3
“แกล้งฉัน แกล้งฉันเรื่องอะไร”
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอน่ะแอบชอบพี่แดน เธอมาเป็นแม่สื่อให้ฉันกับพี่แดน ฉันก็เลยเล่นด้วย เพราะอยากเห็นเธอเจ็บปวด แต่คนบ้าอะไรยอมเสียสละผู้ชายที่รักให้คนอื่น”
“ที่ฉันไม่เจ็บปวดเพราะฉันหวังดีกับพี่แดน ถ้าพี่แดนได้เจอผู้หญิงที่ดี ฉันก็ดีใจด้วย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำให้ฉันเจ็บปวดด้วย เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันนางฟ้าเสียจริง” เบญญาทำเสียงในลำคอ ก่อนจะจิ้มหน้าอกอีกฝ่ายแรง ๆ
“ที่ฉันอยากเห็นเธอเจ็บปวดก็เพราะว่าเธอมันเป็นเพื่อนที่แสนดีไง ใคร ๆ ก็เปรียบเทียบเธอกับฉัน ว่าเธอน่ะเก่งกว่าฉันทุกอย่าง เป็นไงล่ะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเป็นแม่สื่อให้ฉันกับพี่แดน ฉันล่ะสะใจจริง ๆ”
“ฉันคิดว่าเธอคือเพื่อนคนหนึ่งไม่คิดว่าเธอจะร้ายกาจแบบนี้ และที่ฉันไม่เจ็บปวดเพราะฉันคิดและทำแต่สิ่งที่ดี และหวังจะให้คนที่รักมีความสุข แล้วฉันจะเจ็บปวดทำไมกัน”
“แสนดีจังเลยนะ เอาสิฉันเบื่อพี่แดนแล้ว ฉันยกให้เธอ ยกให้แล้วให้เลยไม่เอาคืน”
“แล้วเธอจะต้องเสียใจที่ทิ้งคนดี ๆ แบบพี่แดนไป”
“ไม่หรอกเพื่อนรัก ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณชลพัฒน์ เขาเป็นนักธุรกิจร่ำรวย ไม่มีทางทำให้ฉันเสียใจแน่นอน ฉันอยากได้อะไรก็ได้เหมือนเนรมิต แล้วฉันจะเสียใจทำไม ฉันควรจะดีใจต่างหากที่สลัดผู้ชายโคตรจนแบบพี่ดินแดนออกไปจากชีวิตได้”
“งั้นความเป็นเพื่อนของเราก็จบลงตรงนี้ด้วย” เขมิสราไม่อยากคบหากับคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้อีก เธอไม่เคยคิดร้ายกับใคร โดยเฉพาะกับเพื่อนมีแต่ความปรารถนาดีให้เท่านั้น แต่เมื่อถูกตอบแทนกลับมาด้วยความไม่จริงใจ ก็ควรแยกทางกันเดิน ไม่หวนกลับมาพบเจอกันอีก
“นึกว่าฉันอยากคบกับเธอนักหรือไง ที่คบก็เพราะเห็นว่าเรียนเก่ง ให้ฉันลอกการบ้าน ช่วยทำรายงาน ทำโน่นทำนี่ให้ จนฉันได้เรียนจบกับคนอื่นเขา ไม่ใช่เป็นคนด้อยการศึกษา เพื่อเป็นใบเบิกทางให้พบกับผู้ชายรวย ๆ ดี ๆ ต่างหากล่ะ”
“แค่นี้จริง ๆ เหรอสำหรับเพื่อนอย่างเธอ” เขมิสราถามออกมาอย่างเสียความรู้สึก เธอนึกขำตัวเองที่จริงใจกับคนแบบนี้ไปได้ ที่แท้ก็หน้าไหว้หลังหลอก
“หลีกไปได้แล้วฉันไม่อยากเสวนากับคนแบบเธออีก อ้อ... เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน เธอกับพี่แดนไม่ต้องเสนอหน้าไปหรอกนะ แต่ถ้าอยากกินอาหารหรู ๆ แพงๆ ในโรงแรม บอกฉันได้นะ ฉันจะให้คนรับใช้ของคุณพัฒน์เอาออกมาให้ที่ประตูโรงแรม เพราะคนแบบเธอกับพี่แดนคงไม่เคยกินอาหารหรู ๆ แพง ๆ แบบนี้มาก่อน”
“พี่แดนจะกินอาหารหรู ๆ แพง ๆ ก็กินได้ แต่เอาเงินไปให้เธอจนหมด ให้เธอไปกินอาหารหรูแทน ส่วนพี่แดนกินข้าวแกงแสนอร่อยฝีมือแม่ตัวเองอยู่ที่บ้าน คนที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอื่น ไม่เจริญหรอกนะเบญญา”
“บุญคุณอะไรกัน เขาเลี้ยงฉันเพราะฉันเป็นแฟนก็ถูกแล้ว หรือเวลาเธอมีแฟน เธอเป็นฝ่ายเลี้ยงแฟนกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ขึ้นคานไปเสียเถิด ผู้ชายมีหน้าที่เลี้ยงผู้หญิงจำเอาไว้” เบญญาพูดจบก็สะบัดก้นเดินจากไป ทำให้เขมิสราเสียใจยิ่งนัก
พอเธอหมุนกายทำท่าจะเดินไปอีกทางก็เจอกับดรุณีและดินแดนยืนอยู่
“คุณป้าพี่แดน” เขมิสรามองสองแม่ลูกอย่างเสียใจระคนเห็นใจ
“จะเข้าบ้านเหรอจ๊ะหนูมัด”
“ค่ะ คุณป้าจะไปขายข้าวแกงที่ตลาดเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ วันนี้วันหยุดดินแดนเขา เขาเลยมาช่วย”
“งั้นหนูไปช่วยด้วยนะคะ” เธอรีบอาสา
“มีน้ำใจเสียจริง” หลังจากที่ยายของเธอเสีย เธอก็เติบโตมาด้วยข้าวแกงของดรุณี หญิงวัยกลางคนผู้นี้มีบุญคุณแถมยังใจดีกับเธออีก เธอจึงช่วยเหลือท่านทุกอย่างที่สามารถทำได้
“อยากกินข้าวฟรีน่ะสิ” ดินแดนว่าให้ ก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน
“เกลียดคนรู้ทัน ก็กับข้าวฝีมือคุณป้าอร่อยนี่คะ ถ้าวันไหนไม่ได้กินแล้วมันคิดถึง ไปกินอาหารในโรงแรมห้าดาวยังอร่อยสู้คุณป้าทำอาหารไม่ได้เลยค่ะ”
“ปากหวานเสียจริง” ดรุณีมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปยิ้มกับลูกชาย
ดินแดนมองน้องสาวคนสนิทที่อยู่บ้านใกล้กันแล้วเผลอยิ้มทุกครั้ง เธอขยัน มีน้ำใจ สนุกสนาน ร่าเริงแจ่มใส ใครอยู่ด้วยแล้วมีความสุข บางทีเขาก็ควรที่จะทำอย่างที่มารดาพูด คือรุกจีบเธอดู หลังจากนั่งสำรวจใจตัวเองอยู่พักใหญ่ ก็พบว่าเขาเองก็มีความรู้สึกพิเศษต่อเธอ แต่เพราะไม่อยากเสียน้องสาวที่รักไป หากว่าไปกันไม่รอดเมื่อต้องเลิกกัน แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เขากับเธออาจจะไม่ต้องเลิกกันอย่างที่กังวลก็เป็นได้
“ตัดสินใจได้หรือยังล่ะ” คนเป็นแม่มานั่งอยู่เคียงข้างกับลูกชายเพื่อมองดาวด้วยกัน
สองแม่ลูกสนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง จึงรู้ดีว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่
“เรื่องอะไรครับ” ดินแดนเอ่ยถามมารดา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้า
“ลูกรู้ไหมว่าคนที่จะอยู่กับเราได้ก็คือคนที่เหมือนเรา โลกนี้จะเหวี่ยงคนที่ไม่ใช่ออกไป และเหวี่ยงคนที่มีทัศนคติและอะไรคล้าย ๆ เราเข้ามา