3
Chapter 3
สร้างความภาคภูมิใจให้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบพระทัยเพคะเจ้าพี่” นาดารับช่อดอกไม้จากพี่ชายมาถือเอาไว้ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
ชามิลลูบศีรษะน้องสาวไปมาด้วยความรักและเอ็นดู การที่เขาส่งน้องสาวมาเรียนที่นี่ เหตุเพราะมารดาเป็นชาวไทย นาดาเองก็ผูกพันกับประเทศไทยตั้งแต่เด็กจึงอยากมาศึกษาต่อที่นี่ เขาตามใจน้องสาวเนื่องจากทางฝั่งมารดาก็มีญาติคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ด้วยว่าตาและยายยังพำนักอยู่ในประเทศไทยนั่นเอง
สายตาคมเข้มอดจะเหลือบมองหาใครบางคนไม่ได้ นาดาอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดว่า...
“เสียดายที่เจ้าพี่มาช้าไป”
นาดามีสีหน้าผิดหวังมากนักที่พี่ชายไม่ได้เจอกับเพื่อนรักอย่างอญู่ร่า เหตุเพราะบิดาของอีกฝ่ายล้มป่วยกะทันหันจึงจำต้องกลับบ้านด่วน ทั้งๆ ที่เธออยากให้เพื่อนสาวคนสนิทได้เจอกับพี่ชายของตัวเอง หลังจากทั้งสองได้เห็นหน้ากันแต่เพียงในหน้าจอคอมพิวเตอร์เวลาเธอติดต่อกับพี่ชายกลับไปยังไบซา
เธอเคยส่งรูปเพื่อนสาวให้พี่ชายดูหลายหน อีกฝ่ายยังปากแข็งว่าไม่ชอบเพื่อนของเธอ ทั้งๆ ที่คอยเลียบๆ เคียงๆ ถามอยู่บ่อยครั้งถึงเรื่องราวของเพื่อนสาว แถมทำท่าทีหวงๆ เมื่อเธอพูดถึงหนุ่มๆ ที่มาติดพันอญู่ร่า แล้วพี่ชายปากแข็งก็จะเลี่ยงทุกครั้งว่าถามตามมารยาทเพราะเห็นเป็นเพื่อนรักของเธอ
“มาช้าไปรึ” ชามิลเลิกคิ้วเข้มก้มมองน้องสาวตัวเล็กด้วยความไม่เข้าใจในคราแรก แต่พอเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ เขาก็ทำเป็นขรึม ไม่อยากให้โดนจับได้นั่นเอง
“ใช่เพคะ เจ้าพี่น่ะมาช้าไป น้องอยากแนะนำให้เจ้าพี่ได้รู้จักกับราร่าเพื่อนรักของนาดาอย่างเป็นทางการเสียที เห็นกันเพียงแค่รูปภาพ ไม่เหมือนเจอตัวจริงหรอกเพคะ ตื่นเต้นดีออก” นาดาทำสีหน้าทะเล้นใส่พี่ชาย จึงโดนขยี้ศีรษะให้ด้วยความมันเขี้ยว
“แล้วนางไปไหนเสียล่ะ” ชามิลอดถามถึงหญิงสาวหน้าหวานที่ตราตรึงใจของเขาเสียไม่ได้ จริงๆ อยากเห็นหญิงสาวนามว่าอญู่ร่าเพื่อนรักของนาดาตั้งแต่เห็นน้องสาวตัวดีแล้วนั่นเอง แต่ยังแสร้งฟอร์มเอาไว้
“ราร่ารีบกลับบ้านที่ภูเก็ตด่วนเพคะ พ่อของเธอไม่สบายมาก เลยไม่ได้เจอกันเลย เจ้าพี่นั่นแหละมาช้า เลยคลาดกันเลยเห็นไหมเพคะ”
นาดาหน้างอเล็กน้อยด้วยความขัดใจ เธออุตส่าห์วาดหวังว่าพี่ชายจะได้เห็นเพื่อนรักทันทีที่เดินทางมาถึง แต่ต้องมีอันต้องคลาดกันเสียได้ คนเอาแต่ใจแอบพาลนิดๆ โทษว่าเป็นความผิดของพี่ชายสุดที่รัก
“อ้าว... นางรีบกลับไปหาพ่อของนาง แล้วมันเป็นความผิดของพี่หรือไง” ชามิลใบหน้าเหลอหลาเมื่อเห็นน้องสาวคนเดียวโทษว่าเป็นความผิดของเขาไปได้
“ไม่รู้ละเพคะ น้องถือว่าเป็นความผิดของเจ้าพี่” นาดาหน้างอเล็กน้อย
“เอาๆ ๆ พี่ผิดก็ได้ พอใจหรือยัง” เขาไม่อยากขัดใจน้องสาว นาดามีสีหน้ายิ้มแย้มทันควัน
“เจ้าพี่ยังไม่ทรงรีบกลับไบซาใช่ไหมเพคะ น้องอยากชวนเจ้าพี่ไปเที่ยวพักผ่อนเสียหน่อย”
นาดารีบออดอ้อนเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าบ้านเกิดของเพื่อนรักอยู่ภูเก็ต แบบนี้ เธอจะได้ชวนพี่ชายไปเที่ยวพักผ่อน ไปทำความสนิทสนมกลมเกลียวกับเพื่อนรักเพื่อสานสัมพันธ์ เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สาวน้อยวัยยี่สิบคิดอย่างเจ้าเล่ห์
“อย่านึกว่าพี่รู้ไม่ทันเจ้านะนาดา คิดอะไรอยู่ใช่ไหม หรือมีแผนอะไร” ชามิลดักคออย่างรู้เท่าทันน้องสาวคนเดียว นาดายิ้มกริ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อไม่ให้พี่ชายจับได้
คนปากแข็ง ชิ!
นาดาค่อนขอดพี่ชายในใจ แอบชอบเพื่อนของเธอขนาดนี้ นึกว่าเธอไม่รู้หรือไง คนสนิทของเขาก็เหมือนคนสนิทของเธอ ลองไม่บอกเรื่องพี่ชายเธอสิ ว่ามีผู้หญิงมาเกาะแกะหรือเปล่า ได้เห็นดีกันแน่ รู้ฤทธิ์เดชเธอน้อยไปเสียแล้ว
“เปล่าเลยเพคะเจ้าพี่ น้องแค่อยากให้เจ้าพี่ไปพักผ่อนเที่ยวเสียบ้าง นะเพคะ นะๆ ๆ ๆ ไปเที่ยวกับน้องก่อนกลับไบซานะเพคะ น้องขอแค่นี้ไม่ได้หรือไง”
นาดาใช้ลูกอ้อนเข้าใส่ แถมยังโอดครวญเรียกร้องให้พี่ชายตามใจไปเที่ยวกับเธอ และก็เป็นจริงดังคาด เมื่อชีคหนุ่มไม่สามารถทนแรงออดอ้อนรบเร้าของน้องสาวได้ จึงจำต้องตบปากรับคำในที่สุด
“เจ้าพี่ของน้องน่ารักที่สุด เดี๋ยวเราถ่ายรูปกันนะเพคะ” เมื่อสมหวังก็ชวนพี่ชายถ่ายรูป โดยมีคนสนิทที่ทำหน้าที่ตากล้องคอยถ่ายรูปนายเหนือหัวอยู่ไม่ห่าง
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของนาดา คราวนี้แหละ ฮิฮิ…
“คุณพ่อขา... เป็นยังไงบ้างคะ”
อญู่ร่ารีบถลาไปหาบิดาที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวของโรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต
“โรคคนแก่น่ะลูก พ่อไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง” ฟาฮัสบอกบุตรสาวให้คลายความกังวล แต่แววตาเศร้าหมองนั้นก็ไม่ได้พ้นจากสายตาของอญู่ร่าไปได้
“คุณพ่อคะ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า มีอะไรก็บอกหนูมาได้เลยนะคะ หนูยินดีช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อทุกอย่าง”
อญู่ร่าถามบิดาตรงๆ เธออยากช่วยแบ่งเบาภาระของท่านบ้าง รู้ดีว่าท่านทำงานหนักมากแค่ไหน ต้องดูแลโรงแรมให้ดำเนินไปจนตลอดรอดฝั่ง ร่างกายป่วย เธอรู้ว่าใบหน้าอาจอิดโรย แต่แววตาสิมันกลับเศร้าและเคร่งเครียดไปด้วย นอกจากอาการเจ็บป่วยทางร่างกายแล้ว เธออยากรับรู้ว่าท่านมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ไหนให้พ่อดูเต็มๆ ตาหน่อยสิ ลูกสาวพ่อเรียนจบได้รับปริญญาแล้ว โอ้... พ่อดีใจจริงๆ” ฟาฮัสยิ้มปลื้มในตัวบุตรสาว สวมกอดเอาไว้แนบอกเมื่อเห็นบุตรสาวได้รับปริญญาสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ร่างเล็กสวมชุดครุยประจำคณะที่เรียนจบ
“หนูคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาด้วยนะคะคุณพ่อ ต่อไปหนูจะช่วยคุณพ่อบริหารโรงแรมของเราเอง” อญู่ร่าบอกบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
วันนี้ท่านทำให้เธอใจหายเมื่อบิดาบอกว่าจะตามมาถ่ายรูปรับปริญญากับเธอ แต่กลับได้รับข่าวร้ายจากคนสนิทของบิดาเรื่องที่ท่านเป็นลมต้องหามเข้าโรงพยาบาล
“ลูกพ่อเก่งที่สุดเลยลูก” ฟาฮัสกล่าวอย่างปลาบปลื้ม
“คุณพ่อคะ หมอบอกว่าคุณพ่อเป็นอะไรคะ” เธอวกกลับมาเรื่องที่ยังค้างคาใจอีกครั้ง สีหน้าซูบซีดของบิดาทำให้เธอเป็นกังวล
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่หน้ามืด สงสัยจะทำงานหนักไป” ฟาฮัสปิดบังอาการป่วยของตนเอง ที่เขาเป็นลมนั้นเพราะเกิดจากภาวะเครียด และเพิ่งตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด แต่ไม่อยากให้บุตรสาวต้องเป็นกังวลจึงไม่อยากบอกความจริง
“งั้นต่อไปคุณพ่อก็ไม่ต้องทำงานเหนื่อยแล้วนะคะ เพราะหนูจะช่วยคุณพ่อบริหารโรงแรมเองค่ะ”
“จะไม่พักก่อนเหรอลูก หนูเพิ่งเรียนจบ ไปเที่ยวพักผ่อนเสียก่อนก็ได้ สมองหนูจะได้ปลอดโปร่งไงก่อนทำงานจริงๆ ทำงานแล้วอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาพักก็ได้” ฟาฮัสพูดยิ้มๆ เพราะเข้ารู้ดีว่าเมื่อทำงานแล้วจะหาเวลาเที่ยวเตร่นั้นยากยิ่ง เนื่องจากมีภาระต้องรับผิดชอบกับงานที่เราทำ
“หนูไม่อยากพักหรอกค่ะ อยากทำงานเลย คุณพ่อเหนื่อยมามากแล้ว”
คำพูดของบุตรสาวทำให้ฟาฮัสอดจะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ เขาลูบศีรษะบุตรสาวที่โอบกอดเขาอย่างประจบประแจงด้วยความเอ็นดู
อารตีที่แอบมองสองพ่อลูกคุยกันมองด้วยความริษยา แต่ลูกเลี้ยงอย่างอญู่ร่าจะมาได้ดีกว่าฟาตีมาบุตรสาวของเธอไปได้ยังไง ไม่มีทางเสียหรอก
“อ้าว ราร่าหนูมาแล้วเหรอลูก ยินดีด้วยนะจ๊ะสำหรับบัณฑิตใหม่” อารตีแสร้งเข้าโอบกอดลูกเลี้ยงสาวอย่างรักใคร่ อญู่ร่าเกร็งร่างเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้บิดาไม่สบายใจจึงตอบรับเสียงเรียบๆ
“ค่ะคุณน้า”
“แหม... แบบนี้ต้องฉลองกันนะคะ เพราะลูกฟาก็จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเหมือนกัน เรียนจบไล่เลี่ยกันเลย”