1
“โอ๋ ๆ ๆ อย่าร้องนะจ๊ะคนดีของป้า อย่าร้องนะจ๊ะ” มณีเมขลาพยายามปลอบให้เด็กน้อยสงบลง ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อหันไปเห็นเวคินที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่เธออยู่ตรงประตูห้อง
“เธอมีปัญญาเลี้ยงหลานฉันได้แค่นี้เหรอเมขลา หรือว่าเธออยากตายกันแน่” เสียงเข้มนั้นทำให้เด็กน้อยร้องไห้จ้ามากกว่าเดิม
“อย่าเสียงดังสิคะ” เธอถลึงตาใส่เขา
นี่เธอกล้าถลึงตาใส่เขาอย่างนั้นเหรอ
“ถ้าคุณยังเสียงดังฉันจะตัดลิ้นคุณซะ” เธอก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันจะข่มเหงกันไปถึงไหน
เวคินจำต้องถอยออกไปจากห้องก่อน ปล่อยให้เธอกล่อมหลานเขาให้นอนหลับ แล้วเขาจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง
มณีเมขลาวางหลานชายให้นอนลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อในที่สุดเด็กน้อยวาทิตก็หลับลงจนได้
เธอกำลังจะทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า เวคินก็กระชากเธอเต็มแรง เธอทำท่าจะร้องเขาก็อุดปากเอาไว้
“มานี่” เขาพูดเสียงดุเข้มแต่เบาแสนเบา เธอจึงต้องเดินตามเขาไป ถ้าขืนยังอยู่ในห้องนี้ เธอโต้เถียงกับเขาเสียงดัง เด็กน้อยวาทิตต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน
“เจ็บนะ” มณีเมขลาร้องประท้วง ดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม เธอลูบข้อมือไปมาด้วยความเจ็บ มองเขาอย่างเอาเรื่อง
“เธอติดต่อน้องชายของเธอได้รึยัง”
“ยังไม่ได้” เธอตอบออกไปตามจริง
“เธอพยายามช่วยให้น้องชายหนีไปรึเปล่า”
“ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก เพราะฉันอยากถามน้องชายเหมือนกันว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง และเขาหายตัวไปไหน เพราะปกติเมฆไปไหนต้องบอกฉันตลอด แต่ตอนนี้จู่ ๆ เขาก็หายไป มันแปลกมาก ฉันเป็นห่วงเขา กลัวจะเกิดอันตราย”
“ยังคิดจะถามอยู่อีกเหรอ ก็เห็นอยู่ว่าน้องชายของเธอทำน้องสาวของฉันท้อง แล้วก็พากันหนีไปด้วยกัน” เวคินเขย่าร่างของเธอจนหัวสั่นหัวคลอน
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” เธอร้องด้วยความเจ็บ เขาก็ผลักไสเธออย่างรังเกียจ ทำเอาหญิงสาวมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“มองฉันแบบนี้หรือเธออยากจะมีเรื่อง”
“ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับเจ้าพ่อแบบคุณกัน” เธอลูบแขนตัวเองด้วยความเจ็บ
การไม่ยั่วโมโหเขาคือสิ่งที่เธอควรทำ ไม่เช่นนั้นถึงตาย
แต่คนแบบเธอไม่ใช่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ
“ก็ดีที่เธอยังรู้สถานะตัวเอง”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จู่ ๆ คุณก็จับตัวฉันมา ฉันต้องทำงานนะ ป่านนี้ที่ทำงานไล่ฉันออกแล้วมั้ง” เธอพูดด้วยความโมโห
มณีเมขลาไม่ใช่คนยอมคน เธอสู้ยิบตา แต่ตอนนี้รู้ว่าสู้ไม่ไหวนี่สิเพราะเขามีอำนาจบารมีแถมยังเป็นเจ้าพ่อมีลูกน้องมาก
“ก็ให้มันไล่เธอออกเลย เธอไม่ทำงานสักคนนึงบริษัทคงไม่เจ๊งหรอกมั้ง” เธออยากหาอะไรฟาดปากเขานัก ถ้าไม่คิดว่าจะโดนเขายิงทิ้งแล้วเอาศพไปทิ้งลงในบ่อจระเข้ในไร่อันห่างไกลผู้คนแบบนี้เธอคงทำดั่งใจคิด
ดังนั้นตอนนี้เธอควรรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดีที่สุด
“คุณนี่มัน” เธอพูดอย่างเหลืออด
“หน้าที่ของเธอก็คือเลี้ยงหลานของฉันให้ดี แล้วก็ติดต่อน้องชายของเธอให้ได้ เพราะน้องชายของเธอพาน้องสาวของฉันหนีไป จำใส่สมองเอาไว้” เขาเดินเข้าหาจิ้มหน้าผากของเธอรัว ๆ เธอก็ถอยหนีอย่างตกใจ
“ฉันรู้แล้ว เลี้ยงน้องยังไงให้ใจง่ายนอนกับผู้ชายจนท้องแล้วทิ้งลูกเอาไว้ให้คนอื่นเลี้ยงห้ะ คุณเป็นพี่ชายประสาอะไร” เธอจิ้มหน้าอกของเขารัว ๆ เดินเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัวบ้าง
แต่สถานะต่างกัน เธอลืมข้อนี้ไปเสียสนิท ว่าอำนาจการต่อกรกับเขาเป็นศูนย์
“ใจง่ายอย่างนั้นเหรอ เธอหาว่าน้องฉันใจง่ายอย่างนั้นเหรอ” เขาตรงเข้าบีบคอเธอด้วยความโกรธและโมโหอย่างที่สุด
“แค่ก แค่ก แค่ก ฉันเจ็บนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เธอพยายามแกะมือที่เขาบีบคอของเธอออก
“อยากตายมากนักใช่ไหม ในเมื่อเธอบอกว่าน้องสาวของฉันใจง่าย งั้นเธอก็ใจง่ายเหมือนอย่างที่ด่าน้องสาวฉันบ้างก็แล้วกัน” เขาลากเธอเข้าไปในห้องนอน ก่อนที่จะผลักเธอไปที่เตียงนอนกว้าง
“ปล่อยนะไอ้คนเลว”
“ฉันให้เธอมาเลี้ยงหลานฉัน แต่ดันมาปากดี” เขาโถมทับเข้าหาร่างสาว เธอตาโตตกใจกับสิ่งที่เขาทำ
“นี่คุณปล่อยฉันนะ”
“เธอว่าน้องสาวของฉันใจง่ายใช่ไหม”
“ก็มันเรื่องจริง น้องคุณใจง่ายท้องกับใครก็ไม่รู้ มากล่าวหาน้องชายของฉัน” เธอโต้ตอบกับเขาปากคอสั่นระริก
น้องชายของเธอเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่ น้องชายของเธอรู้จักกับน้องสาวของเวคินเพราะเป็นเพื่อนกัน แล้วถ้าทั้งคู่มีอะไรกัน เธอจะไปห้ามอะไรได้ ขนาดเขายังห้ามไม่ได้เลย
แต่มันไม่เป็นแบบนั้นแน่ ๆ น้องชายของเธอไม่ได้ชอบผู้หญิงเสียหน่อย
“เธอนี่มันปากดีไม่เลิก”
“ฉันต้องพูด ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเอาความผิดทั้งหมดมาโยนให้ฉันแบบนี้ น้องคุณไปนอนกับใครจนท้อง ก็ไม่รู้ แล้วคุณก็มาด่าฉัน โกรธฉัน เกลียดฉัน มันใช่เหรอ น้องคุณไปนอนกับใครฉันไม่ได้ตามไปดูใต้เตียงนะ คุณเองล่ะตามดูน้องคุณไหม ก็ไม่ได้ตาม ถ้าตามไปจริง ๆ ก็คงห้ามไม่ให้ไปเอากับใครจนท้อง”
“นี่เธอ!” เวคินโกรธจนตัวสั่น
“ฉันพูดเรื่องจริง”
“หุบปาก!”
“ทำไมถึงทำเป็นรับไม่ได้ นี่คือเรื่องจริงล้วน ๆ ฉันทำงานอยู่ดี ๆ ทำมาหากินสุจริต เลี้ยงน้องมาด้วยลำแข้ง ลำบากก็ไม่เคยบ่นเพราะพ่อแม่ตายหมด จู่ ๆ คุณก็สั่งคนไปจับตัวฉันมา จะให้ฉันรับผิดชอบยังไง ถ้าเขาไปทำอะไรกันจนท้องจริง แล้วฉันจะทำอะไรได้ ฉันไม่ใช่เหาฉลามนะ จะได้ว่ายน้ำตามไปส่องดูเขาอยู่ตลอดเวลา”
“อยากตายมากนักใช่ไหม” เวคินโกรธจนตัวสั่น
“ทำไม ฉันพูดเรื่องจริงทำเป็นรับไม่ได้”
“เธออยากตายใช่ไหม มานี่เลย” เวคินโกรธจนตัวสั่น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเคยด่าว่าเขาแบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มกระชากร่างคนปากดีไปที่บ่อจระเข้
“นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อเขากดใบหน้าของเธอลงไปที่บ่อจระเข้ แม้จะรั้งแขนของเธอเอาไว้ แต่ถ้าเขาบ้าดีเดือดผลักเธอลงไปในบ่อ เธอต้องเป็นอาหารของจระเข้แน่ ๆ
“เธอพูดใหม่สิ พูดใหม่อีกที ไม่อย่างนั้นฉันจะโยนเธอลงไปในบ่อจระเข้” เวคินโกรธจนหน้าแดงก่ำ เธอปากดีมากที่กล้าลองดีกับเขา
มณีเมขลามองลงไปในบ่อจระเข้ที่มีจระเข้เป็นจำนวนมาก ทุกตัวดูน่ากลัว ล้วนแล้วแต่อ้าปากรองับเหยื่อแล้วเหงื่อตก เธอต้องตั้งสติ ไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นปลาหมอตายเพราะปากก็เป็นได้!