2
Chapter 2
ปราชญ์ขยับถอยห่าง ไม่ได้มีท่าทีกระชากหรือถอยหนีแรงๆ แต่ก็ไม่ปรารถนาให้เธอเข้าใกล้
อาการขมคอ... เข้ามาจุกอยู่ที่คอหอย
ขมปร่าจนแทบกลืนน้ำลายไม่ลง...
น้ำเพชรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มองร่างสูงที่เดินไปแต่งตัว หน้ากระจกด้วยสายตาเจ็บปวด
“อาปราชญ์จะไปกี่วันคะ” เธอเดินมาส่งเขาที่รถ สายตาละห้อย ในอดีตเธอคือเด็กแสบ แต่หลังจากนับดาวตาย ก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนผิดบาป เธอไม่ได้อยากให้หล่อนตาย สาบานว่าเธอไม่ได้อยากให้หล่อนตายจริงๆ
“ก็บอกว่าหลายวัน” เขายังมีแก่ใจหันมาตอบ น้ำเพชรเม้มปากเข้าหากัน เธอรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากจะตอบนักหรอก
“อยู่บ้านอย่าหนีเที่ยวอีกล่ะ” เขามองเธอด้วยสายตาคมดุ
“ค่ะ” คนรับคำก้มหน้า เม้มปากเล็กน้อย ตั้งแต่นับดาวตาย เธอก็ไม่กล้าเถียงอะไรปราชญ์อีก ทั้งๆ ที่ในอดีตเธอทั้งเถียงทั้งแหย่ ทั้งแกล้ง คนไหนที่ ไม่ชอบขี้หน้า เธอจะไม่ทนให้มาพูดจาไม่ดี กดขี่ข่มเหงเด็ดขาด แม้แต่ปราชญ์เองก็เถอะ แต่กระนั้นเธอก็ยอมลงให้เขาคนเดียว
น้ำเพชรโผเข้ากอดปราชญ์ เธอใจกล้าโน้มคอเขาเข้ามาหา ก่อนจะหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
ชายหนุ่มดูอึ้งไป ดวงตาดุวับเหมือนไม่ชอบให้เธอทำแบบนั้น
น้ำเพชรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เรียกง่ายๆ ว่าเธอทำเป็นนิ่งเฉยเสีย ไม่สนใจดวงตาดุๆ คู่นั้น
ไหนๆ เขาก็หาว่าเธอชอบอ่อย บ้าผู้ชายอยู่แล้วนี่นา
น้ำเพชรยืนมองท้ายรถของคุณอาหนุ่มไปอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
เธอยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง เพราะเรียนจบก็ยังไม่รู้จะทำงาน อะไรดี จะเข้าไปทำงานที่บริษัทของปราชญ์ ก็รู้สึกว่าเป็นการใช้เส้นสายเข้าไป กลัวถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น
จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกว่าใครจะมองยังไง เธอไม่แคร์
แต่หลังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่เธอเป็นสาเหตุทำให้คนรักของปราชญ์ตาย เธอก็เริ่มแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเอามากๆ เพราะกลัวจะไปทำให้ใคร มีอันตรายถึงชีวิตอีก
น้ำเพชรนั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์แล้วมือสั่น สังคมออนไลน์และโลกโซเชียลในเวลานี้เป็นที่นิยมกว่าหนังสือตีพิมพ์เสียอีก เพราะมันฉับไวไม่ตกข่าว ถ่ายรูปก็ลงข่าวได้เลย
ปราชญ์กำลังคลอเคลียกับผู้หญิงอื่น เขาไปทำงานต่างจังหวัดหรือ จะไปที่ไหนบนโลกใบนี้ เขาก็ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ในขณะที่เขาไม่เคยพาเธอไปเปิดตัว ออกงานสังคมหรือแนะนำให้ใครได้รู้จัก
เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่คอยเฝ้าบ้านรอเขา เพื่อนฝูงหายหมดเพราะปราชญ์ไม่อนุญาตให้คบเพื่อนที่ชอบชวนเธอออกเที่ยวหรือสังสรรค์ เขาให้ลูกน้องไปหิ้วเธอกลับมากักขังเอาไว้ที่บ้านเป็นนางบำเรอของเขา
เด็กสาวกำโทรศัพท์แน่น อยากจะเขวี้ยงทิ้ง แต่เธอระงับใจเอาไว้ เขาไม่ได้ให้เงินเธอใช้จ่ายเหมือนบิดามารดา เธอไม่ได้มีเงินมากมายที่จะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่แคร์และหาซื้อเครื่องใหม่โดยไม่รู้สึกรู้สมกับอะไร
เงินที่ได้ทุกบาททุกสตางค์คือเงินค่าตัว ถ้าเธอยั่วเขาไม่ได้ ก็จะไม่มีเงินใช้ เขาเคยพูดกรอกหูบ่อยๆ
แรกๆ เธออยากท้าทายทำให้เขาติดอกติดใจในรสสวาท แต่หลังๆ เธอเริ่มเบื่อหน่าย คิดถึงเพื่อน คิดถึงช่วงชีวิตสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอเรียนจบก็เหมือนชีวิตจบกับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างด้วยเช่นกัน
อยากออกไปเที่ยว อยากออกไปหาเพื่อน แค่เดินออกไปจากบ้านลูกน้องของปราชญ์ก็ดักหน้าดักหลังอยู่เต็มไปหมด แทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้
น้ำเพชรถอนใจเฮือกใหญ่ ทำไมต้องทนด้วยล่ะ เขาจะคิดยังไงมันก็ เรื่องของเขา
เธอไม่ได้อยากให้นับดาวตายเสียหน่อย ทะเลาะกับยายนั่นทุกครั้งเธอก็เอ่ยปากอยากให้หล่อนหายไปจากโลกนี้ แต่จริงๆ เพราะอารมณ์โมโหเท่านั้น คนอย่างเธอนี่นะ จะมีหน้าไปฆ่าใครตาย หรืออยากให้ใครตาย เธอไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้น ในเมื่อเขามีความสุขได้ แล้วจะกักขังเธอเอาไว้ทำไม ความเป็นตัวของตัวเองกลับมาอีกครั้ง
เธอจะไม่ทนอีกแล้ว!!!
น้ำเพชรขยำกระดาษปาเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดโมโหที่เกิดขึ้น
“คุณน้ำเพชรจะไปไหนเหรอครับ”
“จะออกไปข้างนอก”
“แต่คุณปราชญ์สั่งเอาไว้ว่าไม่ให้คุณน้ำเพชรออกไปไหนนี่ครับ”
“ฉันจะไปแล้วใครจะทำไม” เธอมองอย่างเอาเรื่อง ลูกน้องของปราชญ์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครกล้าหือกับน้ำเพชรจริงๆ จังๆ
“แต่คุณน้ำเพชรครับ”
“กล้าถูกเนื้อต้องตัวฉันเหรอ”
ลูกน้องหลายคนสะดุ้งอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ถอยห่างอย่างมีมารยาท เนื่องจากรู้สถานะของหญิงสาวดี
“ฉันจะไปข้างนอก อยู่ในบ้านมันเบื่อ เข้าใจว่าอาปราชญ์สั่งเอาไว้ พวกนายคงเดือดร้อนถ้าฉันหายออกไปจากบ้าน ถ้าจะตามไป ฉันก็ไม่ว่านะ”
คำพูดของน้ำเพชรทำให้หลายคนมองหน้ากัน สุดท้ายต้องขับรถไปส่งน้ำเพชรอยู่ดี เพราะถ้าให้นั่งรถแท็กซี่ไปเอง กลัวจะเกิดอันตรายได้ ปราชญ์เคยสั่งเอาไว้ว่าต้องดูแลอย่าให้คลาดสายตา
แม้ภายนอกปราชญ์จะแสดงออกว่าน้ำเพชรคือตัวปัญหาในชีวิตแต่แท้ที่จริงแล้ว ความห่วงใยที่ปราชญ์มีให้เด็กสาวนั้นทุกคนรู้ดี
น้ำเพชรรู้สึกดีใจที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่ในบ้านมันช่างอุดอู้ เธอทนเป็นยายสนิมสร้อยไม่นานก็ตบะแตก รู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนเรียบร้อย อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนอย่างที่ปราชญ์ต้องการ
เธอไม่ใช่นับดาว หญิงสาวแสนเรียบร้อยแต่โกหกเป็นไฟ คนเรียบร้อยแบบนั้นมีแต่คนสงสารเห็นใจ และเชื่อคำพูด ในขณะที่เธอไม่มีใครเชื่อถือ หาว่าร้าย หาว่าแรง
น้ำเพชรเห็นเพื่อนรักก็ดีใจ ยิ้มกว้างทันที อีกฝ่ายรีบกวักมือเรียกทันที
“โคตรดีใจเลยที่เจอแก หายหน้าหายตาไปเลย” วรัญญาทักเพื่อนสาวด้วยความดีใจ ตั้งแต่น้ำเพชรเรียนจบ ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“อาปราชญ์ไม่ชอบให้ออกไปข้างนอกน่ะ” น้ำเพชรตอบอย่างเซ็งๆ มันยังมีเรื่องเซ็งมากกว่านั้นอีก แต่เธอไม่อยากเอ่ยถึง
“คนพวกนั้นลูกน้องอาปราชญ์เหรอ”
“อือ... เบื่อมากๆ ตามอยู่ได้ จริงๆ ไม่ยอมให้ฉันออกมาข้างนอก หรอกนะ แต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
“อาปราชญ์ยังโกรธแกเรื่องแม่นับดาวอะไรนั่นอยู่อีกเหรอ”
“ใช่ เขาคงเสียใจ ฉันเข้าใจเขานะ” เรื่องนี้วรัญญารู้ดีเพราะสนิทกัน น้ำเพชรเล่าให้เพื่อนฟัง แม้แต่ความสัมพันธ์ของตนกับปราชญ์ก็เช่นกัน
“ตายแล้ว! ยังไม่เลิกจองเวรจองกรรมกันอีก” วรัญญาบ่นอุบ ปากยื่นหน้าบูดบึ้ง โกรธแทนเพื่อนรัก
“สงสัยต้องไปทำบุญให้เยอะๆ จะได้ไปผุดไปเกิดเสียที”
“เอาไหม ฉันพาไปทำบุญกรวดน้ำคว่ำขันให้ซะเลย”
“ช่างเถอะ”
“แกไม่สบายใจเรื่องอาปราชญ์เหรอ” วรัญญานึกเป็นห่วงเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของเพื่อนรัก เมื่อก่อนน้ำเพชรไม่ได้เป็นแบบนี้ บิดามารดาของเพื่อนเสียชีวิตเมื่อเพื่อนอายุได้ยี่สิบปี หลังจากนั้นเพื่อนของเธอก็อยู่ใน การดูแลของปราชญ์จนเรียนจบ
“นิดหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้วล่ะ หน้าตาแกดูไม่ดีเลย ปกติแกไม่เป็นแบบนี้นี่นา”
วรัญญาพูดตามที่เห็น ปกติเพื่อนเป็นคนร่าเริงสดใส แม้จะนิสัยแรงๆ ตรงๆ ก็เถอะ แต่เป็นคนจริงใจ ไม่ดัดจริตไม่เฟค มีอะไรก็พูดกันตรงๆ
“สงสัยฉันจะรักเขามากไป”
“ตัดใจไม่ได้ก็ทำให้เขารักตอบแกสิ”
“เขาไม่รักฉันหรอก เขารักแม่นับดาวอะไรนั่น”
“พยายามหรือยังล่ะ”
“พยายามแล้ว ทนทำดีทุกอย่าง เขายังไม่สนใจไม่เห็นคุณค่าเลย”
“งั้น... ขอคิดก่อน” วรัญญาเคาะนิ้วไปมาบนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มกว้างขวาง
“แกคิดออกแล้วเหรอ”
“แต่แกต้องร่วมมือด้วยนะ” วรัญญาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ น้ำเพชรมองเพื่อนอย่างสนใจทันที
“ทำยังไงเหรอ ไม่เอาแผลงๆ นะ อาปราชญ์ยิ่งไม่โอเคกับฉันอยู่ด้วย”