บท
ตั้งค่า

2

“หนูบัวล่ะจ๊ะ” พิมพ์ดาราเอ่ยถาม

“ยายบัวคุยโทรศัพท์อยู่น่ะค่ะ”

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” พยัคฆ์ยกมือไหว้

สองสามีภรรยารับไหว้ก่อนที่เจ้าของบ้านจะชวนไปนั่งคุยกันเพื่อรอบัวระริน

พยัคฆ์นึกตำหนิหญิงสาวอีกคนที่ทำให้ผู้ใหญ่รอ คิดว่ามาทีหลังจะเด่นหรือไงหึ ยายตัวแสบ!

“เสือสบายดีนะลูก ไม่ได้เจอกันเลย” บัวแก้วเอ่ยทักทาย

“ผมสบายดีครับ ช่วงนี้งานยุ่งน่ะครับ ต้องขึ้นเหนือล่องใต้ เลยไม่ค่อยได้อยู่ไร่”

“ดีจริงวันนี้ได้เจอ ไม่อย่างนั้นเสือคงไม่ได้เจอน้อง”

“ครับ” พยัคฆ์รับคำแกนๆ เขาเหรออยากเจอยายตัวแสบนั่น

“ยายบัวเดินมานั่นแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพื่อนโทร. มาคุยเรื่องธุรกิจที่จะทำร่วมกันน่ะค่ะ” ประโยคของบัวแก้วทำให้พยัคฆ์หันไปมองผู้มาใหม่

เขาเห็นหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เธอสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวย และรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง

รูปร่างของเธอสูงเพรียว เขากะประมาณจากสายตา เธอน่าจะสูงเกินกว่าร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ผมบนศีรษะของเธอรวบมัดเป็นหางม้า ทำให้ใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้น

พยัคฆ์มองริมฝีปากอวบอิ่มสีน้ำตาลอมส้มไม่วางตา ลมหายใจของเขาสะดุดเมื่อกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า สวัสดีค่ะพี่เสือ” เธอยกมือไหว้ทุกคน ทำให้พยัคฆ์รับไหว้แทบไม่ทัน

หัวใจของพยัคฆ์เต้นรัวเร็วไม่เป็นส่ำ เขากะพริบตาปริบๆ

นี่เหรอยายตัวแสบที่ชอบแกล้งเขาเหมือนหลายปีก่อน

“หิวหรือยังจ๊ะหนูบัว วันนี้ป้าทำกับข้าวเอาไว้ต้อนรับหนูเยอะแยะเลย”

“หิวนิดหน่อยค่ะ กลิ่นอาหารของคุณป้าหอมมาถึงตรงนี้เลยนะคะ” บัวระรินพูดแล้วอมยิ้ม ทำเอาคนโดนชมยิ้มหน้าบาน

พยัคฆ์นั่งมองคู่หมั้นวัยเยาวน์ของตัวเองไม่วางตา เธอไม่เห็นสนใจเขาเลย แต่กลับหันไปพูดคุยกับมารดาของเขาแทน ทำให้เขาได้แต่นั่งมองเธอตาปริบๆ

“เราจะเปิดธุรกิจใหม่เป็นอะไรจ๊ะ เห็นพ่อกับแม่บอกว่าจะร่วมหุ้นกับเพื่อน”

“จะเปิดโอมสเตย์เล็กๆ กับเพื่อนน่ะค่ะ แล้วก็ทำร้านอาหารด้วยค่ะ” ประโยคคำตอบของเธอทำให้พยัคฆ์ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนเธอพูดถึงเพื่อนคนนั้น ทำไมถึงได้มีสีหน้าขัดเขินแบบนั้นล่ะ เขาไม่ได้ตาฝาด แต่เขามองเธอไม่วางตาเลยจับสังเกตสีหน้าของเธอได้

“งั้นไปกินข้าวกันดีกว่าจ้ะ กับข้าวกำลังร้อนๆ เลย” พิมพ์ดาราเอ่ยชวนทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร

“เสือเลื่อนเก้าอี้ให้น้องนั่งสิลูก” พิมพ์ดาราบอกลูกชาย

ทำให้เขาต้องเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งใกล้ๆ กันกับเขา

“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ กับคู่หมั้นหนุ่ม

“เสือตักอาหารให้น้องสิลูก” พิมพ์ดาราพยักหน้าให้ลูกชาย พยัคฆ์ตักให้อย่างจำใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิต ดีนะเขาไม่พูดตอกกลับไปว่ามีมือทำไมไม่ตักกินเอง เพราะเกรงใจภาคกับบัวแก้ว

“ฝีมือคุณป้ายังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ” บัวระรินรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอเอ่ยชมไม่ขาดปากว่าอาหารฝีมือของพิมพ์ดาราอร่อยไม่เคยเปลี่ยน

“ปากหวาน เราล่ะจะกลับมาเปิดโอมสเตย์แล้วก็ทำร้านอาหาร แสดงว่าชอบทำอาหารเหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ”

“เปิดร้านอาหารเดี๋ยวนี้ไม่ต้องทำเองก็ได้นี่ครับ แค่หาเชฟเก่งๆ มาทำก็ได้แล้วครับคุณแม่ จะทำให้เหนื่อยทำไม” พยัคฆ์เอ่ยขึ้น ทำเอาคนเป็นแม่ค้อนลูกชายไปหนึ่งที

“บัวว่าจะทำอาหารเองน่ะค่ะ แต่เป็นอาหารพวกข้าวแกงราคาย่อมเยาน่ะค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยที่เรียนที่เดียวกันกับบัวน่ะค่ะ เลยอยากจัดเป็นแพ็กเก็จราคาประหยัดน่ะค่ะ” บัวระรินเอ่ยตอบพิมพ์ดารา ทำให้พยัคฆ์ต้องเหลือบมองเธออย่างทึ่ง ๆ

จำได้ว่ายายตัวแสบไม่ชอบทำอาหารแต่เด็ก แต่ทำไมไปอยู่กรุงเทพฯ เมืองศิวิไลซ์ ถึงอยากทำอาหารขึ้นมาล่ะ หรือจะแกล้งสร้างภาพให้ตัวเองดูดีกันนะ

ครอบครัวของภาคกลับไปแล้ว สามแม่ลูกก็นั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น

“หนูบัวนี่น่ารักจังเลยนะคะคุณ เรียบร้อย อ่อนหวาน พูดจาดี ไม่แก่นเหมือนแต่ก่อน”

“สร้างภาพหรือเปล่าล่ะครับ” พยัคฆ์เอ่ยขึ้น เขายังจำได้ว่าเธอแกล้งเขาอย่างไรบ้าง แกล้งจนหัวหมุน แกล้งให้เจ็บตัวก็หลายครั้ง

“เราจะแค้นฝังหุ่นอะไรนักหนา เรื่องมันก็นานมาแล้ว น้องโตเป็นสาวแล้ว ไม่แกล้งเราเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วนะ”

“ผมไม่มีวันลืมหรอกครับ บัวระรินแสบขนาดไหน ผมจำฤทธิ์เดชของหล่อนได้”

“เราก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วครับ ผมโตแล้ว แต่ใครเคยทำอะไรกับผมเอาไว้ ผมจำไม่เคยลืมครับ”

“หนูบัวเขาไปอยู่กับคุณยายของเขา คุณยายก็ขัดเกลานิสัยไม่ให้แก่นทโมนเป็นเด็กแสบไปแกล้งใครแล้วนะจ๊ะ แถมยังถ่ายทอดวิชาการบ้านการเรือน ทำอาหารมาให้ด้วย ใครได้หนูบัวไปเป็นเมียถือว่าโชคดีมากนะจ๊ะ”

“ทำยังกับคุณแม่เคยกินฝีมือทำอาหารของหล่อนอย่างนั้นแหละครับ”

“เคยสิ เขากลับมาเยี่ยมพ่อแม่ของเขาทุกปี คุณภาคกับคุณแก้วเขาเชิญพ่อกับแม่ไปกินอาหารฝีมือหนูบัว อร่อยอย่าบอกใครเลย เรานั่นแหละไม่เคยอยู่เจอตัว”

“เหรอครับ อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ เราชิมแล้วจะติดใจ ต่อไปหนูบัวก็ต้องเป็นเมียของเรา เราก็จะได้กินทุกวันนั่นแหละ”

“ใครจะอยากได้หล่อนเป็นเมียกันล่ะครับ”

“ขอโทษค่ะคุณลุงคุณป้า พอดีบัวลืมโทรศัพท์น่ะค่ะ” บัวระรินเอ่ยขึ้น ขณะเดินเข้ามาในห้องรับแขก ทำให้ทุกคนชะงักการพูดคุย ก่อนที่หล่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางลืมทิ้งเอาไว้แล้วเอ่ยขอตัว

“หนูขอตัวก่อนนะคะ” เธอยกมือไหว้ทุกคนรวมถึงพยัคฆ์ด้วย นั่นทำให้พยัคฆ์ได้แต่อึ้งไป

เธอคงได้ยินที่เขาพูด ก็ช่างปะไร มันคือเรื่องจริง

“สงสัยน้องจะได้ยินแล้ว หน้าซีดเชียว”

“ช่างเขาสิครับ ได้ยินก็ดี เขาจะได้รู้ว่าผมไม่อยากแต่งงานกับเขา”

“หนูบัวไม่ดีตรงไหน ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเด็กแสบเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ”

“คนเราจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เหรอครับ ผมไม่เชื่อหรอก”

“แม่เบื่อคุยกับเราแล้ว ไปเถอะค่ะคุณ” พิมพ์ดาราค้อนลูกชายก่อนจะชวนสามีเดินขึ้นบ้าน

บิดามารดาไปแล้ว พยัคฆ์ก็เดินออกมาในสวนหลังบ้าน ใจของเขาอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย ตั้งแต่เจอเธออีกครั้ง

เขาหรือจะหวั่นไหวกับยายตัวแสบนั่น

ไม่มีทางเสียหรอก เขาต้องสำเหนียกว่าเธอนั้นร้ายแค่ไหน

ตอนนี้กลับมาใหม่ๆ อาจจะทำเป็นเรียบร้อยอ่อนหวาน ต่อไปก็คงแผลงฤทธิ์อีกเช่นเคย เขาจะไม่ยอมตกหลุมพรางแค่ความสวยของเจ้าหล่อนอย่างแน่นอน

ฉันไม่มีวันตกหลุมพรางของเธอเด็ดขาดบัวระริน

เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงนั้นคุ้นเคยเพราะเขาจำได้ จึงแอบไปตรงซุ้มกล้วยไม้เพื่อไม่ให้เธอเห็นเขา

บ้านของเธอกับเขาอยู่ใกล้กัน อาณาเขตของไร่ติดกัน เพราะปู่ของเขากับปู่ของเธอเป็นเพื่อนรักกัน มาจับจองที่ดินตรงนี้พร้อมกัน ปลูกบ้านใกล้กัน และมีลูกชายเหมือนกัน จึงเป็นเพื่อนรักกัน คือพ่อของเขากับพ่อของบัวระรินนั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel