4
4
แม้ว่ามารดาจะรักลูกลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่เคยอิจฉาหรือเกลียดน้องชายเลย เพราะเขมันต์คอยช่วยเหลือเขามาตลอด มีอะไรก็จะมักแบ่งปัน เวลาเขาร้องไห้เพราะโดนด่าว่าทุบตี โดนกีดกันไม่ให้ทำในสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบ เขมันต์ก็คือน้องชายคนเดียวที่คอยปลอบประโลม คอยให้กำลังใจเขาเสมอมา เขาจึงรักเขมันต์มาก ๆ ไม่ว่ามีอะไรที่จะทำให้เขมันต์มีความสุขได้ เขาจะทำมันในทันที
เขาชอบศิลปะ อยากเรียนวาดภาพ ก็โดนมารดาบังคับให้เรียนบริหาร
ศิลปะไส้แห้ง แกชอบทำอะไรต่ำ ๆ แบบนี้เหรอ
เขายังจำประโยคเผ็ดร้อนของท่านได้ดี แม้เขาจะอธิบายว่าศิลปินไม่ได้ไส้แห้งเสมอไป ถ้าผลงานเป็นที่ยอมรับ ก็จะมีชื่อเสียง ภาพวาดพวกนั้นก็จะมีราคาตามไปด้วย การได้ทำในสิ่งที่รัก จะทำให้เราอยู่กับมันไปตลอดชีวิต โดยไม่เบื่อหน่าย และจะทำมันได้ดีด้วย
น้ำหน้าอย่างแกนี่นะจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ทำอะไรล้มเหลวแต่เด็ก อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย
ประโยคที่โต้ตอบกลับมาพร้อมกับมือของท่านที่ฉีกภาพวาดของเขาจนกระจุยทำให้การันต์เสียใจมาก
เขายอมเรียนตามที่มารดาต้องการ แต่การวาดภาพก็เป็นงานที่รัก เขาแอบไปเรียน และแอบวาดภาพโดยที่ไม่ให้ท่านรู้ ด้วยความช่วยเหลือของเขมันต์ น้องชายคนเดียวที่รักพี่ชายอย่างเขาที่สุด
อีกคนที่รักเขามากก็คือเขมนัส บิดาของเขมันต์ แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่บิดาแท้ๆ แต่ก็รักเขามากเช่นกัน
“ที่ฉันยอมให้แกครองรับกับนังลูกแม่ค้าขายข้าวแกงนี่เพราะฉันจะให้แก ไปกัดก้อนเกลือกินกับมันดู ว่าแกจะทนไปได้สักกี่น้ำ” สร้อยเพชรคอตั้ง ดูถูกลูกชายว่าไปไม่รอด เดี๋ยวก็ซมซานกลับมาตายรัง
“ฉันจะไม่จัดงานแต่งให้แก ไม่รับลูกในท้องของผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ และถ้าแกเลือกมันแกก็ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย ฉันจะไม่ให้สมบัติกับแกสักชิ้น รู้แบบนี้แล้ว แกลองถามเมียแกสิ ว่ามันยังจะเอาแกอยู่ไหม ถ้าแกมีแต่ตัวแบบนี้”
“ได้ค่ะ ไม่จัดงานแต่งก็ไม่เป็นไร ดิฉันก็บอกอยู่แล้วว่างานแต่งเป็นแค่พิธีเท่านั้น บางคนจัดงานแต่งใหญ่โตก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เลิกกันเยอะแยะ จัดงานแต่งก็เปลืองเงิน เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คนสองคนจะรักกันอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่จำเป็นต้องไปประกาศให้ชาวโลกรับรู้หรอกค่ะ ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิต”
“นังนี่ปากดี แกไปคว้ามาจากไหนเมียแบบนี้ไอ้ใหญ่” สร้อยเพชรโกรธจนตัวสั่น
“ลูกในท้องจะไม่รับเป็นหลานก็ไม่เป็นไรอีกเหมือนกันค่ะ พวกเรามีมือมีตีน ทำมาหากินได้ ก็เลี้ยงลูกกันได้ ใครจะนับญาติหรือไม่นั้นไม่เห็นต้องสน”
“อี!” สร้อยเพชรชี้หน้าแก้วกานต์ด้วยมือสั่นระริก
“คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ” เขมันต์พยายามรั้งมารดาเอาไว้ ไม่ให้เข้าไปทำร้ายพี่สะใภ้ของตน
“รับปากมาตาเขมว่าแกจะแต่งงานกับหนูปานทิพย์แกพูดแล้วนะ แกรับปากมาสิ” สร้อยเพชรหันมาคาดคั้นลูกชายคนเล็ก
“ครับผมรับปาก”
“ดีมาก ในเมื่อแกรับปากแล้ว ฉันก็จะให้พี่ชายใฝ่ต่ำของแกไปครองรักกับนังลูกแม่ค้าปากตลาดนี่ อ้อ... ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แกเคยอยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ ๆ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ไปอยู่แบบจนๆ จะทนได้สักกี่น้ำ ฉันขอเตือนหล่อนเอาไว้ก่อนนะ ถ้าลูกชายฉันทิ้งหล่อนไป หล่อนก็เตรียมหาผัวใหม่เอาไว้ได้เลย”
“พี่ใหญ่ไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะ” แก้วกานต์คบหากับการันต์มานานหลายปีแล้ว เธอจึงรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้
และที่เธอท้องก็ไม่ใช่เพราะใจง่าย แต่เพราะวันนั้นเธอโดนผู้ชายในซอยที่แอบชอบเธอวางยา เลยต้องไปขอให้การันต์ช่วย เลยตกเป็นของกันและกัน
“งั้นแกสองคนก็ไสหัวไปเลย ไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้ แกจะไปไหนก็ไป ไปสิ” สร้อยเพชรได้คำตอบที่พึงพอใจจากลูกชายคนเล็กแล้วก็ไล่ส่งลูกชายคนโตในทันที
“พี่ชอบใจแกมากนะเขม” การันต์พูดแค่นั้นก่อนจะประคองเมียท้องแก่ใกล้คลอดออกไปจากบ้าน
“หนูปานน่ะน่ารัก ฐานะชาติตระกูลก็ดี เราจะแต่งงานกับหนูปานก็ต้องไปมาหาสู่น้องด้วยนะ ก่อนแต่งงานควรรู้จักกันเอาไว้ ศึกษานิสัยใจคอ พาน้องไปกินข้าว เอาอกเอาใจน้องให้มากๆ ผู้หญิงน่ะชอบให้ผู้ชายเอาอกเอาใจ แล้วก็จริงใจกับเขา เหมือนพ่อเราไง พ่อเราน่ะเป็นคนโรแมนติก จริงใจ มีฐานะที่ดี มั่นคง ไม่ใช่คนจนกรอบ พวกจนๆ อย่าไปเอามาทำพันธุ์ คนพวกนี้ขี้เกียจสันหลังยาว หวังแต่จะรวยทางลัด หวังแต่จะเกาะคนรวยกินไปวัน ๆ” สร้อยเพชรมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน เลยฝังใจเกลียดคนจนเข้ากระดูกดำ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะมาหวังผลประโยชน์จากตน
“ก็ไม่ทุกคนหรอกครับคุณแม่” เขมันต์เชื่อว่าไม่ทุกคนที่มีนิสัยแบบที่มารดาบอกเขา อย่างน้อยผู้หญิงที่เขาเจอในชีวิตถึงสองคนที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ไม่คิดเกาะใครกินก็คือแก้วกานต์ และอีกคนเลขาของเขาที่ไม่เคยต้องการอะไรจากเขา ไม่เคยเรียกร้องอะไร หรืออยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น
เขาพานรีลดาไปเดินซื้อของ เธอก็ไม่เคยถลาเข้าไปหาของแบรนด์เนมหรืออยากได้ของมีราคาอะไร เขาช่วยเธอแค่เรื่องปัญหาการเงินในบ้านหลักแสนบ้าน เธอก็เกรงใจจนเขายังรำคาญ เลยยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขา
จริงๆ นรีลดาเป็นรุ่นน้องเขาหลายปี เธอเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา แต่เขาเรียนจบไปแล้ว เธอเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ในคณะเดียวกันกับเธอ วันนั้นทางมหาวิทยาลัยเชิญเขาไปเป็นวิทยากรเล่าประสบการณ์ความสำเร็จในการทำธุรกิจ เขาเลยได้เจอเธอเข้า เขาก็นึกชอบเธอตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่เขาก็ไม่เคยเข้าไปจีบเธอ เพราะเห็นว่าเธอยังเด็ก เพิ่งขึ้นปีหนึ่งผ่านอายุสิบแปดมาหมาดๆ อีกทั้งเธอยังเป็นนักเรียนทุนยากจนจากต่างจังหวัดอีก เขาจึงไม่ควรไปทำให้เธอมีความรักระหว่างเรียน เพราะเธออาจจะไขว้เขว ไม่ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ เขาคิดแบบนั้นจริงๆ จนเธอมาสมัครงานที่บริษัทของเขานี่แหละ ทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง
ตอนนั้นจำได้ว่าเขารับเธอเข้าทำงานในทันที ในตำแหน่งเลขาที่ว่างลงเพราะคนก่อนลาคลอดและย้ายตามสามีไปทำงานที่อื่น
ซึ่งเลขาคนก่อนของเขาก็เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยที่เรียนคณะเดียวกันนี่แหละ น่าจะเป็นพี่รหัสของนรีลดาจึงแนะนำน้องรหัสให้มาสมัครงานที่นี่ แต่ไม่มีเส้นสายหรือการฝากฝังใดๆ เป็นเขาเองที่ถูกใจนรีลดาจึงรับเธอเข้าทำงาน
“เอ๊ะ! เรานี่ยังไงจะเถียงแม่ทำไม หรือจะเอาแบบอย่างพี่ชายใฝ่ต่ำของเรา”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เอาเป็นว่าผมจะรับปานทิพย์ออกไปกินข้าวด้วยกันนะครับ”
“เดี๋ยวแม่นัดหนูปานให้นะจ๊ะ”
“ผมนัดเองดีกว่าครับ”
“ไม่ได้จ้ะ แม่นัดให้ดีกว่า เดี๋ยวลูกเบี้ยวนัดอีก”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” เขมันต์ไม่อยากเถียงกับมารดาอีก เพราะท่านกำลังอารมณ์ไม่ดี
เขาเองก็ไม่มีครอบครัวหรือพันธะใด ๆ การจะรับหน้าแต่งงานกับปานทิพย์ก่อนไม่ใช่ปัญหา แล้วค่อยหาทางยกเลิกในภายหลัง แต่พี่ชายของเขามีลูกมีเมียที่ต้องรับผิดชอบ มันค่อนข้างลำบากที่จะไปแต่งงานกับอีกคน แต่อีกคนกำลังท้องโย้ใกล้คลอด
คิดมาถึงตรงนี้ เขมันต์ก็แอบคิดไปถึงนรีลดาเสียไม่ได้ เขาไม่มีพันธะลูกเมียจริง แต่ก็ยังมีนรีลดาอยู่อีกคน แต่สถานะของเธอกับเขาในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน และมารดาคงไม่ยอมรับเธอแน่ ๆ ดังนั้นเขาคงต้องเคลียร์เรื่องตัวเองกับปานทิพย์ก่อน ถึงจะคิดอ่านเรื่องนรีลดา
เขาดูออกว่าเธอรักเขามาก จากสายตาและการกระทำ แต่เขาเองยังต้องถามใจตัวเองอีกสักหน่อยว่าอยากให้เธออยู่ในชีวิตของเขาไปตลอดหรือเปล่า