#คุณแสนร้าย บทที่ 1 จะเอาแค่คนเดียว
อีกสิบนาทีสี่ทุ่มของคืนวันศุกร์
ก๊อก ๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากห้องนอนชั้นล่างที่อยู่ปีกขวาสุดในบ้าน ‘ อภิรมย์สราญ ’ ดังขึ้น ร่างของหญิงสาวผู้กำลังพนมมือสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ
“ หนูหนึ่ง หลับหรือยังลูก ” คนข้างในจำเสียงนั้นได้แม่น นั่นคือป้าละมุน แม่บ้านคนเก่าคนแก่ของที่นี่ จึงลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูเพื่อไถ่ถาม
“ ยังค่ะป้า แต่ก็ใกล้แล้วแหละ หนึ่งสวดมนต์อยู่ค่ะ ”
” พอดีคุณแสนสั่งมาว่าให้หนูหนึ่งเอากาแฟกับขนมไปให้ ” ดวงตากลมโตของหญิงสาวไหวระริกชั่วครู่ ก่อนถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ เพราะรู้มาว่าอีกฝ่ายจะไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างประเทศและจะอยู่เที่ยวต่อที่โน่นกับกลุ่มเพื่อนอีกสองสัปดาห์ แต่นี่พึ่งผ่านไปสัปดาห์เดียวเองนี่นา
“ คุณแสนกลับมาแล้วเหรอคะ ”
“ ใช่ พึ่งมาถึงเมื่อครู่นี่เอง พอดีเจ้าสีนวลมันหนีออกไปเที่ยวแล้วมาข่วนประตูเรียก ป้าก็เลยตื่น ” ป้าละมุนหมายถึงเจ้าแมวอ้วนสัตว์เลี้ยงคู่ใจ
“ เร็ว ๆ ด้วยนะ เห็นบอกว่าหิว ป้าบอกจะชงให้ก็ไม่เอานะ ใครชงกาแฟก็ไม่อร่อยเท่ารสมือหนูหนึ่ง จะเอาหนูหนึ่งแค่คนเดียว ” แก้มนวลของหญิงสาวร้อนผ่าวกับประโยคนั้น ‘ จะเอาหนูหนึ่งแค่คนเดียว ’ เธอรีบหลบตาคุณแม่บ้านทันที
“ ได้ค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจะรีบทำแล้วเอาขึ้นไป ”
“ จ้ะ งั้นป้าไปนอนนะ ”
“ ฝันดีนะคะป้า ”
หญิงกลางคนยิ้มรับก่อนจะเดินจากไป
ยี่สิบนาทีต่อมา
หนึ่งฤทัยหรือหนึ่ง ก็ไปยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ห้องหนึ่ง ในมือถือถาดที่บรรจุถ้วยกาแฟคั่วบดสดใหม่และขนมครอฟเฟิลกรอบ ๆ ราดคาราเมลหอม ๆ สองชิ้นแบบที่เขาชอบ
มือเล็กที่ยกขึ้นเคาะประตูห้องสั่นเล็กน้อย ๆ พร้อมกับเอ่ยคำขออนุญาต
ก๊อก ๆๆ
“ คุณแสนคะ ขออนุญาตเสิร์ฟกาแฟกับครอฟเฟิลค่ะ ”
“ เข้ามา ”
เธอสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงเข้มนั้น ก่อนจะยื่นมือไปเปิดประตูแล้วก้าวเข้าสู่ด้านในแล้วปิดมันลง
แอร์คอนดิชันเนอร์เย็นฉ่ำในห้องทำให้ขนบนตัวลุกเกรียว เพราะเจ้าของห้องเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ขี้ร้อน เขามักจะตั้งค่าความเย็นให้ต่ำกว่ายี่สิบองศาเสมอ
หากการที่หนึ่งฤทัยขนลุกขนพองขนาดนี้มันไม่ใช่เพียงเพราะความเย็นฉ่ำของบรรยากาศ แต่มันเกิดขึ้นเพราะคนที่นั่งรอขนมอยู่บนโซฟาในห้องนอนนั้นเปลือยเปล่า ไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
เขาคือ แสนสราญ อภิรมย์สราญ หรือคุณแสน ชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ด ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของบ้านนี้
ห้องนอนของเขากว้างใหญ่ มันใหญ่กว่าบ้านทั้งหลังของใครอีกหลายคน เขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่อยู่อีกฝั่งของห้องนอนบนโซฟาสีน้ำตาลหนานุ่ม สองแขนพาดไปบนพนักพิง สองขาอ้ากว้างเหยียดยาววางเท้าบนพื้นพรมนุ่ม เอนกายพิงพนักในท่าแสนสบาย แต่มีบางสิ่งที่มันไม่ได้ดูสบายไปด้วยเลย มันเหยียดยาว ครัดเครียด พุ่งโด่แทบจะขนานไปกับหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแน่นหนั่นหกลอนนั่นอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเห็นความเข้มแข็งกำยำสมบูรณ์แบบเช่นที่บุรุษเพศพึงมีนั่นกี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยชินเสียที กายสาวยังคงสั่นเทา หัวใจเต้นเร่าเหมือนกับครั้งแรกเสมอ
“ ทำไมคุณแสนกลับมาเร็วจังคะ ไหนบอกว่าจะไปสักครึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ” เธอชวนคุยกลบเกลื่อนความรู้สึกตื่นตัวจนมือสั่น
“ ฉันคิดถึงเธอจนทนไม่ไหวเลยต้องรีบกลับมา ”
“ เอ่อ... ” เธอชะงักค้าง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กับที่
“ วางของกินไว้ตรงนั้น ” เขาออกคำสั่ง บุ้ยใบ้ไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ที่อยู่อีกมุมในห้องนั้น
“ คุณแสนไม่ทานตอนนี้เหรอคะ เห็นป้าละมุนบอกว่าให้เร็ว ๆ เพราะคุณหิว ” เธอย้อนถามด้วยความสงสัย
“ อืม หิว แต่ไอ้ที่หิวน่ะไม่ใช่ขนมหรอก ” เขาก่อนจะลุกขึ้นแล้วสาวเท้าไปหา เธอรีบเดินไปวางอาหารที่เคาน์เตอร์ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเขาปล้ำถอดเอาเสื้อคลุมแขนยาวด้านนอกออก เมื่อพบว่าข้างในเป็นชุดนอนลายการ์ตูนอีกชั้นเขาก็มุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด
“ ทำไมสวมชุดนี้มาหาฉัน ไม่เจอกันไม่กี่วัน ความจำเสื่อมไปแล้วหรือไง ว่าเวลามาเสิร์ฟกาแฟต้องสวมชุดแบบไหน ”
เขาหมายถึงชุดนอนเดรสผ้าซาตินสายเดี่ยวที่ความยาวเลยแก้มก้นไปนิดเดียวแบบที่เขาชอบ ความนุ่มและพลิ้วบางของมันส่งให้คนสวมดูเย้ายวนเหลือเกิน ยิ่งคนสวมที่มีรูปร่างอวบอัดทรงนาฬิกาทรายเช่นเธอ ยิ่งเซ็กซี่เป็นบ้า
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตรง ๆ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปยังร่างกายของเขาที่มันมีผลกับหัวใจและปฏิกิริยาทางร่างกายของเธอเสมอ ก่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ ไม่ได้ลืมค่ะ แต่หนึ่งคิดว่าตอนนี้มันไม่สมควรแล้ว เพราะคุณแสนกำลังจะแต่งงาน ” คิ้วเข้มเหนือดวงตาดุดันเลิกขึ้น
“ แต่งงานอะไร ” น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกนั้นมันทำให้เธอหงุดหงิดที่เขาทำเหมือนเธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น
“ หนึ่งได้ยินมาว่า... ”
“ ไม่มีใครจะแต่งทั้งนั้น เพ้อเจ้อ ” เขาพูดตัดบท
หนึ่งฤทัยขอบตาร้อนผ่าว เธอได้ยินเต็มสองหูตอนที่ยกของว่างมาเสิร์ฟคุณสิริซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณแสนสราญในบ่ายเมื่อวาน ซึ่งท่านดื่มน้ำชากับเพื่อนร่วมก๊วนอีกสี่ห้าคน และพวกเขาคุยกับอย่างเป็นการเป็นงานกับการจับคู่หมายมั่นให้คุณแสนสราญแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนอีกคนซึ่งมีดีกรีปริญญาโทจากอังกฤษ และตอนนี้ทำงานบริษัทชั้นนำที่สวิตเซอร์แลนด์
มันไม่ใช่แค่การพูดคุยกันแบบสนุกสนาน แต่พวกท่านได้ทำการจองทริปที่มัลดีฟเรียบร้อย ได้ยินว่าคุณท่านโทรหาคุณแสนสราญที่บินไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างประเทศ และท่านว่าจะนัดให้เจอกันกับลูกสาวของเพื่อน และหนึ่งฤทัยได้ยินเต็มสองรูหูว่าคุณแสนตอบตกลง
เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่เขาควรจะบอก เพื่อเธอจะได้ทำตัวถูกว่าเมื่อไหร่ควรเลิกเป็น ‘ นางบำเรอ ’ ให้เขาแบบนี้
แล้วเขายังจะมีหน้ามาบอกว่าไม่มีอะไรได้ยังไงกัน !