3
“พี่เสือยังโกรธเราอยู่ แต่ไม่เป็นไร เราจะง้อพี่เสือให้ถึงที่สุด ให้เขาให้อภัยเรา อืม ๆ เราโอเค สู้ๆ อยู่แล้ว เมื่อก่อนเราเคยแกล้งพี่เสือเอาไว้เยอะ คิดถึงนะแก ไว้เจอกันจ้ะ” หญิงสาววางสายก่อนจะเดินเข้าบ้าน พยัคฆ์จึงออกมาจากที่ซ่อนตัว
เธอจะง้อเขาใช่ไหม ได้เลยเขาจะเล่นตัวซะให้เข็ด
อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะง้อเขายังไง
สำนึกตัวได้ก็ดี จะได้รู้ว่าเมื่อก่อนทำเอาไว้กับเขาขนาดไหน
รุ่งเช้าของวันใหม่... พยัคฆ์ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เขาบิดตัวไปมา ก่อนที่จะเริ่มวิ่งออกกำลังกาย เขาชอบออกกำลังกายตอนเช้าแบบนี้ที่สุด เพราะอากาศดี สูดลมหายใจได้เต็มปอด รวมถึงเรี่ยวแรงกลับมาใหม่อีกครั้งหลังจากได้พักผ่อนมาตลอดทั้งคืน
“ขอวิ่งด้วยคนนะคะพี่เสือ” เสียงน่ารักสดใสที่ดังขึ้นก่อนที่ร่างบอบบางจะวิ่งมาเคียงข้าง
พยัคฆ์หยุดวิ่งก่อนจะมองเธอด้วยสายตาไม่พึงพอใจ
“ที่วิ่งมีตั้งเยอะแยะ เธอจะไปวิ่งที่ไหนก็ไปเลย”
“อยากวิ่งกับพี่เสือค่ะ” เธอยิ้มร่าบอกเขา
พยัคฆ์กวาดสายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เธออยู่ในชุดออกกำลังกาย เสื้อสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีชมพูเข้าชุดกัน บนศีรษะคาดด้วยผ้าเพื่อซับเหงื่อสีน้ำเงิน เพื่อไม่ให้เหงื่อไหลมากระทบกับใบหน้าและดวงตา มือน้อยทั้งสองข้างจับผ้าขนหนูที่พาดอยู่ตรงคอสำหรับเอาไว้ซับเหงื่อ
พยัคฆ์เบือนหน้าหนีคนน่ารัก ก็ยอมรับว่าเธอน่ารัก แต่เขาไม่อยากใจอ่อนกับเธอง่าย ๆ
“ถนนมีเยอะแยะ อยากจะไปวิ่งที่ไหนก็ไป”
“อยากวิ่งใกล้ๆ พี่เสือค่ะ” เธอรู้ว่าเขาโกรธเธอ เธอก็เลยอยากที่จะทำดีไถ่โทษเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่เธอชอบแกล้งเขา
“ได้ อยากวิ่งใกล้ฉันใช่ไหม” เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งขึ้นเขา
เขาคิดว่าเธอแค่อยากมาเจ๊าะแจ๊ะกับเขาก็แค่นั้นเอง หากเขาวิ่งขึ้นเขาเธอคงไม่ตามมา เพราะมันเหนื่อยมาก เส้นทางทุรกันดานไม่ได้สบายเหมือนวิ่งทางเรียบ
“รอด้วยค่ะ” เธอไม่ยอมแพ้ วิ่งตามเขาไปเรื่อย ๆ พยายามวิ่งขึ้นไปเคียงคู่กับเขา แล้วหันไปยิ้มแฉ่งให้
พยัคฆ์คิดว่าเธอจะถอย เด็กสาวรูปร่างบอบบางแบบนี้ ไม่น่าจะชอบออกกำลังกายหนักๆ เดี๋ยวก็ถอยไปเอง แต่เขาคิดผิด
“พี่เสือ รอด้วยสิคะ” ปกติเธอออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ให้วิ่งขึ้นเขาแบบนี้ทำให้ลำบากพอสมควร เพราะทางมันค่อนข้างชัน เขาก็วิ่งเร็วมาก ไม่คิดจะรอเธอเลย
“ไม่ได้อยากมาออกกำลังกายจริงๆ ก็กลับไป ที่นี่ไม่ใช่เวทีให้เธอมาเดินแบบหรือถ่ายรูปสวยๆ ลงโซเชียลหลอกใคร ๆ ว่าตัวเองชอบออกกำลังกายหรอกนะ” เขาประชดแดกดันกลับมา นั่นจึงเป็นแรงฮึดให้บัวระรินสู้ไม่ถอย
“ปกติบัวก็ออกกำลังกายอยู่แล้วค่ะ แล้วตัวเองก็ไม่เคยสร้างภาพทำอะไรแบบนั้นด้วยค่ะ โอ๊ย!” เพราะมัวแต่เถียงกับเขา และพยายามวิ่งตามเขาให้ทัน เธอก็เลยขาแพลง ล้มไม่เป็นท่า
พยัคฆ์หยุดวิ่งก่อนที่จะเดินกลับมายืนดูคนที่นั่งกุมข้อเท้าด้วยความเจ็บ
“วิ่งยังไงไม่ดูทาง”
“ก็พี่เสือวิ่งเร็ว บัววิ่งตามไม่ทันนี่คะ”
“ใครใช้ให้เธอวิ่งตามมาล่ะ” เขาทำท่าจะเดินหนี เธอก็รีบเรียกเขาเอาไว้ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า ไม่คิดว่าตัวเองจะวิ่งตามเขาขึ้นมาบนเขาแบบนี้
“พี่จะทิ้งบัวเอาไว้คนเดียวเหรอ บัวปวดข้อเท้าอยู่นะ”
“ปวดข้อเท้าก็เรื่องของเธอสิ เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ใจร้ายจริง โอ๊ย!” เธอพยายามประคองตัวเองขึ้นมา ก่อนจะร้องด้วยความเจ็บ เมื่อเผลอลงน้ำหนักเท้าด้านที่เจ็บ
พยัคฆ์รีบเข้าไปประคองเอาไว้ เธอเงยหน้ามองเขาในระยะกระชั้นชิด ก่อนที่ทั้งสองจะมองสบตากัน
“อุ๊ย!” บัวระรินร้องออกมาเมื่อเขาตวัดอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขน หญิงสาวรีบกอดคอหนาของเขาเอาไว้ ยอมให้เขาอุ้มไปที่กระท่อมหลังน้อยที่ไม่ไกลกันนัก
“ไหนดูหน่อย” เขาวางเธอลง ก่อนจะพูดเสียงดุ เธอแอบมองเขาแล้วอมยิ้มกับความใส่ใจนั้น
“โอ๊ย! เจ็บค่ะ”
“น่าจะขาแพลง” เขาเดินหายเข้าไปในกระท่อมพักหนึ่งก่อนที่จะออกมาพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล แล้วจัดการพันข้อเท้าให้เธอ
“ช่วงนี้ห้ามวิ่ง ห้ามทำตัวเป็นม้าดีดกะโหลกอีก ไม่อย่างนั้นจะเจ็บยิ่งกว่าเดิม” เขาพันข้อเท้าเสร็จก็ผละออกห่างไปเก็บอุปกรณ์
“กระท่อมของพี่เสือเหรอคะ”
“อืม...” เขาขานรับในลำคอ
“กระท่อมน่ารักจังเลยค่ะ กว้างขวางดีด้วย” เธอกวาดสายตามองอย่างชื่นชม ใกล้ๆ กันมีลำธารและสวนดอกไม้เล็กๆ เห็นแล้วสบายตาสบายใจ
“พี่เสือมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลด้วยเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไป ซึ่งปกติเขาก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว
“ก็เห็นอยู่ ตาก็ไม่ได้บอดนี่”
“พี่เสือยังโกรธบัวอยู่เหรอคะ”
“อย่าสำคัญตัวเองขนาดนั้น”
“ไม่ได้สำคัญตัวเองนะคะ แต่รู้ว่าเมื่อก่อนบัวเคยแกล้งพี่เสือเอาไว้แรงๆ บัวขอโทษพี่เสือด้วยนะคะ บัวกลับมาคราวนี้ตั้งใจจะมาทำทุกอย่างไถ่โทษให้พี่เสือหายโกรธบัวจริงๆ นะคะ”
“เอาคำขอโทษกองเอาไว้ตรงนั้นล่ะ ฉันไม่รับ”
“พี่เสือ” เธอโอดแต่ไม่ยอมแพ้
“บัวจะต้องทำทุกอย่างให้พี่เสือให้อภัยบัวให้ได้ค่ะ” เขาไม่ตอบ แต่เดินหนีไปจัดการก่อไฟต้มน้ำร้อน เธอเลยเดินเขย่งขาเดียวตามเขาไป
“โอ๊ย!” เผลอลงน้ำหนักลงตรงข้อเท้าด้านที่เจ็บทำให้ต้องร้องออกมา
“จะตามมาทำไมให้วุ่นวาย” เขาอุ้มเธอไปกดเอาไว้บนแคร่ตรงที่เดิม
กลิ่นกายของเธอทำให้เขาหวั่นไหวไม่น้อย แต่พยัคฆ์รีบบอกตัวเองว่าอย่าได้ไปหวั่นไหวกับเธอเด็ดขาด เพราะเธอคือยายตัวแสบ ที่แกล้งมาตามตื้อทำดีกับเขาเพราะเธอแค่อยากเอาชนะเขา พอเขาใจอ่อนเธอก็จะกลับไปแกล้งเขาเหมือนเดิม ดีไม่ดีถ้าเขาเผลอไปรักยายอสรพิษแบบเธอ ก็จะเป็นทาสเธอไปตลอดชีวิต
“ว้าว! ตรงนี้วิวดีจังเลยค่ะ” เธอร้องว้าวเมื่อหันไปเห็นวิวเขาที่มีหมอกจางๆ คราแรกไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่มองหน้าเขานี่แหละ
ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา เธอจึงหันไปมองคนที่ง่วนอยู่กับการต้มน้ำ
การกระทำของเขาได้บรรยากาศของการเที่ยวป่า ต้มน้ำชงกาแฟและจัดอาหารเช้าแสนอร่อยกัน
เธอเห็นว่าเขากำลังชงกาแฟ กลิ่นหอมกรุ่นนั้นเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน
“กาแฟหอมจังเลยค่ะ” เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาชงแค่แก้วเดียว
“จะกินกาแฟด้วยเหรอ” เขาเอ่ยถาม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่ไม่เผื่อแผ่ แต่อยากให้เธอเอ่ยกับเขาเอง
เขาชงกาแฟให้เธอตามที่ร้องขอ ยังมีขนมปังชุบไข่แบบง่ายๆ กลิ่นหอมกรุ่นเป็นอาหารรองท้อง
“ขนมปังชุบไข่ หอม กรอบ รสชาติดีจังเลยค่ะ ในกระท่อมมีเสบียงด้วยเหรอคะ”
“เอามาเก็บไว้เวลาวิ่งขึ้นเขามาน่ะ” เขาเอ่ยบอก มองวิวทิวทัศน์ข้างหน้าไม่วางตา
การพูดประโยคยาวๆ ของเขาทำให้เธอเผลอเหลือบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของพยัคฆ์
“กาแฟรสชาติดีมากๆ เลยค่ะ”
“พี่ปลูกเอง” สรรพนามที่เขาเปลี่ยนจากฉันเป็นพี่ ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมาหน่อยว่าจะง้อเขาได้
“พี่เสือจะลงจากเขาตอนไหนคะ”
“สักพัก” เขาเอ่ยตอบ พลางจิบกาแฟและจัดการกับอาหารเช้าต่อจนหมด
พยัคฆ์เงียบขรึมทำให้เธอไม่มีช่วงจังหวะให้หยอกล้อตีเนียนสนิทกับเขาเลย ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอรู้สึกว่าเขาเคร่งขรึมไปมาก หรือตอนที่เขาอยู่กับเธอก็ไม่รู้
รู้ตัวดีว่าเขาเกลียดชัง เพราะไม่อย่างนั้น หลายปีมานี้เธอกลับมาเยี่ยมบ้านคงได้เจอเขาบ้าง แต่นี่ไม่เลย เขาหนีหน้ามาตลอด บางทีก็นึกน้อยใจเขาเหมือนกัน
พยัคฆ์โทร. ให้ลูกน้องขับรถขึ้นมารับ ซึ่งมีทางรถอีกทางหนึ่ง ไม่นานรถจี๊ปลุยป่าก็วิ่งมาจอดอยู่หน้ากระท่อม