ลักลอบ บทที่ 1
"เข้ามาก่อนไอ้แสน เดี๋ยวน้าจะพาเอ็งไปไหว้คุณนายกับคุณผู้ชาย"
เจ้าของชื่อพยักหน้า แล้วเดินตามคนเรียกเข้าไปในบ้านพัก...เขามองสำรวจไปรอบๆ ถ้านี่เป็นบ้านพักคนงานแล้วล่ะก็ แสดงว่าที่นี่เลี้ยงดูคนทำงานให้อย่างดีเลยทีเดียว แสนเลือกที่จะนั่งขัดสมาธิตรงพื้นกระเบื้องที่ทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดี มันเป็นบ้านพักแยกเป็นหลังเป็นแบบห้องเดียวแต่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ของเป็นของดีมียี่ห้อ ตาคมมองกวาดอย่างค่อนข้างพอใจ
"มานั่งบนเตียงก็ได้ไปนั่งบนพื้นทำไม"
คนพูดตบบนฟูกเบาๆ มองหลานชายที่เขาพามาทำงานแทนตัวเองอย่างเห็นใจ แสนเป็นหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาของเขาเด่นสะดุดตาอาจจะเพราะความเป็นลูกครึ่ง เขาเป็นลูกชายของญาติห่างๆ เห็นว่าเป็นกำพร้าแต่เด็ก มีชีวิตผาดโผนสุดโต่ง นี่ก็เข้าคุกไปแล้วสองรอบ รอบนี้แสนสัญญาว่าจะไม่เข้าไปอีกแล้ว...เพราะจะเลิกนิสัยใจร้อนวู่วามเอาไว้แล้ว
"นั่งตรงนี้ล่ะครับน้า สบายดี"
"เอ่อ ออกมาหนนี้ ก็หาเมียมีครอบครัวเสียไอ้แสน จะได้มีหลัก"
น้าศักดิ์ว่า แล้วถอนใจน้อยๆ แสนเพียงแค่หัวเราะ...ไม่ได้ตอบอะไร รู้กันว่าเขาเข้าคุกเพราะเรื่องผู้หญิง...ซึ่งน้อยคนจะรู้ว่าเหตุใดเขาถึงถูกยัดข้อหาเป็นคนร้ายและเข้าไปอยู่ในนั้นเกือบสี่ปี มีเพียงเขาที่รู้ดีอยู่แก่ใจ รอบแรกเข้าไปเพราะเรื่องยาเสพติด เขาทำมันเพราะว่ามันทำเงินให้ได้ดี เขาอายุเพียงสิบสามตอนนั้น ไม่มีพ่อแม่ เติบโตมาแบบเด็กเร่ร่อน ไปนอนบ้านญาติคนนั้นคนนี้ทีแต่ล่ะคนก็มีภาระไม่มีใครอยากเลี้ยงเขาเพิ่ม แสนเข้าวงการเด็กเดินยา...เดินโพยบอล เก็บหอมรอมริบไว้และก้าวขึ้นมาเป็นขาใหญ่ได้เมื่ออายุเพียงแค่สิบแปดปี เขาอายุยังน้อย ทว่าฉลาด บ้าดีเดือด เลือกที่จะอ่อนน้อมกับคนถูกคน เลยเฟื่องฟูอยู่สามสี่ปีจนพออายุหนึ่ง เขาก็ถูกจับแต่ก็เข้าไปไม่กี่ปีเพราะมีเส้น ออกมาก็เปลี่ยนตัวเองจะไปทำงานสุจริตบ้าง แต่เพราะมีเหตุเลยมีอันต้องถูกยัดข้อหาเรื่องข่มขืนผู้หญิงและฆ่า...โดยไม่เจตนา นั่นมันทำให้เขาเข้าคุกไปอีกสี่ปี
แสนรู้ดีว่าใครข่มขืนและฆ่าหล่อน...
มันไม่ใช่เขาเลย
และเขาตั้งใจว่าออกมานี่ ถ้ามีโอกาส เขาก็อยากให้บทเรียน 'มัน' บ้าง ว่าเงินไม่ได้ใหญ่เสมอไป
ออกมาหนนี้ในวัยสามสิบเอ็ดปี เขากลายเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ ที่สุขุมขึ้นแต่เขาก็ยังเป็นเขาไอ้แสน ผู้คร่ำหวอดมาในหนทางสีเทา
น้าศักดิ์ไปรับเขาถึงประตูคุก และน้าศักดิ์บอกว่ามีงานให้เขาทำ งานสุจริต เงินดี เพราะตัวเองกำลังจะปลดระวางไปอยู่เมืองนอกกับลูกสาว เขาไม่ไว้ใจคนอื่น และไม่อยากให้งานดีๆ แบบนี้หลุดไปหาคนอื่น ให้กับเครือญาติกันนี่แหละ เขาเห็นแสนมาแต่เล็กแต่น้อย และรับรู้เรื่องราวของชายหนุ่มหลายช่วง เห็นว่าแสนเป็นคนดีคนหนึ่งแค่ไปอยู่ผิดที่...และโอกาสไม่อำนวยก็เท่านั้น
"ประวัติของเอ็งน่ะไม่ต้องกลัว คุณเค้าไม่ซักมาก เพราะว่าเป็นญาติของน้า ก็...อย่าไปเที่ยวบอกใครก็พอ ว่าไปทำอะไรมาบ้าง"
"ครับ" เขายิ้ม นัยน์ตาคมดุเปล่งประกายบางอย่าง ก่อนจะหลุบบังประกายตาของตนเองเสีย
"ผมจะทำให้ดีที่สุดครับน้าศักดิ์ สมกับที่น้าศักดิ์ให้โอกาสชีวิตใหม่กับผม"
"ดีแล้วถ้าคิดจะกลับตัว งานไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ดูแลต้นไม้ดอกไม้ เป็นพิเศษหน่อยก็ดอกไม้ในเรือนกระจกของคุณผู้หญิง เดี๋ยวคุณผู้หญิงก็จะสอนวิธีดูแลให้กับเอ็งนั่นแหละ เรือนกระจกเพิ่งทำเสร็จเดือนสองเดือนนี้ ยังไม่มีต้นไม้อะไรเท่าไหร่ เดี๋ยวน้าจะพาดูรอบๆ บ้าน"
แสนรับคำ น้าศักดิ์บอกให้เขานอนเอนหลังพักผ่อนก่อน แล้วแกก็เดินออกไปจากบ้านพัก บอกกับเขาว่าจะเข้าไปในครัว หาอาหารเที่ยงมาให้หลานชาย
เขาเอนลงนอนง่ายๆ กับพื้นกระเบื้อง แล้วมองไปยังเพดานห้อง
ชีวิตใหม่หนนี้ แสนจะใช้มันให้คุ้ม
เขารับปากว่าจะทำให้ดีที่สุด สมกับที่น้าศักดิ์ไว้ใจ
..........
"มานี่สิ มาใกล้ๆ หนูไหม"
น้ำเสียงอ้อนแกมสั่งนั้นทำให้ม่านไหมขนลุกเกรียว เธอจำต้องยิ้มให้กับเขา แล้วเดินขาสั่นไปใกล้กับเขา ผู้ที่มีสถานะเป็นสามีเธอ...
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เพราะวัยและความตื่นเต้น เขาเป็นแบบนี้ทุกหน เมื่อมีอาการอยาก...มีเซ็กซ์กับสาวรุ่นลูก เขาซื้อม่านไหมมา...เรียกว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดนัก หล่อนอายุเพียงยี่สิบปี ส่วนเขาอายุหกสิบห้าปี วัยนี้ได้เมียสาวสวยขนาดนี้ เท่าไหร่เขาก็ทุ่ม
เขาได้หล่อนมา ตบแต่งออกหน้าออกตา แม่ของหล่อนพอใจมากที่เขาแสดงว่ารักน้องขนาดนั้น เขาก็หวังให้หล่อนมาดูแลบำรุงบำเรอเขาไปจนสุดท้ายของลมหายใจ เขาติดเนื้อต้องใจหล่อนทันทีที่เห็นหน้า หล่อนเป็นลูกแม่ค้าผักในตลาดที่เขาเป็นเจ้าของ วันนั้นนึกสนุกไปเก็บเงินค่าเช่าแผงและค่าดอกเบี้ย บังเอิญต้องตาต้องใจหล่อนเข้า เขาขอหล่อนทันทีกับแม่ของหล่อน ที่รีบประเคนลูกสาวใส่พานให้เขาทันทีโดยไม่สนว่าม่านไหมจะรู้สึกยังไง