บท
ตั้งค่า

6

“รอนานไหมครับ พี่เพิ่งเสร็จงาน ฝนตกหนักเลย” ดินแดนเห็นแฟนเก่าแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรผู้หญิงคนนั้น มุ่งหน้ามาหาแค่แฟนสาวที่ยืนรออยู่นานแล้ว

“ไม่นานค่ะ” เธอยิ้มให้เขา

“พี่ใส่เสื้อกันฝนให้นะ”

“ขอบคุณค่ะ”

“วันนี้ทำงานเหนื่อยไหม”

“ไม่ค่ะ ทำงานที่รักสนุกดีค่ะ”

นี่คือความแตกต่างของผู้หญิงทั้งสองคน คนหนึ่งบ่นว่าเหนื่อยเวลาทำงาน อีกคนบอกว่าสนุกเพราะรักงานที่ทำ

คนหนึ่งบ่นว่าเงินไม่เคยพอใช้ อีกคนบอกว่าเงินเหลือเฟื้อ เดือนนี้นำไปลงทุนอะไรบ้าง

อีกคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อีกคนเก็บหอมรอมริบ เวลาฉุกเฉินไม่ต้องไปหยิบยืมเงินใคร แต่มีเงินของตัวเองที่นำออกมาใช้จ่ายได้

ถ้าเขาจะเลือกผู้หญิงสักคน เขาก็ต้องเลือกผู้หญิงอย่างเขมิสรา ใครไม่เลือกเธอถือว่าโง่เต็มที เพราะมัวแต่ลังเล เขาเกือบเสียเธอไปแล้ว ใช่ว่าเธอไม่มีใครมาจีบ มีผู้ชายมาจีบเธอมากมาย แต่ที่เธอไม่สนใจผู้ชายคนอื่น เพราะเธอรักเขา เขาเองได้รับความรักดี ๆ จากเธอ ก็ควรที่จะรีบไขว้คว้าเอาไว้

ดินแดนพาหญิงสาวมาส่งที่บ้าน เพื่ออาบน้ำอาบท่า และรับประทานอาหารด้วยกัน ดรุณีเตรียมอาหารเอาไว้ให้ลูกและว่าที่สะใภ้เรียบร้อยแล้ว

“ฝนตกหนักแบบนี้ แม่เลยทำอะไรร้อน ๆ ให้ลูก ๆ จ้ะ วันนี้เรากินสุกี้ผักรวมกันนะ” ดรุณีทำอาหารได้ทุกประเภท ท่านปรับตัวเข้ากับทุกคนได้ดี และรู้ด้วยว่าคนวัยไหนชอบกินอะไร ดังนั้นเมนูอาหารที่ขายในแต่ละวันจึงไม่เคยซ้ำกัน

เขมิสราช่วยว่าที่แม่สามีทำอาหารตั้งแต่หัวรุ่ง โดยมีดินแดนคอยช่วยเหลือด้วย มื้อเช้ามีแซนด์วิช ข้าวต้มหมู สลัดผักผลไม้ น้ำเต้าหู้ และเครื่องดื่มธัญพืชเพื่อสุขภาพ คนวัยทำงานหลายคนไม่มีเวลาทำอาหารรับประทานเอง ก็จะหาซื้อแทนการทำเอง เรื่องความอร่อยและสะอาด อีกทั้งราคาย่อมเยาต้องยกให้ดรุณี เพราะท่านไม่เคยขายของแพง เอากำไรแค่เล็กน้อย เน้นคุณภาพเป็นหลัก แต่ทำในปริมาณที่เยอะ คนก็ซื้อเยอะ หมดเกลี้ยงทุกวัน ก็ได้กำไรเยอะเหมือนกัน แถมยังมีขาประจำ ลูกค้าแน่นร้านทุกวันแทบตักไม่ทัน ไม่ต้องนั่งจนแมลงวันตอมก็ไม่มีคนซื้อ เพราะขายแพงเกินไป บางคนก็ไม่กล้าซื้อเพราะเงินในกระเป๋ามีจำกัด

ระหว่างที่ดินแดนกับเขมิสรากำลังช่วยมารดาเข็นรถขายข้าวแกงออกไปยังตลาด รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นผ่านมาเหยียบน้ำข้างทางที่เป็นโคลนกระเด็นใส่

“ขับรถยังไงนี่” เขมิสราบ่นอุบ มองสภาพข้าวแกงที่เปื้อนไปด้วยโคลนอย่างโมโห

“อุ๊ย! ขอโทษนะ ฉันขับรถเร็วไปหน่อย ไม่คิดว่าจะไปเหยียบโคลนใส่หม้อแกงของว่าที่แม่สามีของเธอน่ะ” เธอเห็นแล้วว่าคนทั้งสามเดินอยู่ จึงแกล้งเหยียบคันเร่งเหยียบน้ำใส่เพราะอยากแกล้ง

“ตรงนี้เป็นเขตชุมชน แล้วเธอก็รู้ว่าถนนไม่ค่อยดี ก็ควรชะลอรถ นี่มันแกล้งกันชัด ๆ”

“อย่างว่าล่ะนะบ้านเมืองเราถนนไม่ค่อยดี เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายเงินค่าข้าวแกงพวกนี้เอง สองพันน่าจะพอนะ เพราะโคลนกระเด็นใส่แบบนี้เอาไปขายก็คงไม่มีใครซื้อ สกปรกเหม็นเน่า” เบญญาเอามือมาปิดจมูกทำท่าว่าเหม็น

“ก็จ่ายมาสิ แต่หมื่นนึงนะไม่ใช่สองพัน ข้าวแกงหม้อละพัน สิบหม้อก็หมื่นนึงพอดี” เธอเป็นคนรักศักดิ์ศรี แต่เฉพาะมีคนเอาเงินมาฟาดหัวดูถูกหรือให้ทำอะไรผิดเท่านั้น แต่นี่เบญญาทำข้าวของเสียหายจริงยังไงก็ต้องชดใช้ ที่สำคัญก็คือเบญญาอยากอวดรวย เธอก็จะให้อวด

“ตายแล้วนึกว่ามัดเพื่อนรักจะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่รับเงินเสียอีก” เบญญาหัวเราะ แต่ไม่คิดว่าราคาข้าวแกงจะแพงขนาดนี้ เธอคิดว่าพันสองพันก็คงตาโต ด้วยความที่ไม่เคยค้าขายหรือทำอะไรอะไรมาก่อน มีแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ สมัยก่อนก็เปลี่ยนงานไม่หยุดหย่อน ไม่พอใจก็ลาออก ทิ้งงานจนโดนด่าตามหลัง แล้วเบญญาก็เอาบริษัทมาด่าลับหลังว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้

“ค่าเสียหายฉันรับ เพราะเธอเป็นคนทำ มันไม่เกี่ยวกับว่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรีหรือไม่” เธอแยกแยะได้เพราะโตแล้ว เขมิสราแบมือไปด้านหน้า

“ช่างเขาเถอะจ้ะหนูมัด” ดรุณีไม่อยากให้มีเรื่อง จึงรีบเอ่ยปราม

“มัดไปกันเถอะครับ อย่าไปเสียเวลากับคนแบบนี้เลย” ดินแดนเอ่ยบอกแฟนสาว

“ไม่ค่ะ เขาทำก็ต้องชดใช้ อยากอวดรวยก็เอามาหมื่นหนึ่ง”

“เอาจ้ะ นี่เงินหมื่นนึง” เบญญาล้วงเงินออกมา พอเขมิสราจะรับ เธอก็แกล้งทำเงินตกพื้น

“อุ๊ย! ตายแล้ว เงินหลุดมือ ตกลงไปในน้ำสกปรกโสโครกพอดี งั้นมัดเพื่อนรักก็ก้มลงเก็บสิจ๊ะ”

“นี่เธอ!” เขมิสรามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

“ไปเถอะหนูมัด อย่าไปเสียเวลากับคนแบบนี้เลย”

“เก็บสิ ไม่เอาเหรอ ถ้าไม่เอาเดี๋ยวคนอื่นเขาเอาไปนะ คนขี้เหนียวแบบเธอ จะได้เงินหมื่นไปฟรี ๆ ก็ยากนะ ไม่รีบเก็บไป เสียดายแย่”

“เงินหมื่นนี่ไม่ใช่ได้มาฟรี ๆ แต่เป็นค่าข้าวแกงของคุณแม่ ข้าวแกงของคุณแม่ขายดีมาก บางวันได้มากกว่าหมื่นเสียอีก เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้ทำแบบนี้ ถ้าอยากโปรยเงินล่ะก็ เธอก็เอาไปโปรยสิ แต่ไม่ใช่มาทำของคนอื่นเสียหายแล้วทำเป็นใจดีให้เงินแบบนี้ เพราะคนดี ๆ เขาไม่ทำกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel