บทย่อ
-
ซีรีส์หวามหวาน เล่ม 1 หวามหวานรัก ตอนที่ 1
Chapter 1
อ๊าก!!!!!!!
เจตน์ร้องลั่นบ้านอย่างกับโดนชำแหละร่าง คนในบ้านแตกตื่นกันยกใหญ่วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องของเขา อันเป็นที่มาแห่งเสียงอย่างตกอกตกใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
โครม โครม โครม!!!
เสียงเคาะประตูห้องทำให้เจตน์ผวาตื่นจากฝันร้าย เขาตกใจกับเสียงหน้าห้องทั้งเคาะทั้งตบประตูจนแทบจะพัง
เจตน์วิ่งหน้าตั้งไปที่ประตู เขาสะดุดผ้าห่มล้มหัวทิ่ม ในขณะที่ประตูเปิดผางเข้ามา ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียวกัน
“เซอร์ไพร้ส์!!!” มินตรากล่าวทักทายพี่ชายสุดหล่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่สำหรับเจตน์แล้วมันเป็นยิ้มแห่งความชั่วร้าย
“อ๊าก! ยายหนูผี” เจตน์ร้องเสียงโหยหวนที่เห็นเด็กแสบยืนอยู่ตรงหน้า
บิดามารดาของเขากำลังมองมาตาปริบๆ ในสภาพที่เขาใส่แค่กางเกง บ็อกเซอร์แค่ตัวเดียว
เมื่อกี้เขาฝันร้าย
จะไม่ให้ฝันร้ายได้ยังไงกัน?
บิดามารดาผู้ใจบุญของเขาจะไปปฏิบัติธรรมกับบิดามารดาของมินตราตั้งเป็นเดือน แล้วทิ้งยายเด็กนรกสุดแสบนี่เอาไว้กับเขาเพราะอีกฝ่ายปิดเทอม
เขาเลยเอามาฝัน ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมา จะเจอยายตัวแสบยืนหัวเราะร่าอยู่ตรงหน้า
เขากับมินตราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่มันก็ไม่เชิงหรอกนะ เพราะเขาเป็นเด็กกำพร้าที่บิดามารดาเก็บมาเลี้ยง เนื่องจากพวกท่านไม่มีลูกเต้า มินตรานั้นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพิจิตรากับราม ซึ่งพิจิตรานั้นเป็นน้องสาวของมารดาบุญธรรมเขา
บิดามารดาบุญธรรมของเขาคือนนท์และนารีเจ้าของไร่เพลิงตะวัน ที่ไร่เพาะพันธุ์ม้าขายเป็นอาชีพหลัก และยังปลูกพืชอีกสารพัดชนิดตามความชอบ
“สงสัยพี่เจตน์ฝันเปียกน่ะค่ะ เลยร้องเสียงเหมือนโดนข่มขืน ดูสภาพสิคะ ฝันเปียกชัดๆ เลย” คนว่าหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอย่างมีความสุข ความเซี้ยวไม่ต้องพูดถึง
“ไม่เอาน่า อย่าไปล้อพี่เขา เรานี่แก่แดดนักนะ” นารีปรามหลานสาว ไม่ต้องคิดเลยว่าทำไมเมื่อวานลูกชายของเธอถึงได้อุทานเสียงหลงเมื่อรู้ว่าน้องจะมาอยู่ด้วย
“พ่อกับแม่ต้องเดินทางวันนี้นะเจตน์ ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อยเถอะ ฝากน้องด้วยนะ ดูแลน้องดีๆ ล่ะ”
ไม่เด็ดขาด ไม่ ไม่ ไม่...
เจตน์อยากจะตะโกนให้ลั่นบ้าน แต่สิ่งที่เขาทำได้คือทำตัวสงบเสงี่ยมเป็นที่สุด เพราะปฏิเสธหัวชนฝาไปก็เป็นการบาปอีกที่จะขัดศรัทธาของบิดามารดาที่จะไปปฏิบัติธรรม
ปีนี้เจตน์อายุ 27 ปีเต็ม เขามีอายุแก่กว่ามินตราซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง (ไม่แท้) 7 ปี มินตราจบม. 6 ก็เรียนต่ออนุปริญญา ปีนี้เพิ่งเรียนจบ ส่วนปริญญาตรีหลังอีก 2 ปียังดูๆ อยู่ว่าเจ้าตัวจะเรียนต่อที่ไหน
รามกับพิจิตราตามใจบุตรสาวมากๆ มินตราเลยเอาแต่ใจตัวเอง ทะลึ่งตึงตัง เขายังคิดเลยว่าน้องสาวนอกไส้คนนี้มันเป็นเด็กผู้ชายหรือเป็นเด็กผู้หญิงกันแน่วะ!
เขากลัวเธอจับใจเพราะว่ายายเด็กแสบนี่แสบสุดๆ ไปเลย เคยแกล้งเขาจนหัวหมุนไม่เป็นอันทำอะไรมาแล้ว
นี่ขนาดอายุ 20 ปีเข้าไปแล้ว ยังเหมือนกับเด็กอายุสิบสามสิบสี่ที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังซน
“เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า หนูมินขอ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ” มินตราเข้าสวมกอดทุกคน หอมแก้มอย่างน่ารัก เจตน์มองอย่างหมั่นไส้แม่เด็กแสนดีมีสัมมาคารวะที่(ต่อหน้าอย่าง) ลับหลัง (อย่าง) จนเขาเกือบเส้นโลหิตในสมองแตกมาแล้ว
“อย่าดื้ออย่าซนมากนะหนูมิน อย่ากวนพี่เขานักนะ” พิจิตรากำชับบุตรสาว รู้ว่าแสบแต่ก็รักหนักหนา เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว อยากได้อะไรก็จัดหาให้ทุกอย่าง อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัย เจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็ใจอ่อน ให้อภัยได้เสมอ
“ค่ะ คุณแม่กับคุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ หนูมินจะอยู่ในโอวาทของพี่เจตน์ทุกอย่างเลยค่ะ”
“แม่ฝากน้องด้วยนะเจตน์ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน อย่าดุน้องมากนะจ๊ะ น้องยังเด็กอยู่นะลูก”
ยังเด็ก! เจตน์แทบเอาเท้าก่ายหน้าผากกับประโยคของมารดา ปีนี้มินตราอายุ 20 ปีแล้ว แต่มารดาของเขายังบอกว่าเด็กอีก
“ครับแม่” เขาตอบเสียงอ่อย ยืนส่งผู้ใหญ่ขึ้นรถแล้วเตรียมเผ่น
“พี่เจตน์!” คนถูกเรียกถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“ว่าไง” เขาไม่อยากคุยกับยายเด็กแสบตรงหน้าหรอก วีรกรรมของเธอสมัยก่อนทำเขาจำไม่ลืม
“ทำยังกับไม่อยากคุยกับหนูมินเลย” เธอเอามือไขว้ไปด้านหลัง ทำปากยื่นเหมือนน้อยใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่จะเข้าไร่ มีงานต้องทำอีกเยอะแยะ”
“ถึงพี่เจตน์จะไม่อยากคุยกับหนูมิน แต่พี่เจตน์ลืมรูดซิบกางเกงค่ะ”
“เฮ้ย!” เจตน์คว้าเป้ากางเกง ลนลานรูดซิบแต่ปรากฏว่า!!
มันก็รูดแล้วนี่นา…
“โอ๊ย! ขำ พี่เจตน์นี่หลอกง่ายเหมือนเดิมเลยนะคะ ฮ่าๆๆ” ยายเด็กแสบหัวเราะชอบใจ ก่อนจะวิ่งหนีเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข เจตน์โมโหนัก เขาวิ่งกวดตามยายลูกลิงไปทั่วบ้าน แต่จับไม่ได้ เธอวิ่งเร็วยังกับปรอท
“พี่เจตน์เอายาดมไหมคะ นี่แหละเขาว่าคนแก่” เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ในขณะที่เจตน์นั่งพักเพราะวิ่งไล่จับเธอไม่ทัน
“ฉันอายุแค่ 27 ไม่ได้แก่อย่างที่เธอว่าสักหน่อย”
“โห... ตั้ง 27 นะคะพี่เจตน์ นี่มันตอนปลายจะเข้าสู่วัยทองแล้วนะคะ มันเรียกวัยอะไรนะ วัยที่ประจำเดือนกำลังจะระเหยออกจากตัวใช่ไหม ฮ่าๆๆ”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงจะได้เข้าสู่วัยทอง”
“จะไปรู้เหรอคะ” เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สายตามองโน่นมองนี่ไม่น่าไว้วางใจ
“ไปไกลๆ หน้าฉันเลยยายตัวแสบ”
“โหย... พี่เจตน์ไล่น้องนุ่ง เดี๋ยวจะฟ้องคุณป้า”
“นุ่งน่ะดีแล้วยายแสบ ถ้าไม่นุ่งฉันได้ฝันร้ายแน่ๆ”
“ว๊าย! ปากคอเราะรายนะคะพี่เจตน์ เห็นแบบนี้ถอดแล้วอึ๋มนะ”
“เหอะ! หลงตัวเอง” เขาเบะปากเสมองไปทางอื่น
“36 คับซีนะจะบอกให้”
“ผู้หญิงหน้าไม่อายมาบอกไซซ์หน้าอกให้ผู้ชายเขาฟัง” เขาทำเสียงดุ
“เปล่าค่ะพี่เจตน์ มันคือบราที่อัดแน่นไปด้วยฟองน้ำค่ะ 36 คับซี ฮ่าๆๆ”
“ยายเด็กบ๊อง ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว จะไปไหนก็ไป”
“พี่เจตน์ไปด้วยสิ” เธอเดินตามเขาไปที่รถ
“ไม่ต้องเสนอหน้าตามฉันมาเลยนะ” เขาทำเสียงดุใส่ คนตัวเล็กหน้างอ ปากยื่น
“จะไปด้วย” มินตรายังยืนกรานเสียงแข็ง ดื้อแพ่งกับพี่ชายร่วมโลก
“ไม่ให้ไป”
“กล้าหือกับหนูมินเหรอคะ นี่เลยๆ” เธอแย่งกุญแจรถจากมือของเขามาได้สำเร็จ ก่อนจะวิ่งหนี ในเมื่อเขาไม่ให้เธอไป เขาก็ไม่ต้องไปด้วยเหมือนกัน
“ยายเด็กแสบ เอากุญแจรถฉันมานี่เลยนะ” เจตน์วิ่งไล่จับยายตัวแสบที่ไวยิ่งกว่าปรอท สุดท้ายเขาคว้าน้ำเหลวเพราะหาเธอไม่เจอ
“อย่าให้เจอตัวนะ จะหวดก้นเสียให้เข็ด” เจตน์ได้แต่โมโห สุดท้ายเขาเข้าไปเอากุญแจรถสำรองมาใช้แทน เพราะไม่รู้ว่าเด็กแสบหายหัวไปไหนเสียแล้ว
มินตรายกมือขึ้นอุดปากไม่ให้ร้องออกมาเสียงดัง พี่ชายน่าแกล้งของเธอกระชากรถออกเต็มแรง แถมยังเบรกรถจนเธอหัวทิ่ม ต้องขดตัวซ่อนอยู่ท้ายรถแบบนี้มันเมื่อยไปหมดแล้ว
เอี๊ยด!!! เสียงเบรกรถดังขึ้นอีกครั้ง คนงานเลี้ยงม้าหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“โอ๊ย! ขับรถอะไรของพี่ หนูมินหัวโนไปหมดแล้ว” คนที่ทนไม่ไหวร้องเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ ขยับออกมาจากหลังรถที่ซ่อนตัวอยู่
“เอ้า.... หนูมินตามพี่มาด้วยเหรอครับ” เจตน์ถามด้วยใบหน้าเหลอหลา สีหน้าของเขาทำให้มินตราเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ
“สาบานว่าพี่เจตน์ไม่รู้ ว่าหนูมินอยู่ในรถ ถึงได้เบรถรถหัวทิ่มมาตลอดทาง”
“พี่ไม่รู้จริงๆ ไม่รู้อะไรเลย” เขายกมือขึ้นแบ สีหน้าแววตากวนบาทาสุดๆ
“ได้... กล้าหือกับหนูมินใช่ไหม” มินตรากระโจนเข้าใส่
“เฮ้ย! ยายเด็กบ้าทำอะไรของเธอ” คนงานหันมาดูกันใหญ่ พี่น้องเล่นกันเหมือนเด็กๆ มินตราจี้เอวพี่ชายร่วมโลกไม่หยุด ในขณะที่คนบ้าจี้เสียเปรียบถูกนั่งคร่อมเอาไว้ใต้ร่าง หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก