บทที่ 7
"สุขภาพของภรรยาดีมากเลยนะครับ ไข่สมบูรณ์มาก คุณวิทย์ วันนี้ผมได้ทำการเก็บไข่ไว้แล้วก็รอ...เรื่องอสุจินะครับ"
"อา...ผมอยากจะให้รอสักเดือนหน้าก่อนได้ไหมครับหมอ เรื่องอสุจิ เผื่อว่าผมบำรุงสุขภาพตัวเองแล้ว อาจจะมีใช้ได้"
วิทย์ว่า นายแพทย์ท่านนั้นอึ้งไปเล็กน้อย...อยากจะค้านบอกว่าไม่มีทาง แต่ก็เพราะด้วยบางอย่างที่อุดปากเขาอยู่ มันก็ทำให้นายแพทย์คนนั้นยิ้มให้กับวิทย์
"ถ้าคุณวิทย์จะรอก่อนก็ได้ครับ ยังไงผมก็ได้จัดการเรื่องเชื้อไว้แล้ว มีผู้บริจาคบางคนที่เข้าเกณฑ์ที่คุณวิทย์เคยบอกไว้ ผมก็เอาเก็บไว้อย่างดีครับมีอยู่สามคนครับ ที่ผมคิดว่าคุณวิทย์น่าจะสนใจแล้วเราจะผสมไว้เพื่อทำตามความต้องการของคุณวิทย์น่ะครับ"
"ผมอยากให้หมอลองตรวจเชื้อของผมดูอีกครั้ง"
วิทย์ดูจะกระตือรือร้น ที่จะให้เขาตรวจ ทั้งที่ปรกติแล้วจะเกี่ยง และให้วิทย์ไปจัดการรีดน้ำเชื้อของตัวเองมา ผลคือมักจะไม่ได้...สำเร็จน้อยมาก จนวิทย์ถึงถอดใจใช้เชื้อที่มีคนบริจาคมา แต่ก็มีระบุคุณสมบัติตัวผู้บริจาคไว้ด้วย ซึ่งก็หายากและพรีเมี่ยมมาก แต่ในโลกที่ใช้เงินขับเคลื่อนแบบนี้แค่เงินถึงเสียอย่าง อะไรที่เป็นไปไม่ได้มันก็เป็นไปได้
"ได้ครับ"
ม่านไหมฟังทุกอย่างและทำตามคำสั่งไปตามอัตโนมัติ ใบหน้าของเธอนิ่งเฉย ดูไม่ตื่นเต้นดีใจอะไรทั้งสิ้น กับการที่จะมีทายาทให้กับสามี ที่จะเปรียบเสมือนกับโซ่ทองคล้องใจระหว่างเขาและเธอ
ม่านไหมลอบถอนใจ ภาวนาอยากให้วิทย์เลื่อนเวลานี้ไปอีก ออกไปอีก...
เธอยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ใบหน้าของแสนผุดขึ้นมาในห้วงนึก
สาวน้อยยิ่งต้องกลั้นน้ำตา
ถ้าเธอต้องอุ้มท้องให้กับลูกของใครสักคน เธอก็อยากให้เป็น...
...............
“มันเป็นสีม่วง นายแสน สีม่วง”
เสียงหัวเราะแผ่วพลิ้วของม่านไหม ราวกับเสียงระฆังแก้ว ดังสั่นรัวหัวใจไอ้แสน เขายิ้มนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงว่ายอมแพ้
“ยอมครับ ผมแพ้คุณนายแล้ว แบบนี้ผมก็ต้องทำตามเดิมพันของเรา” ม่านไหมตาเป็นประกาย ใจเต้นรัวกับเดิมพันนั่น
เดิมพันที่เมื่อเธอชนะ มันก็เสี่ยงมาก...ถ้าเธอจะลักลอบทำแบบนั้น
“ใช่ นายแสนจะต้องทำตาม”
“เมื่อไหร่ครับ”
คำถามของเขาทำให้ม่านไหมเม้มปากน้อยๆ นั่นสิ เมื่อไหร่ ค้างคืน...จะเป็นไปได้ไหมนะ? ถ้าเธอไปค้างคืนที่อื่น วิทย์จะว่าอะไรไหม จะสงสัยไหม เธอกำลังคิดแผนในใจว่าควรจะทำอย่างไรดี
“คุณนายออกไปข้างนอก...ค้างคืนได้หรือครับ”
เขาถาม ม่านไหมถอนใจแล้วสั่นหน้า เธอทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรด ที่ใช้ประจำยามมาทำงานในเรือนกระจก โดยมีแสนนั่งขัดสมาธิอยู่บ้างๆ บนพื้นกระเบื้องที่ปูกรุรอบเรือนกระจก
“นั่นสิ...”
“คุณวิทย์ไม่มีธุระไปที่ไหนบ้างหรือครับ”
เขาลองยื่นความคิดในการหนีออกจากกรงทองนี้ชั่วคราวให้ม่านไหม หล่อนสั่นหน้า
“ถ้าพักนี้ก็ไม่มี ถ้าเขาไปไหน ฉันก็ต้องไปด้วย...มันยากถ้าจะปลีกตัวไปคนเดียว หรือขออนุญาตไปไหน เพราะฉันไม่มีเพื่อนที่จะพาไปเที่ยวที่อื่น ฉันมีแต่เขา”
“อา...”
สีหน้าสลดนั้นดูสิ้นหวังและน่าสงสารจนเขาอยากดึงเธอมากอดจนตัวสั่น ม่านไหมถอนใจ แล้วฝืนยิ้มส่งให้กับแสน
“มันอาจจะเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันทำได้จริงหรอกนายแสน เอาเป็นว่า...ถึงฉันจะชนะเดิมพัน แต่ฉันก็พานายแสนไปเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน”
“ไม่สิครับ คุณนายจะต้องได้ออกไป คนชนะจะต้องได้สิ่งนั้น”
เขานิ่งไป ก่อนจะช่วยเธอคิดวางแผน...ก่อนจะหรี่ตาลง แล้วยิ้มนิดๆ
“จริงสิครับ ถ้าคุณวิทย์ไม่กลับบ้าน ก็จะไม่รู้ใช่ไหมครับว่าคุณนายไม่อยู่บ้าน”
“ก็...ถ้าเราออกไปเงียบๆ ทางประตูหลัง ไม่ใช้รถของที่นี่ก็ไม่มีใครเห็น ด้านหลังรั้วกล้องวงจรปิดเสียอยู่ตัวหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซ่อมเลย”
ม่านไหมบอกกับเขา จริงๆ เธอเคยแอบหนีออกไปข้างนอกหนหนึ่ง และกล้องวงจรปิดนั้นเธอก็เป็นคนพังมันเอง เวรยามไม่ได้มีตรงจุดนั้น เหมือนจุดบอดของคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเพราะรั้วติดกับคลอง ความอัดอั้นที่หนีออกไปครานั้นม่านไหมก็เพียงแค่หนีไปเล่นน้ำคลอง...ใช่ เธอทำแค่นั้น ไม่กล้าออกไปไกลบ้านหรอก แล้วก็ย่องกลับเข้ามา ใจเต้นเกือบตายที่ทำลงไป เพราะกลัวว่าเขาจะรู้แล้วทำร้ายเธอหรือฟ้องมารดา โทสะของสามีทำให้เธอหวาดกลัว โทสะของมารดายิ่งทำให้ม่านไหมกลัวกว่า...
“อืม...”
แสนยังคงคิด ว่าจะทำอย่างไรวิทย์ถึงจะไม่กลับบ้าน ม่านไหมเองก็นิ่งคิดไปเหมือนกัน ว่าทำอย่างไรจะหาข้ออ้างไปจากที่นี่ได้ ถ้าเธอทำได้...มันจะมีความสุขขนาดไหนกันนะ เธออยากมีความสุขบ้าง อยากมีบ้าง...ใจของม่านไหมร่ำร้อง
“แล้วถ้าคุณวิทย์ป่วยล่ะครับ”
แสนหรี่ตาลง เขาพอจะรู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาถึงจะลาวงการ แต่เพื่อนของเขาก็ยังมี ติดต่อได้ เรียกใช้ได้
“แสนหมายความว่ายังไง?”
“เอาน่ะครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ เอ่อ...ให้คุณวิทย์นอนป่วยสักวันสองวัน เพื่อที่คุณนายจะได้ออกไปค้างข้างนอก”
“หืม” หล่อนทำตาโต ขณะที่เขายิ้ม แล้วถามซ้ำ
“คุณนายจะว่ายังไง แค่ป่วย...นิดหน่อย ผมจัดการให้ได้”
เธอพยักหน้า ไม่รู้ล่ะว่านายแสนจะทำยังไง แต่ว่า...เธอก็ไม่ได้เดือดร้อนใจอะไรถ้าวิทย์ป่วย...เธอรู้สึกอยากให้เขาเป็นยิ่งกว่าป่วยด้วยซ้ำ
ทำไมเธอคิดอย่างนั้นกันนะ...
ม่านไหมเม้มปากแน่น ความรู้สึกผิดถูกในใจกำลังทุ่มเถียงกัน ว่าเธอไม่ควรคิดแบบนี้กับคนที่เป็นสามีและเหมือนเจ้าชีวิตของเธอ