2
Chapter 2
รักษ์เป็นคนตรงเวลา ไม่แปลกหากนัดกับใครเอาไว้เขาจะมารอก่อนเวลาเสมอ หรือถ้าติดธุระอะไรมาไม่ได้เขาจะโทร. มาแจ้ง ไม่ทิ้งให้อีกฝ่ายต้องรอเก้อ เอื้องจันทร์รู้ข้อนี้ดี
“รอเอื้องนานไหม พอดีเพิ่งเคลียร์งานเสร็จน่ะ”
“ไม่นานนะ เราก็เพิ่งมาเหมือนกัน นี่ก็ก่อนเวลานัดอีก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นาฬิกาเรือนนี้เป็นเรือนที่เอื้องจันทร์ซื้อให้ตอนวันเกิด เขาใช้มาหลายปีแล้วและค่อนข้างหวงมาก ด้วยความที่เขามีเพื่อนน้อย ฐานะเป็นสิ่งสำคัญในเมืองใหญ่ แม้จะเรียนแค่มหาวิทยาลัยยังไม่ได้ทำงาน แต่สังคมในมหาวิทยาลัยก็แบ่งแยกชนชั้นรวยจนไม่แตกต่างกัน ด้วยความที่เขาจน จึงไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วยนัก มีแต่เอื้องจันทร์ที่ไม่เคยรังเกียจและดีกับเขาเสมอมา ในวันเกิดของเขา เขาจึงได้รับของขวัญจากเอื้องจันทร์ เอื้องจันทร์จึงถือว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ” เอื้องจันทร์บอกเพื่อนชาย เขาพยักหน้าทำท่าจะเดินก็ต้องชะงักเพราะโดนเรียกเอาไว้
“รักษ์”
“ครับ”
“ซ้อมเป็นแฟนกันก็ต้องควงแขนสิ” เธอพูดแล้วขยับไปกอดแขนของเขา รักษ์มีท่าทีขัดเขินเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษและไม่เคยล่วงเกินผู้หญิงคนไหนมาก่อน เขาน่ารักและนิสัยดีแบบนี้ไงเธอจึงอยากได้เขาเป็นแฟน เคยได้ยินมีคนพูดกันว่าผู้หญิงชอบคนเลว เธออาจจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบก็ได้ เพราะเธอชอบคนดีๆ แบบรักษ์ แม้เขาจะซื่อบื้อไปหน่อย แต่เขาก็เหมือนบิดาของเธอ ซื่อๆ ขยัน รักเมีย ไม่มีพิษมีภัยกับใคร อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ทำให้เราเสียใจ หรือพูดจาทำร้ายจิตใจเราแน่นอน
“เอื้องอยากกินอะไรเหรอ” เดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ เขาก็เอ่ยถามเธอขึ้นมา เอื้องจันทร์ทำให้เขารู้สึกเป็นกันเอง ไม่อึดอัดเพราะเธอไม่หัวสูง และรู้จัก ใช้เงิน ไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือกินหรู เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีเงินเลี้ยง จะว่าไปเธอค่อนข้างแฟร์ๆ เวลาไปรับประทานอะไรด้วยกันก็ช่วยกันแชร์ แม้ว่าเขาจะไม่เคยยอมให้เธอต้องจ่าย แต่เธอก็มีน้ำใจอยากช่วยจ่ายเสมอด้วยเหตุผลว่ากินด้วยก็ต้องช่วยกันจ่าย
“เราเลี้ยงนะ” รักษ์รีบพูดดักคอ
“รู้แล้วจ้ะ รักษ์เคยให้เอื้องช่วยจ่ายเสียที่ไหน ไม่เคยยอมให้จ่ายเอาเสียเลย เอื้องก็กิน แชร์กันแฟร์ๆ ดีนะ เอื้องไม่อยากเอาเปรียบรักษ์ รักษ์ทำงานเหนื่อยกว่าจะได้แต่ละบาท” จริงๆ เธอก็อยากลองใจเขาด้วย อยากช่วยเขาจ่ายด้วย มันปนๆ กันไปเพราะไม่อยากเอาเปรียบ แม้ว่ารักษ์จะไม่ได้ร่ำรวยพร้อมเปย์ใครเหมือนลูกผู้ดีมีเงินคนอื่นๆ แต่เขาก็มีน้ำใจกับเธอเสมอ การแย่งจ่ายเงินไม่ใช่เพราะเขาอยากอวดว่ามีเงิน แต่เพราะเขามีน้ำใจ
“อยากกินกวยจั๊บไก่ร้อนๆ ดีไหม” เธอเอ่ยถาม มีร้านกวยจั๊บไก่เจ้าประจำที่เธอชอบไปกินกับเขา
“จะดีเหรอ” เขาเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจ
“อะไรที่ว่าไม่ดีเหรอรักษ์” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย
“ก็ออกเดตกัน กินแค่กวยจั๊บไก่เหรอ นึกว่าจะกินอะไรแพงๆ ดีๆ กว่านี้”
เขาหมายถึงฤดีและคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยากกินอะไรหรูๆ กว่านี้หน่อย
“กวยจั๊บไม่ดีตรงไหน มันไม่เกี่ยวกันหรอกนะว่าการออกเดตต้องกินอะไรแพงๆ หรูๆ แค่กินอะไรที่เราอยากกินก็พอ จะบอกให้นะว่าฤดีก็ชอบกินกวยจั๊บไก่ร้านนี้เหมือนกัน” เธอพูดขำๆ โกหกเขาคำโต คนที่ชอบกินกวยจั๊บไก่ก็เธอนี่แหละ
“จริงเหรอ”
“ไม่เชื่อเราเหรอ เราเป็นเพื่อนรักของฤดีนะ”
“เชื่อสิ งั้นไปกินกวยจั๊บไก่กัน” เอื้องจันทร์อมยิ้ม เขายื่นหมวกกันน็อกให้หญิงสาว เธอรีบอ้อนให้เขาสวมให้ในทันที
“สวมให้หน่อยสิ เป็นแฟนกันต้องใส่ใจกันและกันเข้าใจไหม” คนพูดอมยิ้ม
“อ้อ... ครับ” เขายิ้มให้เธอก่อนจะช่วยสวมให้อย่างเบามือ เธออมยิ้มเมื่อเขาสวมหมวกกันน็อกให้ ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาอย่างมีความสุข เธอกอดเอวหนาของเขาเอาไว้ รักษ์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะปกติเธอก็ชอบกอดเอวของเขาเวลานั่งซ้อนท้ายอยู่แล้ว
กวยจั๊บไก่ร้านประจำกลิ่นหอมกรุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ เป็นร้านของป้ากับลุงคู่หนึ่งที่เป็นแค่รถเข็นคันเล็กๆ ที่ขายอยู่ข้างทางเท่านั้น
“กินกวยจั๊บไก่ร้านนี้รู้สึกเป็นตัวของตัวเองที่สุด” เขาพูดขึ้น
“ทำไมล่ะ”
“ถ้าไปกินร้านหรูๆ แพงๆ กลัวจะทำอะไรขายหน้าน่ะสิ” เธอหัวเราะคิกๆ
“ลองกันไหมล่ะ เดี๋ยวพาไปกิน ถ้าเอื้องอยากกินเราก็โอเคนะ” เขาไม่ขี้เหนียวกับการเลี้ยงเอื้องจันทร์ เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดี ตอนเรียนในมหาวิทยาลัย เธอกับเขาเคยมีเรียนวิชาเดียวกัน เขาทำงานหลายอย่าง หลายครั้งที่ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือดึกๆ ดื่นๆ เอื้องจันทร์ก็ช่วยสรุปหัวข้อต่างๆ ทำให้เขาอ่านได้เข้าใจง่ายขึ้น
“พรุ่งนี้วันหยุดไปดูหนังรอบดึกกันไหม”
“ก็ได้” เขายินดีตามที่เธอเสนอ
“เวลาพาแฟนไปกินอะไรก็ต้องเอาใจแฟนมากๆ นะ”
“เอาใจยังไงเหรอ” คนซื่อบื้อเอ่ยถาม
“เช่นถามว่าเพิ่มอีกชามไหม”
“กินเต็มที่เลยเราเลี้ยง”
“รักษ์นี่ใจดีจริงๆ เลย”
“เอื้องเป็นผู้หญิงน่ารัก”
“น่ารักยังไงเหรอ”
“ก็ไม่กลัวอ้วน เราเคยเห็นเพื่อนในห้องกินนิดหน่อยก็กลัวอ้วน”
“เราไม่กลัวอ้วนเพราะชอบออกกำลังกาย ยังเด็กเบิร์นนิดหน่อยก็รีดไขมันออกหมดแล้วละ”
“ดีจัง” เขายิ้มให้เธอ เขาว่ามันน่าอึดอัดและเป็นกังวลอยู่พอสมควรหากต้องพาแฟนไปกินอะไรอร่อยๆ แล้วกลัวอ้วน
“แล้วฤดีชอบกินอะไรอีก”
“เยอะแยะเลย เดี๋ยวจะพาไปกิน” คนคิดแผนการอมยิ้ม จะได้มีข้ออ้างชวนเขาไปรับประทานอาหารบ่อยๆ แม้ข้ออ้างนั้นจะเป็นฤดีไม่ใช่เธอ
ทั้งสองไปดูหนังรอบดึกด้วยกัน เธอจับมือของเขาเอาไว้ และพูดเสียงนุ่มว่า... “จับมือแฟนเอาไว้แบบนี้นะ” เธอยิ้มหวานให้เขา มองสบตากัน รักษ์รู้สึกจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ ปกติเขาไม่เคยมองเธอเกินคำว่าเพื่อน แต่พอมาอยู่ในลักษณะแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ มือของเธอนุ่มนิ่มอยู่ในอุ้งมือใหญ่ของเขา ในขณะที่มือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ
จริงๆ เขาก็เคยอยากจีบเอื้องจันทร์แต่ไม่กล้า เขาคิดว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เขาจึงไม่อยากเสียเพื่อนแบบเธอไป หากเป็นแฟนกัน ต้องเลิกกันไปเพราะเข้ากันไม่ได้ เขากลัวว่าจะได้ไม่คุยกับเธอ เห็นหน้าเธออีก และเขาจะเสียทั้งเพื่อนและเสียทั้งแฟน โดยเฉพาะเพื่อนดีๆ ที่หายากเหลือเกินในสังคมปัจจุบัน
“ตื่นเต้นเหรอ”
“เอ่อ... นิดหน่อย”
“นี่ขนาดแค่สมมุตินะ ถ้าได้เป็นแฟนกับฤดีจริงๆ ไม่ช็อกตายไปก่อนหรือไง” เธอพูดขำๆ
“อย่าแหย่เราสิ” รักษ์พูดอย่างเขินๆ
“ดูหนังเรื่องอะไรกันดี” เธอเอ่ยถาม
“แล้วแต่เอื้องเลย”
“ดีมาก ต้องตามใจแฟนรู้ไหม” เธอหยิกแก้มเขา รักษ์หน้าแดง ในขณะที่เธอบุ้ยใบ้ไปยังหนังรักโรแมนติก
“อยากดูเรื่องนี้จ้ะ”
“ครับ” รักษ์รีบจัดการซื้อตั๋วหนังสองที่นั่งทันที เขาเลือกที่นั่งด้านบนตรงกลางเพราะว่าจะได้ดูได้ชัดๆ
“เอื้องอยากกินอะไรระหว่างดูหนังไหม”
“กินสิ ทีหลังไม่ต้องถามแฟนนะ ซื้อได้เลยถ้าอยากซื้อ” เธอพูดขำๆ “เขาว่าตักบาตรอย่าถามพระ”
“อ้อ... เดี๋ยวเราจัดการให้” เขามีสีหน้าว่าเก้อเพราะไม่เคยเอาใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“แหย่เล่น ถามได้จ้ะ เผื่ออยากกินอะไรเป็นพิเศษ” เธอยิ้มขำคนซื่อๆ
“ครับ” รักษ์รับคำแล้วอมยิ้ม รีบไปซื้อเครื่องดื่มและข้าวโพดคั่วที่ทางโรงหนังขายให้ลูกค้าก่อนเข้าไปดูหนัง
เขาจะพาเธอเดินเข้าไปในโรง ก่อนดูหนังจะมีตัวอย่างของหนังเรื่องอื่นๆ ให้ดู ทั้งสองตื่นตาตื่นใจกับการดูตัวอย่างหนังเป็นอันมาก พร้อมๆ กับการนั่งกินข้าวโพดคั่วไปด้วย ก่อนหนังเรื่องที่ดูจะเริ่มฉายก็มีเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น ทุกคนลุกขึ้นก่อนจะเริ่มดูหนัง