ่งที่เธออยากจะได้จากพวกเขาเช่นกัน
ในวัยสิบหกปี
ภาพิไลไม่ได้ ‘ไร้เดียงสา’
อย่างที่ใครต่อใครเข้าใจไปเองนัก
สาวน้อยยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหลับใหลไปในคืนนั้น
พรุ่งนี้เธอมี ‘งาน’ ที่จะต้องจัดการก่อนที่จะไปมอบตัวให้กับพีระ