

2
บงกชเพชรรู้ว่าหากยังอยู่บ้านหลังนี้ก็จะโดนสามแม่ลูกกลั่นแกล้ง ดีไม่ดีอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ จึงขอคุณย่าแพรพิไลว่าอยากไปอยู่โรงเรียนประจำ คุณย่าแพรพิไลอนุญาต ส่งเธอไปอยู่โรงเรียนประจำตามที่ขอ ทำให้สามแม่ลูกไม่ได้กลั่นแกล้งหรือทำร้ายเธอได้ตามอำเภอใจอีก
เธอจะกลับมาที่นี่แค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น และจะคอยตามติดคุณย่าแพรพิไลอยู่ตลอด กินข้าวพร้อมท่าน นอนพร้อมท่านอยู่ในห้องของท่าน ไปงานเลี้ยงกับท่าน บีบนวด อ่านหนังสือ ฟังธรรมะ ไปทำบุญ ไปนั่งวิปัสสนาหรือทำอะไรก็จะตามติดท่านจนกว่าโรงเรียนจะเปิดเทอม
ในขณะที่เธอกับเขมนัทต์ไม่สนิทกันเหมือนก่อน อาจเพราะเขาไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปี และกลับมาก็ทำงานที่บริษัทของครอบครัว ในขณะที่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ความห่างเหินของเขาที่มีต่อเธอมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีในวัยเด็กอีกแล้ว เจอหน้ากันเขาก็ชอบพูดจาถากถางเธออยู่เสมอ เธอเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหนกัน
คุณย่าแพรพิไลกลับมาพอดี บงกชเพชรจึงรีบออกไปต้อนรับ ในขณะที่สามแม่ลูกหน้าดำคร่ำเคร่ง คิดจะเข้ามาฟ้องประมุขของบ้าน
“คุณแม่คะ นังบัวมัน!”
“คุณเฟื่องคะ พอดีบัวได้อัดคลิปเสียงสนุกๆ ของเราสี่คนเอาไว้ค่ะ คุณเฟื่องอยากฟังไหมคะ คุณย่าขาอยากฟังไหมคะ” บงกชเพชรชูโทรศัพท์มือขึ้นมาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
“มีอะไรรึแม่เฟื่อง แล้วนั่นทำไมผมเผ้ายุ่งเหยิงแบบนั้น ยังกะไปฟัดกับหมามา” แพรพิไลเอ่ยถามลูกสะใภ้ เฟื่องรัตน์ถึงกับสะดุ้ง หันไปมองหน้าของบงกชเพชร เห็นอีกฝ่ายหมุนโทรศัพท์ไปมาในมือ ก่อนจะยิ้มหน้าเป็นท่าทีขบขัน ก็รีบปฏิเสธในทันที
“ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่”
“หล่อนไม่มีอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะคุยธุระกับแม่บัวเขาหน่อย” แพรพิไลพูดกับลูกสะใภ้เสียงติดจะรำคาญนิด ๆ ทำให้เฟื่องรัตน์ต้องสะบัดหน้าเดินจากมาพร้อมกับลูกสาวทั้งสองที่หน้างอยิ่งกว่าม้าหมากรุก
“คุณแม่ เจ็บใจนัก นังบัวมันฤทธิ์เยอะเสียจริง ทำไมมันถึงร้ายแบบนี้คะ”
“แถมยังประจบคุณย่าไม่ยอมห่างอีก เจ็บใจจริง ๆ” สองพี่น้องได้แต่ฮึดฮัดขัดใจในขณะที่เฟื่องรัตน์ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ ถ้าไม่ติดว่าแม่ผัวยังอยู่เธอจัดการ
“อู้ย! เจ็บไปหมดเลย” เฟื่องรัตน์ครางออกมาเมื่อทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“หนูก็เจ็บค่ะคุณแม่ อู้ย ระบมไปหมดทั้งตัว นังบัวมันแสบจริง ๆ”
“แกสองคนมันไม่ได้เรื่อง มีมากกว่ามันยังให้มันมาทำร้ายเอาได้ อู้ย…” เฟื่องรัตน์พูดไปครางไปด้วยความเจ็บ
“แล้วคุณแม่ล่ะคะ ขนาดพวกเราสองคนล็อกตัวมันเอาไว้ให้คุณแม่ตบ คุณแม่ยังตบไม่โดนเลย” สามแม่ลูกโทษกันไปมา ก่อนจะให้สาวใช้มาช่วยทายาฟกช้ำให้
ทางด้านคุณย่าแพรพิไล มองว่าที่หลานสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มรู้ทัน ระคนไปด้วยความเอ็นดูเหลือล้น
“โดนรังแกอีกแล้วใช่ไหม” ไม่ใช่ว่าไม่รู้ความเป็นมาเป็นไปของบ้าน ถึงท่านจะแก่แล้วก็ตามที แต่หูตาท่านยิ่งกว่าสับปะรดเสียอีก
“หนูจัดการได้ค่ะ”
“อัดคลิปเอาไว้น่ะเหรอ”
“ไม่มีคลิปอะไรหรอกค่ะ หนูหลอกพวกเขาน่ะค่ะ” บงกชเพชรโชว์โทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะหัวเราะ ทำเอาคุณย่าแพรพิไลต้องหัวเราะตามไปด้วย
คนที่บอกให้เธอสู้ บอกให้เธอเข้มแข็งก็คือคุณย่าแพรพิไล บงกชเพชรจึงเข้มแข็งและไม่ยอมให้ใครมารังแกได้อีก
“เรานี่ก็แสบใช่เล่นเลย แต่ย่าชอบ”
“คุณย่าไปหาหมอมาเป็นยังไงบ้างคะ” บงกชเพชรเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ย่าน่ะแก่แล้ว เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ต้องคิดมากหรอก ดูทำหน้าเข้า” คุณย่าแพรพิไลเชยคางว่าที่หลานสะใภ้ขึ้นมาพิศมองก่อนจะยิ้มกว้าง
“ว่าที่หลานสะใภ้ของย่าสวยไม่มีที่ติจริง ๆ”
“แต่คนอื่นเขาไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิคะ”
“ใครรึที่ไม่คิด เจ้าหลานชายของย่าน่ะรึ” คุณย่าแพรพิไลหัวเราะเบา ๆ ที่ท่านเอ็นดูบงกชเพชรเพราะว่าบงกชเพชรเป็นหลานสาวคนเดียวของบัวบูชา เพื่อสนิทที่มีบุญคุณต่อท่าน ถ้าไม่มีบัวบูชาในวันนั้น ก็คงไม่มีท่านในวันนี้ ท่านคงจากโลกนี้ไปแล้ว หลังจากบัวบูชาสิ้น แพรพิไลก็สัญญากับเพื่อนว่าจะดูแลหลานสาวอีกฝ่ายให้ดีที่สุด เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการให้บงกชเพชรแต่งงานกับหลานชายของท่าน เพราะท่านมั่นใจว่าเขมนัทต์จะต้องดูแลหลานสาวของเพื่อนรักได้เป็นอย่างดี
และรู้ด้วยรู้ว่าบงกชเพชรไม่มีทางขัดใจท่าน ท่านจึงเอ่ยปากขอเรื่องการแต่งงาน แต่สำหรับเขมนัทต์นั้นท่านรู้แน่แก่ใจว่าหลานชายยิ่งกว่าเต็มใจแต่งงานกับบงกชเพชร
“ใครมองไม่เห็นความสวยน่ารักและแสนดีของเราไม่เป็นไร แต่ย่าเห็น” แพรพิไลหยิบเครื่องเพชรน้ำงามออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นส่งให้ว่าที่หลานสะใภ้
“เปิดดูสิ” สิ้นประโยคนั้น บงกชเพชรก็เปิดกล่องออกดูก่อนจะมองหน้าผู้มีพระคุณอย่างคาดไม่ถึง
“เครื่องเพชรชุดนี้สวยจังเลยค่ะ”
“ชอบไหมล่ะ ย่าให้เราเป็นของขวัญ”
“ให้หนูเหรอคะ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“รับขวัญว่าที่หลานสะใภ้ไง”
“แต่”
“ไม่มีแต่ ผู้ใหญ่ให้ของควรทำยังไงหึ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ชอบไหมล่ะ”
“ชอบค่ะ”
“ชอบก็ดีแล้ว เครื่องเพชรของย่ามีอีกหลายชุด ต่อไปต้องเป็นสมบัติของหนู”
“แต่คุณเฟื่องกับ...”
“เขาก็มีเยอะแล้วแม่เฟื่องกับลูกๆ น่ะ เราน่ะยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ต่อไปเวลาออกงานจะได้ไม่อายใคร หวังพึ่งพ่อหลานชายตัวดีของย่าก็คงไม่ได้เรื่อง”
“ใครไม่ได้เรื่องครับ” เขมนัทต์เอ่ยถามขณะโผล่เข้ามาแบบเงียบเชียบ
“มาก็ดีแล้วพ่อตัวดี ย่าจะให้เราน่ะพาบงกชเพชรไปลองชุดแต่งงานเสียหน่อย”
“ผมไม่ว่างครับคุณย่า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า บัวไปเองดีกว่า ไม่อยากรบกวนคุณนัทน่ะค่ะ”
“ผมเพิ่งนึกออกว่าวันนี้ว่างครับ เดี๋ยวผมพาบงกชเพชรไปดูชุดแต่งงานก็ได้ครับ” ประโยคของหลานชายทำให้คนเป็นย่าอมยิ้ม ในขณะที่บงกชเพชรมองเขาอย่างงุนงง เพิ่งปฏิเสธไปว่าไม่ว่าง จู่ ๆ ก็มาบอกว่าว่างเสียอย่างนั้น
“งั้นก็ไปเถอะ วันงานหลานของย่าทั้งสองคนจะได้เป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่สวยสมกัน”
บงกชเพชรจำต้องเดินตามเขมนัทต์มาที่รถ แต่ก่อนถึงรถเธอก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าคุณนัทไม่สะดวกเราแยกกันไปก็ได้นะคะ”
“ทำไม การนั่งรถกับฉันมันทรมานมากหรือไง”
“คนที่ทรมานและอึดอัดน่าจะเป็นคุณนัทมากกว่านะคะ”
“หรือมีหนุ่มหน้าไหนมารอรับเธออยู่ เธอถึงไม่อยากไปกับฉัน” เขาคว้าข้อมือของเธอ ก่อนจะจับเธอยัดเข้าไปในรถ
