บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

ฉันอดใจเต้นตุบๆ ขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะทำในคืนนี้ ฉันต้องกล้าสิ! มินนี่ หล่อนผ่านจูบแรกมาแล้วนะ หล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาแล้วนะยะ แค่นี้จะเป็นอะไรไปเล่า

แม้จะร้องบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ขามันก็ดันสั่นนิดๆ อะห้า...แล้วฉันก็พอจะคิดออกว่าควรจะทำอย่างไรให้ตัวเองใจกล้าดี ฉันค่อยๆ ลงมาชั้นล่าง บ้านนี้มีห้องเก็บไวน์อยู่และลุงพีร์ก็โปรดปรานเครื่องดื่มชนิดนี้ ฉันแอบฉกมาดื่มสักขวดคงจะไม่เป็นอะไรนะ

ฉันบอกว่าจะเลิกดื่มเบียร์นี่นา

อันนี้ไวน์นะคะลุงพีร์

ฉันไต่บันไดลงไปยังห้องใต้ดินที่เป็นห้องเก็บไวน์ และฉกมันมาขวดหนึ่ง เลือกขวดที่...อ่านดูแล้วยังไม่เก่าแก่มากนัก คงไม่ใช่ของโปรดของลุงพีร์หรอกน่า ไวน์พวกนี้บางทีแพงจนฉันขนลุก เพราะไม่ได้โปรดปรานอะไรกับเครื่องดื่มชนิดนี้นัก มันก็ฝาดๆ เปรี้ยวนิดๆ เฝื่อนหน่อยๆ เหมือนกันทั้งนั้นล่ะ

ขอโทษสำหรับคนที่รักไวน์ทุกคน

แต่มินนี่ไม่ชอบจริงๆ นี่นา

หมดไวน์ไปแล้วหนึ่งขวด ฉันก็เดินไปฉี่แล้วก็จะขึ้นห้องนอนสิ เพราะชักจะมึนๆ เอ๊ะๆ นี่ฉันลืมอะไรไปหรือเปล่าหว่า

อ้อ...

ฉันจะบุกห้องและปล้ำลุงพีร์นี่ ลืมไปได้ยังไงกันนะ

ฉันมีกุญแจห้องเขาด้วยล่ะค่า คริ คริ คริ

ฉันย่องไปที่ห้องของลุงพีร์ ยังกับตีนแมวประสงค์ทรัพย์ และแน่นอนทรัพย์ที่ฉันประสงค์ โฮะๆๆๆ มันหาได้ใช่เงินทองอะไรไม่

มันคือ...

ของลุงพีร์นั่นล่ะค่ะ

คริ คริ คริ

นี่ฉันเมาใช่ไหมเนี่ย?

เดินเซไปนิดๆ ลองหมุนลูกบิดดู อะห้า...ลุงพีร์คงไม่รู้สินะว่าตัวเองกำลังถูกกลายเป็นทรัพย์ที่ฉันประสงค์ร้าย เสร็จ เสร็จมินนี่แน่ๆ

ฉันเปิดห้องเข้าไป

ยิ้มกริ่ม...

ตานี่เยิ้มเลยล่ะค่ะ

เอื๊อกกกกก

ฉันเผลอ...เรอ เอื๊อกใหญ่จนต้องเอามือปิดปาก

ก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดนอนที่เลือกเฟ้นแล้วว่า มันจะต้องกลายเป็นชุดนอนไม่ได้นอนแน่ๆ ใจกล้าถึงขนาดไม่ใส่เสื้อชั้นในกันล่ะ อิอิอิ ผ้าซาตินแนบไปกับรูปร่างของฉัน และสั้นจู๋มาก ขนาดดูตัวเองในกระจก ฉันยังรู้สึกว่าถ้าเป็นผู้ชายเห็นตัวเองในสภาพนี่ล่ะก็ ต้องมีเสร็จแน่นอนล่ะ โฮะๆๆๆ

ฉันเดินเซน้อยๆ ไปที่เตียงที่ลุงพีร์นอนหลับสนิทอยู่

เสร็จฉันแน่ๆ ค่ะลุงพีร์

ฉันสะดุดตรงปลายเตียงและหัวคะมำลงไปบนเตียงนุ่มของเขา มือไขว่คว้าเขาไว้ ฉันกอดรัดเขาทันที และ...

....

........................................................................................................................................................................................

กลิ่นอาหารหอมฟุ้งได้กลิ่นมาจนถึงจมูกของฉัน ทำให้ฉันสูดจมูกฟุตฟิต แล้วงัวเงียลุกขึ้นนั่ง พลางหยีตาแล้วต้องร้องโอย

ปวดหัว

ปวดหัวหนักมาก!!

ขณะที่นั่งกุมหัวเพราะมึนๆ อยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนเรียกฉันดังมาจากชั้นล่าง

“มินนี่ มินนี่ ตื่นได้แล้ว อาบน้ำ แต่งตัว ลงมากินข้าว เราจะไปโรงเรียนกัน”

เสียงตะโกนแบบออกคำสั่งนั้นดังลั่นจนฉันสะดุ้ง แล้วต้องวิ่งลนลานไปทำตามคำสั่งของเสียงนั้นโดยอัตโนมัติ

และแล้วฉันก็ไปนั่งหน้าแฉล้ม ตาปรืออยู่ที่โต๊ะอาหาร ลงไปได้ยังไง ก็ไม่รู้ได้ มันทำตามอัตโนมัติเพราะตกใจจริงๆ นั่นแหละค่ะ

“เอ้า แซนวิช ไส้กรอกทอด แพนเค้ก แล้วก็น้ำส้ม ลุงทำแค่นี้ให้เราก็แล้วกัน อิ่มนะ...นี่อาหารกลางวัน ลุงทำใส่กล่องไว้ให้แล้ว มินนี่ไปเรียนเองนะ ลุงต้องรีบไปที่ฟาร์มแต่เช้า เอ็ดกำลังมีปัญหา”

“ค่ะ”

ฉันกะพริบตาปริบๆ แล้วมองหน้าคนพูด เขายิ้มส่งให้ฉัน นี่เมื่อคืนฉันละเมอ? หรือฝัน? หรือว่าอะไรกันนะ ฉันฝันว่าไปดื่มไวน์ เมาแประ แล้วตั้งใจจะปล้ำลุงพีร์ ลักหลับเขา แล้ว...ทำไมกลับเป็นฉันที่หลับไปเลย?

เอ๊ะ...

อะไร ยังไงกันนะ

“กินเข้า...ลุงไปล่ะ รถโรงเรียนจะมารับอีกครึ่งชั่วโมง”

เขายัดแซนวิชใส่มือฉัน ฉันเพิ่งได้มองว่าเขาแต่งตัวเหมือนคนเตรียมพร้อมจะไปทำงานในฟาร์ม ด้วยชุดแบบคล้ายๆ กับที่ฉันจำได้ว่าเขามักจะสวมแบบนี้ออกทำงานเสมอ

โอ้โห...

เขาสวมเสื้อยีนสีซีดพอดีตัว ปลดกระดุมลงต่ำ กางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าบูทหนังอ่อน ทำให้เขาดูเป็นชายชาตรีไปทั้งตัว เขามัดผมไว้ด้วยเชือกมัดผมสีดำ หน้าตาของเขาไม่ได้โกนหนวดใช่ไหม? เคราถึงได้ขึ้นครึ้มขนาดนั้น

ผีเสื้อบินพึ่บพั่บไปหมดแล้วในตัวฉัน

เหมือนสติมาแล้วเต็มที่ ตอนที่เขาเอื้อมมือมาขยี้ผมฉัน ลุงพีร์หยิบหมวก แล้วเปิดประตูห้องครัว ก่อนจะเดินก้าวอาดๆ ออกไป ทิ้งให้ฉันนั่งอ้าปากหวอ มือหนึ่งถือแซนวิช รู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่น้ำลายไหลออกมานั่นล่ะค่ะ

อูย...

เสียงบีบแตรเบาๆ นั่นบอกฉันว่ารถโรงเรียนมาแล้ว ฉันคว้ากล่องอาหารกลางวัน และวิ่งจี๋ขึ้นไปยังรถคันนั้น ปวดหัวตุบๆ อยู่นิดๆ แต่พอจะมีสติสตังกลับคืนมาแล้วเรียบร้อย และกำลังไร่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่

เอ...

เมื่อคืนฉันเจตนาร้ายเข้าไปจะลักหลับเขาจริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่ดัน...แหะๆ ฉันดันหลับ...ฮือๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ล่ะว่าอะไรเป็นอะไร รู้แต่ว่าตื่นมาบนเตียงของลุงพีร์ นอนกอดหมอดข้างแน่นเลย แถมมานอนที่ปลายเตียงต่างหาก ฉันวิ่งไปแต่งตัว จำไม่ได้ว่าดึงอะไรมาใส่กับอะไร เพิ่งก้มลงมองตัวเอง...ก็ตอนนี้

เอ่อ...

ฉันหยิบเสื้อที่สกรีนคำว่า 100% fuck you สีเขียวสะท้อนแสง กระโปรงยีนสั้นจู๋เหนือเข่า รองเท้าผ้าใบของฉันเอ่อ...มันเป็นคนล่ะสี รองเท้าคนล่ะสี! ช่างมันเค้าอาจจะมองว่าเป็นเทรนใหม่ เสื้อฉันสะดุดตากว่าอยู่ล่ะ

ฉันไม่ได้หวีผมเพราะรีบ หน้าไม่ได้แต่งอะไรสักนิด แม้กระทั่งลิปมัน ฉันเคยออกจากบ้านตอนไม่แต่งหน้านี่ตอนไหนกันนะครั้งสุดท้าย? ให้อภัยฉันหน่อยก็แล้วกันนะคะ ก็ฉันแก่เกินวัยมาตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบนี่นา แถมยังถูกลากไปเป็นดาราเด็ก แน่นอนว่า ก่อนจะออกบ้าน ฉันจะต้องมีสไตล์ลิสมาดูแลผมหน้า และลุ๊คให้ เพื่อเวลาที่เป็นข่าวจะได้ดูดีตลอดเวลา ตามคำบงการของแอลลี่นั่นแหละค่ะ ฉันเลยติดที่จะต้องสวยกิ๊กก่อนไปไหนต่อไหนมาตั้งแต่อายุ 12 จนมาถึงอายุ 16 สี่ปีเลยนะนั่น ก็นานพอที่จะทำให้ฉันเคยชิน ที่จะหยิบแป้งพัฟมาทา ลิปมันมาใช้ ทิ้นเล็กน้อยป้ายแก้มให้ดูระเรื่อมีสุขภาพดี มาสคาร่าอีกหน่อย ปัดคิ้วให้เป็นทรงอีกนิด แต้มสีน้ำตาลอ่อนๆ บนเปลือกตา คุณๆ ผู้ชายไม่รู้หรอกค่ะว่า วันๆ สาวๆ อย่างเราวุ่นวายขนาดไหนกัน

เสื้อมีเป็นสิบตัว ทำไมต้องหยิบอีเสื้อบ้าตัวนี้มาด้วยนะเรา

มันสายเกินไปที่จะไปเปลี่ยน นอกจากยืดอกอย่างผึ่งผาย และ Fuck you!!

ฉันเป็นเด็กนรกที่ไม่แคร์โลกนี่คะ

แค่นี้จะเป็นอะไรไปกัน

แล้วเสื้อตัวนี้ฉันไปเอามาจากไหนกันนะเนี่ย

ฉันอยากจะฆ่าคนให้เสียจริงๆ ตอนนี้

เฮ้อ...

เป็นการเปิดตัวไปเรียนวันแรกได้ไม่เด่นเลยสิน่า มารีอา

ไม่เด่นเลยจริงๆ ฮือๆ

แล้วฉันก็ได้ฉายาในวันนั้นเลยว่า

อีสาว 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ

ฉะนั้นตอนเย็น ฉันที่กรำเรื่องเรียน เรื่องสายตาของใครต่อใคร เรื่องอีเสื้อฟักๆ นี่มาทั้งวัน ก็ค่อนข้างจะเพลียหนักมาก ไม่รู้มาก่อนเลยว่าการไปเรียนวันแรกมันจะกดดันมากขนาดนี้ ฉันแทบจะคลานขึ้นห้องของตัวเอง ไม่มีอารมณ์จะมาทำอาหารเย็นต้อนรับลุงพีร์ จริงๆ คิดจะทำนะคะ แต่ว่ามันดันหลับกลางอากาศไปเสียอย่างนั้น งัวเงียตื่นมาอีกทีก็เกือบทุ่มล่ะ ลุงพีร์กลับมาพอดี เขาตะโกนเรียกฉัน พร้อมกับกลิ่นอาหารหอมฟุ้งตามเคย

นังมินนี่ ไหนบอกว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมสำหรับเขายังไงกันล่ะยะ

แอบบ่นตัวเอง แล้วเดินงัวเงียลงมาหาเขา เขายิ้มเมื่อมองเสื้อของฉัน ไอ้เสื้อบ้า! ฉันจะเอาแกไปเผาทิ้ง!

“เมื่อเช้าลุงไม่ได้ดูตอนที่มินนี่ใส่เสื้อตัวนี้ นี่ใส่ไปโรงเรียนจริงๆ หรือนั่นน่ะ ไปได้มาจากไหนกัน ทั้งสี ทั้งคำ อื้อหือ”

“ได้มาจาก...จาก...จำไม่ได้หรอกค่ะ แต่มันแซ่บดีก็เลยใส่ไปวันแรกเสียเลย เด่นดีค่ะ”

นั่น เพิ่มความเป็นสาว bitch ไปอี๊กกก ไหนว่าจะเป็น good girl ยังไงล่ะยะ ยัยมินนี่ ฮือ

“ลุงชอบนะ”

เขาว่าแล้วอมยิ้ม หัวเราะด้วย เอาสิ ชอบใช่ไหมคะ เห้อ...จะได้ใส่บ่อยๆ ไม่สิ ฉันจะเผามันทิ้ง ฉันจะต้องเป็นสาวดีเลิศที่เหมาะกับลุงพีร์นะไม่ใช่เป็นอีสาววายร้ายแบบนี้

“มินนี่คงจะใส่แค่วันเดียวนั่นแหละค่ะ” ฉันบ่น ลุงพีร์ตักกับข้าวให้ฉัน เขาทำอาหารให้ฉันกิน แทนที่ฉันควรจะเป็นคนทำ

เฮ้อ...

กลุ้มกับตัวเอง

แต่ก็อร่อยจัง

ไข่เจียวหมูสับ ใส่น้ำปลาด้วยสินะ ถึงได้หอมนิดๆ เครื่องปรุงรสของคนไทยนี่ มีกลิ่นนิดๆ คนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย เพราะบางอย่างมันคาว บางอย่างก็เหม็น เหม็นแบบ...โอย...เกือบจะตาย อย่างกะปิ ที่ฉันไม่ชอบเอามากตอนแรก แต่พอกินเข้าไป ทำไมมันอร่อยแบบนี้กันนะ ดีเหมือนกันที่ปิดเทอม ฉันจะได้ไปเที่ยวเมืองไทยสักที อยากไปสตรีทฟู้ดไทยแลนด์ อาหารอร่อยๆ เพียบเลย จินตนาการไว้น่ะค่ะ ว่าต้องอร่อยแน่ๆ เคยไปไหนที่ไหนกันฉันน่ะ ไปก็ไปทำงาน ไม่เคยได้เที่ยวได้สนุกกับคนอื่นเค้าเท่าไหร่หรอกค่ะ วัยเด็กที่มีความสุขที่สุด ก็คือการได้อยู่กับลุงพีร์ที่ฟาร์มของเขานั่นแหละค่ะ

“อร่อยจัง” ฉันพึมพำ แล้วทำหน้ามีความสุข เขายืดอกนิดๆ ดูจะภูมิใจที่ฉันกินข้าวจนหมดจาน

“ลุงทำกับข้าวเป็นอยู่ห้าอย่าง หึๆ มินนี่ก็ทนๆ เอาหน่อยนะ”

“มินนี่จะทำเองล่ะค่ะ” ฉันอวด...ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆ นี่คะ เขาดูเหมือนจะนิ่งไปนิด แล้วก็ยิ้มแปลกๆ กับคำพูดของฉัน

“วันหลังจะทำอาหารไทย ลุงจะไปด้วยนะ ไปช่วยดูให้”

“ได้สิคะ”

“อืม...ต้มข่าไก่กะทิอบควันเทียนของมินนี่ น่ะ...ก็อร่อยดี” เขาว่า แล้วก็เริ่มหัวเราะ หัวเราะอีกล่ะ หัวเราะอะไรอะ

ใครรู้ตอบทีสิคะ

ว่าฉันทำอะไรผิดตรงไหนไป?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel