3
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น เด็ก ๆ หันไปพร้อมกัน ก่อนจะส่งเสียงฮือฮา
“พี่ผู้ชายเมื่อวานที่ตลาด!”
“หล่อจังเลยครูฟ้า”
“พี่เขาเป็นแฟนครูฟ้าหรือเปล่า?”
ฟ้าใสชะงัก หน้าเริ่มร้อนขึ้นมาในทันที
“เงียบ ๆ เลย แก่แดดกันเสียจริง! นี่พี่ลมหนาว เขามาช่วยงานโรงเรียนเฉย ๆ จ้ะ” ฟ้าใสแก้ความเข้าใจผิด
ลมหนาวยิ้มกว้าง เดินเข้ามาพร้อมโบกมือ
“สวัสดีครับเด็ก ๆ”
“พี่ลม ๆ ครูฟ้าหน้าแดงเลย!” เด็กหญิงคนหนึ่งแซวขึ้นจนเพื่อน ๆ หัวเราะลั่น
“หน้าครูไม่ได้แดงนะ! อากาศมันร้อน!” ฟ้าใสรีบแก้ตัว หันไปหาลมหนาว แต่เขากลับยกมือป้องหน้าอย่างยอมแพ้พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้างั้นพี่ช่วยเด็ก ๆ ระบายสีได้ไหมครับครูฟ้า”
“ก็ตามใจสิคะ”
ลมหนาวพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงข้างเด็กชายตัวเล็ก ช่วยจับมือเด็กคนนั้นระบายสีให้เส้นไม่เกินกรอบ ฟ้าใสเหลือบมองภาพตรงหน้า ใจเธอแอบอ่อนลงอย่างห้ามไม่อยู่ เขาดูเป็นธรรมชาติกับเด็ก ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
ระหว่างที่ฟ้าใสเดินตรวจงาน เด็กหญิงตัวจิ๋วถือพู่กันเปื้อนสีวิ่งมาใกล้จนเกือบจะหกใส่เสื้อของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะทันร้อง ลมหนาวก็ยื่นมือมาดึงแขนเธอไว้ จนตัวเธอเซเข้าชนกับอกของเขาเต็มแรง
“ระวังนะครับครู ถ้าเปื้อนเสื้อจะซักยาก” เสียงทุ้มเอ่ยชิดริมหู
หัวใจของฟ้าใสเต้นแรง เธอดันตัวออกแล้วรีบปรับสีหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
“ทำไมถึงหน้าแดง” ลมหนาวพูดเบา ๆ คล้ายหยอกเย้า ฟ้าใสเบิกตากว้าง
“พูดอะไรคะ ฉัน ฉันเปล่าหน้าแดงเสียหน่อย” เธอยกมือขึ้นจับแก้มร้อนผ่าวของตัวเอง
เด็ก ๆ หัวเราะกันคิกคัก ครูมุกที่โผล่หน้ามาจากประตูห้องพอดี ยิ้มกว้าง
“โห… แค่วันแรกก็เข้าขากันดีนะคะ”
ลมหนาวยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมาด้วยท่าทีเก้อเขิน ในขณะที่ฟ้าใสเองก็หน้าแดงเช่นกัน
ชั่วโมงศิลปะวันนั้นผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะ เด็ก ๆ ได้โปสเตอร์สีสวย ส่วนลมหนาวได้รอยยิ้มเขิน ๆ ของครูฟ้าใสติดตาไปตลอดทั้งวัน
ค่ำวันนั้น ขณะเขานั่งซ่อมหน้าต่างบ้านเก่า ลมหนาวพลิกสมุดเล็ก ๆ ที่ใช้จดงานซ่อม เขาเผลอวาดภาพครูฟ้าใสในชุดครูศิลปะยืนยิ้มถือพู่กัน โดยไม่รู้ตัว
“ผู้หญิงอะไรยิ้มหวานชะมัด” เขานั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวขณะคิดถึงครูสาวน่ามนคนน่ารัก
เช้าวันถัดมา โรงเรียนบ้านสายลมยังเต็มไปด้วยเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่น ลมหนาวเดินเข้ามาพร้อมสมุดเล่มเล็กติดมือ คราวนี้ไม่ใช่แค่ช่วยเล่น ๆ แต่ครูมุกส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ช่วยจริงจังหน่อยนะคะ ซุ้มเด็กต้องมีโครงสร้างแล้ว!
ลมหนาวก้าวเข้าไปในห้องศิลปะ เห็นฟ้าใสกำลังยืนคุยกับเด็ก ๆ อยู่ เด็กชายสองสามคนกำลังเถียงกันเรื่องจะทำซุ้มแบบไหนดี
“ครูฟ้า หนูอยากได้ซุ้มเป็นบ้านไม้เล็ก ๆ ครับ!”
“ไม่เอา ๆ หนูอยากได้เป็นสะพานรุ้ง”
“เอ๊ะ! จะยังไงดีล่ะเนี่ย” ฟ้าใสยืนกอดอก ถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะเหลือบตาไปเห็นลมหนาวเดินเข้ามา
“อ้าว…พี่ลม วันนี้มาก่อนเวลานะคะ”
“ครับ ครูมุกสั่งให้มาช่วยจริงจัง เลยมาตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน” ลมหนาวยกสมุดขึ้นโชว์
“ผมลองสเก็ตช์แบบง่าย ๆ ไว้ เผื่อเด็ก ๆ จะเลือกได้”
เด็ก ๆ วิ่งเข้ามารุม
“ว้าว พี่ลมวาดสวยจังเลย!”
“อยากได้แบบนี้ครับครูฟ้า!”
ฟ้าใสมองสมุด สายตายอมรับแต่ปากแข็ง
“ก็พอใช้ได้ค่ะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ากับบรรยากาศงานวัดรึเปล่า”
“อ้าว แบบนี้เรียกว่าปากกับใจไม่ตรงนะครับ” ลมหนาวยิ้มมุมปาก
“ตาเป็นประกาย แต่ปากบอกเฉย ๆ”
ฟ้าใสชะงัก หน้าเริ่มแดง
“พี่ลมพูดมากจังเลยนะคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยรีบพูดแทรก
“ครูฟ้า พี่ลมแซวครูอีกแล้วค่ะ!”
เสียงหัวเราะดังทั่วห้อง ฟ้าใสทำหน้าเขิน
“เงียบ ๆ เดี๋ยวครูหักคะแนนหมดทั้งห้องเลย”
ลมหนาวรีบพูด
“ใจเย็นครับครู เด็ก ๆ แค่พูดความจริงเอง”
“ความจริงอะไรกัน!” ฟ้าใสหันมามองตาเขียว แต่เด็ก ๆ กลับยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม
“ครูฟ้า ๆ” เด็กชายอีกคนพูดเสียงดัง
“พี่ลมกับครูฟ้าน่ารักจังเลย”
ทั้งห้องเงียบวาบ ก่อนเสียงหัวเราะจะดังออกมา ฟ้าใสหน้าแดงจัด
“เลิกแซวได้แล้วเด็ก ๆ พี่ลมแค่มาช่วยงานเฉย ๆ”
ลมหนาวยกมือยอมแพ้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็แล้วแต่ครูจะบอกครับ แต่ถ้าเด็ก ๆ เข้าใจไปเอง พี่ก็ไม่กล้าห้ามนะ”
“พี่นี่มัน…” ฟ้าใสกัดปากแน่น
“อย่ามาพูดเล่นต่อหน้าลูกศิษย์ฉันได้มั้ยคะ” ครูมุกโผล่มาแซว
ประตูห้องศิลปะเปิด ครูมุกเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“โอ้โห…เสียงดังไปถึงห้องประชุมเลยค่ะ สนุกสนานกันใหญ่”
“ครูมุก!” ฟ้าใสรีบหันไปหาเพื่อนสนิท
“อย่าแซวกันสิ”
ครูมุกยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่แซวก็ได้”
ลมหนาวหัวเราะเบา ๆ ฟ้าใสถอนหายใจแรง
“เฮ้อ…เอาเถอะค่ะ จะทำอะไรก็รีบทำ เดี๋ยวซุ้มไม่เสร็จ” ระหว่างช่วยเด็ก ๆ ตัดไม้ไผ่ทำโครงซุ้ม ฟ้าใสพยายามยกท่อนใหญ่แต่ไม่ไหว ลมหนาวรีบเข้ามาช่วยจับปลายอีกด้าน
“เบา ๆ สิคะ เดี๋ยวไม้หลุดมือ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจับอยู่”
มือทั้งคู่แตะกันผ่านไม้ไผ่ ฟ้าใสรีบดึงมือหนีทันที
“ขะ…ขอบคุณค่ะ”
ลมหนาวหัวเราะเบา ๆ
“ครูฟ้านี่เก่งทุกอย่าง แต่ยังไงก็เป็นผู้หญิง จะยกไม้หนัก ๆ ได้ยังไงกัน”
“ก็ใช่น่ะสิคะ ผู้หญิงไม่เหมาะกับการใช้แรงงาน!” ฟ้าใสทำหน้าตึง แต่หูแดงจัด
“ดังนั้นต้องให้ผู้ชายช่วย ครูฟ้าต้องหาคนดูแลได้แล้ว” ประโยคของเขากินนัยความลึกซึ้งจนเธอหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู
ค่ำคืนของหมู่บ้านเต็มไปด้วยแสงไฟดวงเล็ก ๆ จากหลอดนีออนและสายไฟประดับ เสียงดนตรีหมอลำดังคลอ เสียงโฆษกบนเวทีประกาศเกมสนุก ๆ สลับกับเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ บรรยากาศงานวัดชวนให้ทุกคนเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ฟ้าใสสวมใส่ผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดตา กระโปรงครามพลิ้วในแสงไฟ เดินถือถุงขนมครกมาเจอครูมุกตรงทางเดิน
“งานวัดปีนี้คึกคักจริง ๆ เลยนะมุก”
ครูมุกหันมายิ้มกรุ้มกริ่ม
“คึกคักสิคะ โดยเฉพาะตรงโน้น” เธอพยักหน้าไปยังบูธเกมจับปลา ที่มีลมหนาวกำลังยืนถือกระชอนอยู่ในมือ
ฟ้าใสขมวดคิ้ว
“เขามาทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
