2
ในความเป็นมืออาชีพนั้น กลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ความคุ้นเคยจากอดีต เมื่อเดินเฉียดกัน ความรู้สึกว่าเขารู้ทันเธอ และเธอก็เช่นเดียวกัน
บ่ายแก่ ๆ งานเริ่มซาลง ลินินกำลังตรวจอีเมลรอบสุดท้าย เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เป็นหมายเลขส่วนตัวของกฤษณ์
“มีอะไรเพิ่มไหมคะ”
“ตอนนี้ไม่ แต่เย็นนี้ผมมีเอกสารส่วนตัวต้องตรวจที่บ้าน ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกคุณไปไหม เดี๋ยวแจ้งอีกที”
“ค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ แม้ท้ายประโยคจะทำให้ท้องไส้เธอหวิวน้อย ๆ
วินาทีนั้นเอง เสียงแจ้งเตือนขึ้นบนจอ อีเมลจากฝ่ายบุคคลแนบ คู่มือพนักงานและแนบท้ายสัญญา ฉบับอัปเดต เธอไล่สายตาอย่างไว ตรวจข้อกำหนดเรื่องเวลา โอที ความลับ จนถึงหัวข้อ ความปลอดภัยและความสุภาพในสถานที่ทำงาน ที่ระบุชัดเจนถึงการห้ามคุกคามและเส้นแบ่งระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง
เธอรู้สึกใจชื้น เส้นแบ่งมีอยู่ และเธอจะยืนตรงกลางให้มั่นคง
หกโมงเย็น แสงสุดท้ายของวัน ลินินเก็บโต๊ะ หยิบกระเป๋า ตั้งใจกลับบ้านไปเช็กยาของมารดา ทว่าเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้น ชื่อผู้โทร. ปรากฏบนหน้าจอ
“ค่ะ”
เสียงเขาฟังดูแหบและช้าลงเล็กน้อย
“คุณยังอยู่แถวออฟฟิศไหม”
“กำลังจะลงลิฟต์ค่ะ”
“ผมเจ็บคอ มีไข้หน่อย ๆ เอกสารพรุ่งนี้เช้าต้องรีวิว คุณพอจะ...” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง
“แวะขึ้นมาที่คอนโดได้ไหม ไม่ไกลจากบริษัท”
ลินินกะพริบตา ภาพอดีตวาบขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มผู้เคยกวนประสาทกับหนุ่มผู้บริหารที่ตอนนี้น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย เธอเหลือบมองเอกสารในมือ คิดถึงประชุมเช้า คิดถึงมาตรฐานงาน และเส้นแบ่งที่เธออ่านเมื่อตอนบ่าย
“ได้ค่ะ แต่เป็นเรื่องงานนะคะ” เธอออกตัวชัดเจน
“ดิฉันจะไปพร้อมแฟ้มเอกสาร และกลับทันทีที่ตรวจเสร็จ”
“ตกลง” เขาตอบรับ
“ขอบคุณ”
เธอวางสาย สูดลมหายใจ พึมพำกับตัวเอง
“งานก็คืองาน” ก่อนก้าวกลับไปยังลิฟต์
คอนโดฯ หรูใกล้แม่น้ำมีลมพัดเย็น ระเบียงชั้นสูงสามารถชมวิวเมืองอันงดงาม ลินินยืนอยู่หน้าประตูไม้สีเข้ม เคาะสองครั้ง ประตูก็เปิดออก กฤษณ์ในเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมด้านบนสองเม็ด ผมยุ่งนิด ๆ แก้มแดงจากไข้อ่อน ๆ ยืนอยู่ตรงหน้า
“เข้ามาสิ” เขาพูดเบา ๆ
เธอเดินผ่านโถงเรียบง่าย วางแฟ้มลงบนโต๊ะกระจก
“ขอเทอร์โมมิเตอร์กับน้ำอุ่นก่อนค่ะ เดี๋ยวเช็กไข้ แล้วค่อยเริ่มงาน”
กฤษณ์ชะงักนิดหนึ่งเหมือนไม่คาดหวังความดูแลจากเธอ เขาพยักหน้าไปทางห้องครัว
“ในลิ้นชัก”
สองนาทีต่อมา เธอยื่นแก้วน้ำและยาให้
“ถ้าเกินสามสิบแปดควรพัก อย่าฝืนทำงานค่ะ”
เขารับของ สบตาเธอครู่หนึ่ง ความกวนที่เคยมีประจำตัวลดทอนลง เหลือเพียงแววจริงจังและสายตาขอบคุณ
“คุณโตขึ้นมากนะลินิน”
“ทุกคนก็ต้องโตค่ะ” เธอยกแฟ้มขึ้น
“มาเริ่มกันที่สัญญาฉบับนี้นะคะ มีสองจุดที่ต้องไฮไลต์”
โต๊ะกระจกสะท้อนเงาสองคนก้มหน้าอยู่กับเอกสาร เสียงปากกาเมจิกลากเส้นไหลไปพร้อมคำอธิบายที่สั้นกระชับ จุดพักบางจังหวะมีไอร้อนจากถ้วยชาสมุนไพรที่เธอชงให้ คลออยู่ระหว่างบทสนทนา ทุกครั้งที่สายตาเธอเหลือบขึ้น พบสายตาของเขารออยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่สายตาจู่โจมแต่เป็นสายตาที่ให้พื้นที่
เมื่อไฮไลต์จุดสุดท้ายเสร็จ เธอจึงปิดแฟ้มลง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พรุ่งนี้เช้าคุณเซ็นได้เลย”
เธอลุกขึ้น ตั้งใจจะขอตัวกลับ กฤษณ์เอ่ยเบา ๆ
“ลินิน”
เธอหันกลับไปมองเขา
“คะ”
“ขอบคุณที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจน” เขายิ้มมุมปาก
“ผมจะพยายามทำแบบนั้นเหมือนกัน”
หัวใจเธอเต้นแรง ก่อนกลับมาเต้นปกติ
“ดีค่ะ เพราะดิฉันตั้งใจจะทำงานให้ดีที่สุด”
เงียบไปอึดใจหนึ่ง เธอสูดลมหายใจ หยิบกระเป๋าขึ้นมา
“พักผ่อนด้วยนะคะ” เธอพูดอย่างสุภาพ
“พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศ”
ประตูคอนโดฯ ปิดลงอย่างนุ่มนวล ลิฟต์เลื่อนไปยังชั้นล่าง ลมเย็นปะทะแก้มเนียน เธอก้มดูนาฬิกาและยิ้มบาง ๆ ที่วันนี้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เช้าวันใหม่ออฟฟิศชั้นบนสุดคึกคักตั้งแต่แปดโมง ลินินแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีอ่อนเข้าชุดกับกระโปรงทรงดินสอ รองเท้าส้นสูง เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานหน้าห้องผู้บริหาร วางเอกสาร ตรวจเช็กตารางประชุมที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายบุคคลเมื่อคืน
เสียงนาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา 08:15 เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออก กฤษณ์ก้าวเข้ามาในชุดสูทสีเข้ม เนคไทสีเข้มเข้าชุดกัน ผู้บริหารหลายคนที่เดินผ่านถึงกับหยุดก้มศีรษะ เขารับไหว้ด้วยการพยักหน้านิดเดียวแล้วเดินตรงมาที่โต๊ะของเธอ
“กาแฟของผมล่ะ” เสียงเรียบเอ่ยถาม
ลินินวางแก้วพรีเมียมลงบนถาดในทันที
“เอสเปรสโซร้อน ไม่ฟองนมค่ะ”
คิ้วเขายกเล็กน้อยราวพึงพอใจ
“อย่างน้อยคุณก็จำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้” เธอยิ้มบาง ๆ
“เลขาที่ดีควรจำได้ทุกอย่างค่ะ”
กฤษณ์หัวเราะเบา ๆ แล้วผลักประตูห้องตัวเองเข้าไป ลินินถอนหายใจน้อย ๆ พลางกดดูปฏิทินบนจอ เช็กสายประชุมห้ารายการเรียงกัน ตั้งแต่เก้าโมงถึงบ่ายสาม ทุกช่วงแทบไม่มีเวลาให้หายใจ เธอหยิบสมุดบันทึกกับแท็บเล็ตเดินตามเข้าไป
บนโต๊ะไม้ กฤษณ์กำลังนั่งเปิดเอกสาร หันมาสบตาเธอในทันที
“เข้ามาสิ อย่ายืนเกร็งอยู่ตรงนั้น”
เธอก้าวเข้ามา
“นี่ตารางประชุมค่ะ ดิฉันเรียงตามความสำคัญไว้แล้ว”
เขารับแฟ้มไปเปิดดูอย่างรวดเร็ว สายตาไล่ผ่านโพสต์อิทสีสว่างที่เธอแปะไว้ตามหน้า
“โอเค ใช้ได้ คุณคงนอนดึก”
“ถือเป็นหน้าที่ค่ะ”
“หน้าที่หรือความท้าทาย” คำถามคมคายทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง
“ทั้งสองอย่างค่ะ”
กฤษณ์หัวเราะในลำคอ
“ดี อย่างน้อยคุณก็ไม่ใช่คนขี้แพ้เหมือนตอนสมัยเรียน”
ลินินกัดริมฝีปาก ไม่อยากเปิดช่องให้เขาย้อนอดีต เธอจึงรีบเบี่ยงประเด็น
“ดิฉันเตรียม presentation ไฟล์ใหม่ไว้แล้ว จะอัปขึ้นจอในห้องประชุมใหญ่ตอนเก้าโมงค่ะ”
“คุณไปด้วยสิ”
“คะ”
“เลขาต้องนั่งข้างผมตลอดงาน นี่ไม่ใช่แค่คัดเอกสาร คุณต้องฟัง จด และสังเกตว่าฝั่งตรงข้ามคิดอะไรอยู่” น้ำเสียงหนักแน่นจนเธอไม่กล้าแย้ง ได้แต่พยักหน้ารับเบา ๆ
ณ ห้องประชุมใหญ่บนชั้น 35 เต็มไปด้วยผู้บริหารและคู่ค้าหลายสิบคน ลินินนั่งข้างกฤษณ์ โน้ตบุ๊กเปิดอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียววิ่งไปตามแป้นคีย์บอร์ดไม่หยุดมือ เสียงสนทนาทางธุรกิจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กฤษณ์ใช้ภาษาเฉียบขาดและมั่นใจ จนอีกฝ่ายยอมถอยหลายประเด็น
ระหว่างการเจรจา ลินินเผลอขีดโน้ตสรุปเป็นสัญลักษณ์เฉพาะ กฤษณ์เหลือบสายตามองก่อนยิ้มมุมปาก พลางเอื้อมปากกาไปแตะเบา ๆ ที่ข้อมือเธอเหมือนบอกว่าดี ทำต่อ
