บทนำ
บทนำ
สตรีที่ถูกตราหน้าว่าเป็นนางโลมขายเรือนร่างเพื่อแลกกับเงินเพียงน้อยนิด ขายศักดิ์ศรีความเป็นคนเป็นสตรีที่ไร้ยางอายที่ใครๆ ต่างรังเกียจและขยะแขยง แต่นางหาใช่สตรีเช่นนั้นแม้ว่านางจะเป็นนางโลมก็จริงแต่นางขายเพียงศิลป์ไม่ขายเรือนร่างแต่ใครจะเชื่อนางบ้าง ในเมื่อทุกคนเหมารวมว่านางเป็นเช่นนั้น มีเพียงคนที่นางรักเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดนางถูกไถ่ตัวออกมากด้วยเงินจำนวนมากจากบุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาของบุตรในครรภ์กับสามีที่นางรักใคร่ที่สุด แต่เพียงไม่นานหลังจากที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขากลับหายไป ทำให้นางเสียใจจนเกือบเสียสติ แต่เมื่อรับรู้ว่ายังมีเด็กน้อยที่กำลังจะเกิดนางทำได้เพียงกัดฟัน ก้มหน้าทำงานหาเลี้ยงบุตรที่กำลังจะเกิดเท่านั้น
สตรีผู้นี้เพราะถูกผู้คนรังเกียจนางที่ท้องโตเจ็บท้องจวนจะคลอด แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือนางเลยสักคนอาการปวดท้องของนางทรมานอย่างยิ่ง นางพยายามเดินไปเคาะตามบ้านที่เป็นหมอเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใครเลยสักคนที่กำลังผ่านไปผ่านมา
“ช่วยข้าด้วย ข้าปวดท้องเหลือเกิน เปิดประตูที!”
“ใครอยากจะช่วยสตรีเช่นเจ้ากัน ไปเถอะพวกเราอย่าอยู่ใกล้สตรีนางนี้เลย”
“ใช่ ใครอยากช่วยเจ้ากัน ต่อให้มีหมอเทวดามาช่วยเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ทันหรอกตายๆ ไปซะนังสตรีชั้นต่ำ”
“ฮือออ...ช่วยข้าด้วย...”
หมับ!!
“แม่นางเกิดอะไรขึ้น”
“ท่าน...ช่วยข้าด้วยข้ากำลัง...จะคลอด...อึก!”
“อวี้ปินเจ้าช่วยพยุงนางหน่อย แม่นางบ้านเจ้าอยู่ที่ใด”
“บ้าน...บ้านข้า...อยู่ที่...”
เสียงอันออ่อนแรงของนาง เริ่มแผ่วเบาเหมือนคนกำลังจะหมดลมหายใจไปได้ตลอดเวลา สองสามีภรรยาแปลกหน้าจึงช่วยเหลือสตรีตรงหน้าเอาไว้ จวบจนสามารถทำคลอดให้นางกับเด็กในครรภ์ได้ออกมาชมโลกภายนอกได้อย่างปลอดภัย ทั้งมารดาและเด็กพวกเขาสองสามีภรรยารั้งอยู่รักษาจนกว่านางหายสนิทค่อยออกเดินทาง
“แม่นางเหตุใด แม่นางถึงอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง”
“ข้าไม่มีสามี เขาหายไปตั้งแต่เขารู้ว่าข้ามีเด็กในท้องแล้ว”
“โชคแม่นางยังดีที่มีพวกเราสองคนมาช่วย ข้ามีนามว่าอวิ้นอวี้ปินส่วนนี้สามีข้ามู่หยางเป็นหมอ”
“ข้าต้องขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยข้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงกลายเป็นเพียงวิญญาณไปแล้ว”
“อย่าได้คิดมากเลยข้ากับสามีเพียงต้องการช่วยคนเท่านั้น”
“ถึงอย่างไรต้องขอบคุณท่านทั้งสองอยู่ดี”
“เอาเถอะๆ ไม่ต้องขอบคุณแล้วว่าแต่เด็กคนนี้มีนามว่าอะไรแม่นางตั้งชื่อหรือยัง”
“ยังเลยเจ้าค่ะ ท่านทั้งสองตั้งชื่อให้นางได้หรือไม่”
“ท่านมู่หยางท่านคิดเห็นว่าอย่างไร”
“แซ่ของแม่นางมีแซ่ว่าอะไร”
“แซ่ซินเจ้าค่ะ”
“ซิน...ซินเพ่ยหนิง อืม เอาชื่อนี้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะที่มอบชื่อนี้ให้กับบุตรสาวของข้า”
“เจ้าแข็งแรงดีแล้ว พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”
“พวกเราจะได้พบกันอีกหรือไม่”
“หากต้องการความช่วยเหลือนำหยกนี้ไปแคว้นฉินตามหามู่อวี้หลิงบอกนางว่าข้าให้มานางจะเข้าใจเอง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชาย”
นางเป็นเพียงสตรีบอบบางนางดีใจที่มีคนมาช่วยเหลือนางเช่นนี้และนางสัญญาว่าจะดูแลเด็กน้อยคนนี้ที่เกิดจากจากเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองให้ดีที่สุดนางจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้เด็กคนนี้ไม่ให้นางรู้สึกขาดส่วนใดส่วนหนึ่งในชีวิตไป
6 ปีต่อมา
เด็กทารกในวันนั้นกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักสดใสร่าเริงในวันนี้นางเป็นเด็กน้อยแสนฉลาดแม้จะไม่ได้เรียนหนังสือหรือมีอยู่มีกินเหมือนคนอื่น แต่นางไม่เคยที่จะรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าแต่อย่างใด
“เจ้ามีแม่เป็นคนขายตัวหรือ”
“เจ้าอย่าไปใกล้นางเลยนางสกปกมากเห็นมั้ย”
“เหมยลี่อย่าใกล้นางเลยถอยออกมา”
เสียงเด็กน้อยวัยเดียวกันต่างพากันรังเกียจนาง จนตอนนี้นางไม่ได้สนใจคนพวกนี้เลยสักนิด ต่อให้นางเป็นอย่างที่พวกเขาพูดกันแต่นางก็หาได้สนใจพวกเขาเลยสักนิดนางถือคติว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง จึงไม่ถือสาคนพวกนี้
“ดูนางสิขนาดเราว่านางขนาดนี้นางยังเฉย แสดงว่านางเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“พอเถอะ เราอย่าไปยุ่งเลยไปเถอะ”
เคร้งงงง!!!
“อ๊ะ เอาไปข้าให้”
เสียงเงินกระทบกับพื้นทำให้นางหันไปมองเด็กตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ นางจนก็จริงแต่นางไม่ได้เป็นขอทานเสียหน่อยอย่าดูถูกนางให้มากนัก ด้วยความไม่พอใจนางจึงเลือกเดินออกมาทันที