1
Chapter 1
เสียงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ราคาแพงลิ่วที่ขับผ่านไป ไม่เท่ากับคนขับตั้งใจเหยียบน้ำจนกระเด็นโดนชุดนักศึกษาของเธอ
“โอ๊ะ! ขอโทษนะ พอดีฉันมองไม่เห็นหมาแมวแถวนี้น่ะ” คนพูดยิ้มเยาะ ก่อนจะปิดกระจกหมวกกันน็อคและขับไปอย่างไม่แยแส
พลอยใสมองชุดนักศึกษาเปรอะเปื้อนของตัวเองด้วยท่าทีหันรีหันขวาง เธอถูกกลั่นแกล้งให้ทำงานบ้านตั้งแต่เช้า ในขณะที่มีเรียนตอนเก้าโมง และตอนนี้มันก็แปดโมงกว่าเข้าไปแล้ว หากเธอกลับไปเปลี่ยนชุดก็ต้องกินเวลาไปอีกมาก เพราะต้องเดินกลับไปยังบ้านหลังสุดท้ายของซอย กว่าจะมารอรถเมล์อีก คงไม่ทันไปเรียนแน่ๆ แต่จะให้ไปเรียนทั้งชุดสกปรกแบบนี้คงไม่ดี สุดท้ายก็จำต้องซอยเท้ากลับไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ท้ายซอยอีกครั้ง
บ้านนุชิตศักดาเดชคือบ้านของผู้มีพระคุณ เจ้าของบ้านคือคุณมนัสเป็นบิดาของมนัสวี บุตรชายเพียงคนเดียวที่เกลียดเธอเข้าไส้ และคุณดาเรศก็เกลียดเธอยิ่งกว่ากิ้งกือ ไส้เดือน
คุณมนัสเป็นผู้ชายเจ้าชู้ประตูดิน มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว ทั้งยังมีสัมพันธ์สวาทกับมารดาของเธอ คือพิมพ์ใจ คุณดาเรศรักและเอ็นดูมารดาของเธอมาก เมื่อมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็เกิดภาวะเครียด เป็นลมล้มลงหัวฟาดพื้นจนพิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น
ส่วนบิดาของเธอนั้นเคยเป็นคนสวนของบ้านนุชิตศักดาเดช แต่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก
พอคุณดาเรศล้มป่วยและพิการ คุณมนัสก็มีเมียน้อยต่อไปเรื่อยๆ นั่นทำให้มนัสวีรังเกียจพฤติกรรมของบิดาเป็นอันมาก
มารดาของมนัสวีพิการไปเมื่อปลายปีก่อน ทำให้ลูกชายมีแต่ความเกลียดชังเมียน้อยและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเมียน้อยของบิดา
คุณดาเรศเกลียดเธอเข้าไส้ มนัสวีก็ไม่ต่างกัน หากมีโอกาสก็จะหาทางกลั่นแกล้ง เธอไม่มีที่ไปและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ที่สำคัญก็คือ สำนึกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ที่อยู่ที่กินแก่เธอตั้งแต่เด็ก มารดาของเธอก็มีส่วนทำให้คุณดาเรศป่วยจนเดินไม่ได้แบบนี้ เธอจึงควรอยู่ชดใช้ในสิ่งที่มารดากระทำ
เธอจึงไม่มีปากเสียงกับเจ้าของบ้าน พวกเขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ เนื่องด้วยไม่ชอบมีปัญหากับใคร
เธอนั้นมีจิตรักใคร่มนัสวี หนุ่มหล่อที่ดีกับทุกคนยกเว้นเธอ แต่ใจเจ้ากรรมดันไม่รักดี ตกหลุมรักเขาไปแล้วแบบถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น
“อ้าว... นังพลอย ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ แล้วนั่นไปโดนอะไรมา”
จงจิตรซึ่งเป็นแม่บ้านของนุชิตศักดาเดชเอ่ยถามขึ้น ท่านเป็นคนเก่าแก่ จึงรับรู้เรื่องราวในอดีตได้ดี มารดาของพลอยใสนั้นหาได้ยินยอมคุณมนัสไม่ แต่เพราะโดนมนัสข่มเหงเลยต้องยอม เพราะคนต่ำต้อยมักไม่มีปากเสียงสู้อะไรคนมีเงินได้
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะจ้ะป้า”
เธอเล่าให้จงจิตรฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ขับรถแกล้งเหยียบน้ำสกปรกข้างทางให้กระเด็นใส่คือมนัสวี
“รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ แล้วนี่จะไปเรียนทันไหม”
“น่าจะไม่ทันแล้วจ้ะ”
คนตอบเศร้าใจยิ่งนัก เธอยังนึกขอบคุณที่ยังได้เรียนหนังสือ แต่ต้องแลกกับการทำงานบ้านที่หนักหนาสาหัส กลับมาจากเรียนแทนที่จะได้ทำการบ้านหรือรายงานเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่เธอต้องกลับมาช่วยงานบ้านจนเสร็จดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็ต้องทำ มีงานเลี้ยงในบ้านก็ต้องคอยช่วยจัดเก็บ ช่วยเสิร์ฟ เพราะเจ้าของบ้านชอบงานปาร์ตี้กินเลี้ยงกับเพื่อนฝูง
พลอยใสเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยอย่างทุลักทุเลเต็มที เธอเพิ่งเรียนแค่ปีหนึ่ง จึงมีกิจกรรมรับน้องตลอดปี รุ่นพี่โหดๆ ก็เรียกไปแกล้งบ้าง ไปว้ากบ้าง รุ่นพี่คนไหนใจดีก็เรียกไปคุยกันฉันมิตร มอบตำราและแนวข้อสอบให้รุ่นน้องเอามาแบ่งปันกันอีกทีหนึ่ง
“พลอย... ทำไมเพิ่งมาล่ะ อาจารย์สั่งงานเยอะแยะเลย ถ้าขาดเรียนบ่อยๆ เดี๋ยวจะไม่มีสิทธิ์สอบนะ”
เสียงของชัชวินทร์ทำให้เธอชะงัก อึกอักไม่รู้จะโกหกเช่นไรดี เธอเป็นคนไม่ชอบโกหกอยู่แล้ว เรียกว่าโกหกไม่เก่ง ถ้าพูดเรื่องไม่จริงออกไป เพื่อนทั้งสองคงจับได้
“แต่ไม่เป็นไร เราจดเลคเชอร์เอาไว้แล้ว เอาของเราไปก็ได้ อาจารย์แบ่งกลุ่มทำรายงาน เราใส่ชื่อพลอยเข้าไปแล้วนะ” ดมิสาบอกเพื่อน ก่อนจะชูสมุดเล่มนั้นขึ้นให้เพื่อนดู
“ขอบใจมากจ้ะ”
“ไม่เข้าใจอะไรถามมินะ” ดมิสาเรียนเก่งไม่แพ้เธอ พลอยใสยิ้มให้เพื่อน คิดว่าหากอ่านแล้วไม่เข้าใจอะไรก็สามารถถามดมิสาได้
“วันนี้พี่นัสเท่ไปเลยอ๊ะ” ดมิสากระแทกไหล่ของเพื่อน พูดยิ้มๆ
“จ้ะ”
“พี่นัสเท่มาก เราอยากได้มาเป็นแฟน พลอยช่วยเราหน่อยสิ”
“เอ่อ...” พลอยใสอ้ำอึ้ง เธอไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอย่างไรดี
“นะพลอยนะ พลอยอยู่บ้านเดียวกับพี่นัส พลอยช่วยเราได้แน่นอน” ดมิสาเขย่าแขนของเพื่อน พลอยใสได้แต่อึกๆ อักๆ มนัสวีเกลียดเธอจะตายไป ถ้าเธอเข้าไปยุ่งด้วยโดนปาดคอแน่ๆ เขายิ่งเกลียดขี้หน้าเธออยู่ด้วยสิ
“บ้าผู้ชาย” ชัชวินทร์ที่เดินไปซื้อน้ำมาให้ได้ยินเข้าพอดิบพอดีก็พูดขึ้น
“นายยุ่งอะไรด้วย”
“ก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่ผู้หญิงบางคนบ้าผู้ชายมันน่ารังเกียจ”
“เอ๊ะ! ชัชนี่ยังไง” ดมิสาพูดอย่างโมโหที่โดนด่าว่าเอาแบบนี้
“อย่าทะเลาะกันเลยนะ เราขอ” พลอยใสรีบพูด ศึกระหว่างชัชวินทร์กับดมิสาจึงจบลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก
กลับถึงบ้านเย็นนั้น พลอยใสเข้ามาในห้องของมนัสวีด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ จะเรียกว่าเธอแอบย่องเข้ามาในห้องของอีกฝ่ายก็ย่อมได้ เป็นปกติที่เธอต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องพักในบ้าน เพราะเป็นแค่ผู้อาศัยต้องทำงานทุกอย่างที่เจ้านายสั่ง
ดมิสาเพื่อนรักของเธอฝากของมาให้มนัสวี เป็นผ้าเช็ดหน้าปักลวดลายสวยงาม แต่เธอดันลืมการ์ดที่จะเอามาให้เขาน่ะสิ เลยหมุนตัวทำท่าจะกลับออกไปเอาการ์ด คิดว่าค่อยเอาของขวัญชิ้นนี้กลับเข้ามาวางเอาไว้ในห้องให้มนัสวีใหม่คงไม่เป็นไร
“อุ๊ย!” ร่างบอบบางหันมาชนกับร่างสูงเพรียวของมนัสวีเข้า เธอเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะกลับบ้านเร็วถึงขนาดนี้
“ทำอะไร” เสียงติดจะห้วนห้าวของมนัสวีเอ่ยถามออกไป พลอยใสหน้าซีดเผือด
“คือว่าพลอย คือว่า...” เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ไม่รู้ทำไมแค่เห็นหน้ามนัสวี เธอก็ไม่กล้า ยิ่งสบตายิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่กล้าสบตาคนอย่างเขา
“เข้ามาขโมยอะไร”
“พลอยเปล่านะคะ คือดมิสา เพื่อนของพลอยฝากของมาให้คุณนัสค่ะ”
“ของดมิสาเพื่อนเธอหรือของเธอกันแน่” เขาคว้ากล่องของขวัญสีสวยนั้นมาถือเอาไว้ พลอยใสสะดุ้ง มองอย่างหวาดๆ
“ของดมิสาจริงๆ ค่ะ แต่พลอยลืมการ์ดที่เพื่อนฝากมาให้ เดี๋ยวพลอยจะไปเอามาให้นะคะ”
“เดี๋ยวสิ” เขารั้งแขนเธอเอาไว้ พลอยใสผวา แต่ต้องกรีดร้องเมื่อโดนกดลงไปบนเตียงนอนหนานุ่ม
“คุณนัส!” เธอผวาเมื่อร่างเพรียวสมส่วนทาบทับมาหา มนัสวียกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของวัยสาว
“อุ๊ย! ปล่อยนะคะคุณนัส” เธออุทาน ก่อนจะร้องเสียงหลง
“อยากให้ปล่อยจริงๆ น่ะเหรอ” มนัสวีเลิกคิ้วขึ้นถาม พลอยใสโดนกดไปกับเตียงกว้าง เขาสอดมือเข้ากดทับมือบอบบางของเธอเอาไว้
“อย่าทำแบบนี้นะคะ”
“ทำแบบไหนล่ะ”
“อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อโดนหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
“เห็นสนิทสนมกับผู้ชายตั้งหลายคน ทีกับฉันทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว”
“คุณนัสจะทำอะไรคะ”
“ทำอะไรดีนะ ยิ่งเห็นเธอตัวสั่นแบบนี้ ฉันยิ่งอยากจะแกล้ง” มนัสวียื่นหน้าเข้ามาหาหญิงสาวที่ตัวสั่นหนักกว่าเดิมเสียอีก และไม่ทันให้คนที่กำลังหวาดกลัวตั้งตัว เขาก็ประกบจูบปากนิ่มของพลอยใสทันที