บทที่ 2
“ใจดีกับเราจังเลยอุ๊ เราเกรงใจนะต้องให้อุ๊เลี้ยงแบบนี้”
ยิปซีมองหน้าเพื่อนร่วมชั้นปีของเธออย่างเกรงใจ แล้วยิ้มอ่อนส่งให้ อันที่จริงแล้วเธอกับอุไรไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อทางนั้นขอให้ช่วยเธอก็ช่วยเหลืออย่างดี และอุไรก็ขออาสาเลี้ยงมื้อเย็นและชวนเธอมางานปาร์ตี้วันเกิดด้วยเลย
“แหม เราสิจะต้องเกรงใจซีอะ ซีอุตส่าห์ใจดีพาไปหอสมุด แนะนำหนังสือให้ ไม่มีซีเราตายแน่ๆ แค่นี้นิดหน่อย”
“เราไม่ค่อยรู้จักใครน่ะสิ เกรงใจเพื่อนอุ๊”
ยิปซีว่า แม้จะเป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัย แต่เธอก็มีเพื่อนน้อย เนื่องจากบิดาที่เป็นนายตำรวจใหญ่ค่อนข้างหวงมาก ส่งรถมารับส่งตลอด เพิ่งจะมาปล่อยเธอให้ขับรถไปกลับเอง ก็ตอนจะจบปีสามนี่ นั่นก็เพราะท่านย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เพื่อนแต่ล่ะคนเจอพ่อจอมหวงอย่างท่านสิทธิ์เข้าก็ทั้งเกรงทั้งกลัวพากันถอยไปหมด เหลือก็แค่ภารวีเพื่อนที่ทนทานด่านของพ่อของเธอมาได้ เป็นเพื่อนซี้เพื่อนคอยคุ้มกันเธอเท่านั้น
ภารวีค่อนข้างจะห่วงและหวงยิปซีมาก ก็เพื่อนเธอยังใสๆ ซื่อๆ พ่อของยิปซีหวงลูกสาวมากเลี้ยงยังกับไข่ในหินเนื่องจากเป็นลูกสาวคนเดียว แถมยิปซีก็เป็นดาวเด่นไปอีก คนชอบก็มีคนชังก็มาก ไอ้ประการแรกก็น่าหวงเพราะบางคนก็พุ่งมาแบบอยากได้เพื่อนเธอเหมือนเกมวัดความสามารถของเหล่าหนุ่มร้าย ส่วนประการหลังยิ่งน่ากลัว เพราะคนถ้าเกิดว่าชังกันด้วยความอิจฉาริษยา บางทีก็ทำเรื่องร้ายๆ ได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
เพราะผู้คุ้มครองไม่อยู่นี่แหละ อุไรเลยได้โอกาส ภารวีตอนนี้เป็นโรคระบาดยอดฮิต เลยต้องรักษาตัวและกักตัว อยู่ในระหว่างกักตัวมาคุ้มครองเพื่อนไม่ได้ เปิดโอกาสเต็มที่ให้กับคนไม่หวังดีได้เข้าถึงตัว
ยิปซีไม่รู้ว่ากำลังโดนหมายหัว และกำลังจะโดนหลอก
คนที่มาหลอกอย่างอุไร ใช้เชี่ยวชาญชั้นเชิงในการเนียนตีสนิท ตะล่อมถูกทางเลยหลอกตกยิปซีมากับเธอได้
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนเคยๆ เห็นกันทั้งนั้นแหละ ปรกติซีอะชอบขลุกอยู่แต่กับยัยวี แม่นั่นก็หวงเธอเหลือเกินอะ จะเก็บเธอไว้เป็นเพื่อนคนเดียวหรือยังไงก็ไม่รู้”
“เปล่าหรอก พ่อเราดุมากน่ะ เลยมีแต่วีคนเดียวที่ไม่กลัวแล้วยอมคบกับเรา” ยิปซีหัวเราะคิก เมื่ออุไรพูดไปก็ค้อนไปเท้าความถึงเพื่อนสนิท
“พ่อของเธอดุขนาดนั้นเลยเหรอ ยัยซี”
ได้ยินมาบ้างแหละ ว่าพ่อของยัยนี่ดุมาก แต่ก็ไม่เคยได้มาใกล้คลุกคลี ยิปซีไม่ใช่เพื่อนไทป์เดียวกับเธอ สายเรียนเธอไม่ถนัดจะคบ ถนัดคบแต่สายเปย์สายเมามากกว่า เรียกว่ามาเรียนเป็นงานอัพโปรไฟล์ อุไรเองก็เหมือนเพื่อนสนิทอย่างปูเก้ คือเป็นเด็กไซด์ไลน์เหมือนกัน
“ก็...”
ยิปซียักไหล่ นึกถึงบิดาก็ถอนใจนิดๆ ท่านทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วก็กรอบล้อมเธอจนเธออึดอัดในบางหน เพิ่งจะมาปล่อยเธอให้เป็นอิสระปีนี้แหละ แต่เธอก็ต้องขึ้นไปหาท่านทุกเสาร์อาทิตย์และวันหยุด ทุกวันต้องโทรไลน์หาท่านเพื่อรายงานตัว ท่านสิทธิ์ปล่อยลูกก็เหมือนไม่ปล่อย ยังคอยดูแลควบคุมไม่ห่าง อีกอย่างหนึ่งก็มีลูกน้องอยู่ที่นี่ มีหูตาคอยระแวดระวังลูกสาวคนเดียวให้ด้วยทางอ้อม เลยกล้าปล่อยให้ยิปซีเรียนที่นี่ตามลำพัง ท่านสิทธิ์อายุห้าสิบปีแล้ว ยังหล่อ หนุ่มแน่นกว่าวัย และเป็นหม้ายเมียตาย พอภรรยาไม่อยู่เขาก็ยิ่งหวงลูกสาวหนักกว่าเดิมอีกทีนี้
นี่ถ้ารู้ว่าฉันทำอะไรกับลูกสาวนี่...จะยังไงหว่า?
อดนึกสยองเบาๆ ไม่ได้ แต่เงินหมื่นที่ฟาดหัวเข้าปัง กับสิ่งที่ตระเตรียมไว้เพื่อกันไม่ให้ยิปซีแฉ มันก็ทำให้อุไรเบาใจได้นิดหน่อย ถึงได้กล้าทำเรื่องหนนี้
ถ้าโดนก็ไม่ได้โดนคนเดียว ยังไงคนโดนคนแรกก็คือนังปูเก้คนจ้างวาน เธออัดเสียงไว้หมดล่ะ ว่าทางปูเก้คือคนไหว้วานให้เธอมาเป็นนกต่อล่อลวงยิปซี
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ตอนนี้พ่อเราไปทำงานที่เหนือ ก็ปล่อยๆ เราบ้างนั่นแหละ”
“คืนนี้ถ้าดึกได้ไหม?” เกริ่นถามไว้ก่อน ยิปซีพยักหน้า
“ได้นะ เราโทรหาพ่อแล้ว คุยกับพ่อว่าจะไปงานวันเกิดเธอ”
“อ้อ...” อุไรเม้มปาก ก่อนจะเขยิบถามอีกนิด
“แล้วถ้าเกิดว่าค้างคืนที่ห้องเราล่ะ ได้ไหม เผื่อติดลมอะไรงี้”
“เอ๋...”
คิ้วเรียวขมวดนิดๆ เธอกำลังคิดชั่งใจ ยิปซีไม่เคยไปค้างนอกบ้านคนเดียวมาก่อนเลย หนนี้อาจจะเป็นหนแรกที่เธอได้ลองไปสนุกบ้าง
มันจะดีไหมนะ?
การโดนควบคุมและอบรมให้อยู่ในกรอบมาตลอดทำให้หญิงสาวลังเลนิดหนึ่ง แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ยิปซีพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับคนชวน
“ได้สิ...”
“คืนนี้เราจะพาซีสนุกสุดเหวี่ยงและเปิดโลกล่ะ”
อุไรว่าแล้วคล้องแขนกับยิปซี แล้วหัวเราะคิก...ยิปซีนั้นตอบรับไปแล้วก็บังเกิดความกังวลขึ้นมาวูบหนึ่ง เหมือนเป็นลางสังหรณ์ว่าการที่เธอทำแบบนี้มันอาจจะไม่ดี
ภารวีเคยบอกไว้ว่ายิปซีซื่อเกินไป ใจดีเกินไป จะต้องมีนังตัวร้ายอย่างเธอนี่แหละเป็นเพื่อน เป็นเกราะโลกนี้มันโหดร้ายนะ
ยิปซีเคยหัวเราะเมื่อเพื่อนพูดแบบนั้นแล้วบอกว่าโลกไม่ได้โหดขนาดนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นคนเปราะบางซื่อใสขนาดนั้นหรอกน่า
ยิปซีไม่รู้ว่าเพื่อนรักพูดไว้คือความจริงทุกประการ