6 อุ้มไปที่เหมือง
“นายหัว เธอเงียบไปเลย ตายหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อ้วนโพล่งขึ้นด้วยความกลัว ใบหน้าซีดเผือด แม้เป็นคนผิวคล้ำ แต่ก็เห็นชัดว่าผิวเปลี่ยนไปจนเหลืองเหมือนจะเป็นลม
“ไอ้อ้วน อย่าพูดอย่างนั้นสิ เดี๋ยวก็เป็นจริงอย่างที่ปากพูดหรอก”
โย่งปรามเสียงเบา บัดนี้ใจเต้นแรง ทำอะไรไม่ถูก กลัวผู้หญิงแปลกหน้าจะมีอันเป็นไป โดยที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่จะต้องมารับผิดชอบ
อรัญก้มลงไปเอามืออังที่ปลายจมูกเอาไว้ รับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดลงมา
“เธอยังไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้นเอง สักพักก็คงฟื้นเองนั่นแหละ”
“หัวฟาดกับตอไม้ขนาดนั้น ฟื้นขึ้นมาสมองจะเสื่อมหรือเปล่านายหัว”
โย่งไม่วายสงสัย อรัญส่ายหน้าแล้วก้มลงช้อนร่างงามขึ้นมาสู่อ้อมแขน แล้วอุ้มเดินออกไปโดยเร็ว ลูกน้องสองคนมองหน้ากัน ตั้งท่าจะอ้าปากถาม แต่แล้วนิ่งเงียบ เพราะรู้ว่าอรัญเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้กวนใจ อยู่นิ่งๆ เป็นดีที่สุด
อรัญอุ้มร่างสาวสวยออกมาจากราวป่า จากนั้นจับประคองให้นั่งเอาหลังพิงกับต้นไม้ โย่งกับอ้วนมองด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเจ้านายคิดอย่างไรกับสาวแปลกหน้าที่แต่งตัวราวกับเป็นพวกดาราหนัง
“นายหัว จะเอาผู้หญิงคนนี้ไปที่เหมืองเราด้วยหรือ”
โย่งถามด้วยความสงสัย และมองรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงปากร้ายก็รู้ว่าสวย แต่เขาไม่กล้าคิดเกินเลย เพราะเธอดุยังกับเสือแม่ลูกอ่อน
“เออ หรือว่าแกจะปล่อยให้นอนตรงนี้ล่ะ ถ้าเสือไม่คาบไปกินก็ถูกรุมโทรมจากพวกที่หาของป่า แต่งตัวล่อตะเข้ขนาดนี้ คงไม่รอด คนบ้าอะไรใส่เสื้อผ้าแบบนี้เข้าป่า สติดีหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อรัญตำหนิลีน่าเกี่ยวกับการสวมเสื้อผ้า และเหมาไปว่า บางทีผู้หญิงคนนี้สติอาจจะเลอะเลือน
“ผมจะให้เด็กเอารถมารับเดี๋ยวนี้”
โย่งพูดจบ เอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วโทร. ไปหาลูกจ้างที่เหมืองให้เอารถมารับ สิบกว่านาทีของการรอคอย รถกระบะต่อหลังคาสูงขับมาจอดเทียบ อรัญอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของสาวสวยขึ้นไปนั่งทางตอนหลัง โดยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทุกคนต่างแปลกใจว่าเขาจะเอาผู้หญิงคนนี้ไปด้วยทำไม
“ท่าทางผู้หญิงคนนี้ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะครับ นายหัว”
อ้วนกระซิบเบาๆ ด้วยเสียงสั่นพร่า กังวลต่อหญิงงาม กลัวว่าจะมีปัญหา เพราะที่นั่นกำไลหลานป้ารวงซึ่งเป็นแม่บ้านของอรัญจะต้องหาทางกลั่นแกล้ง เธอไม่ชอบผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ถ้ามีโอกาสจะเล่นงานทันที
“อยากรู้เหมือนกันว่าร้ายแค่ไหน ขอแค่ให้ฟื้นขึ้นมา ถามไถ่ว่าบ้านอยู่ที่ไหน แล้วจะส่งกลับ เอ...หรือว่าเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกหลอกมาขายตามเขตชายแดน ฉันดูจากการแต่งตัวคงไม่ผิดนักหรอก”
“นายหัวครับ ผมว่าไม่ใช่หรอก จากหน้าตาผิวพรรณ เหมือนพวกผู้ดีหรือไม่ก็ดารานางแบบ เธอสวยเกินไปที่จะถูกหลอกมาขายตัว”
อ้วนไม่เชื่อในความคิดของอรัญ แก้ต่างให้สาวสวย แต่เขากลับเปล่งเสียงหัวเราะหยัน ๆ และสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้ามอมแมม เต็มไปด้วยคราบสีดำ
“ผู้หญิงทุกวันนี้สวย ๆ ทั้งนั้น แม้แต่สาวต่างด้าว รูปร่างหน้าตาดี จับมาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าหรู ใคร ๆ ก็คิดว่าเป็นคุณหนูทั้งนั้น แต่อย่าให้พูดเชียว รู้หมดว่ามาจากไหน”
อรัญไม่เชื่อว่าลีน่าจะเป็นพวกผู้ดีมีสกุล หรือดารานางแบบ คิดว่าเธออาจจะทำอาชีพบริการผู้ชายในร้านอาหาร
“นายหัวจะเอาเธอไปทำอะไรครับ แล้วจะไม่มีปัญหาตามมาหรือครับ”
โย่งยังคงสงสัยเช่นเดิม ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ ไม่พูดสิ่งใด กระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในบ้านปีกไม้สองชั้นหลังใหญ่ รูปแบบการก่อสร้างออกแนวคาวบอย รอบ ๆ มีบ้านพักคนงานอยู่สามหลัง ตรงลานกว้างด้านหน้ามีเด็กตัวเล็กๆ ลูกคนงานวิ่งเล่นอยู่สามคน
เมื่อรถจอดสนิท หญิงสาวร่างอวบผิวขาวเหลือง สวมเสื้อยืดสีส้มกับโสร่งลายดอกวิ่งเข้ามารอรับด้วยท่าทางดีใจสุดๆ
“นายหัวมาแล้ว มีอะไรให้กำไลช่วยถือไหมจ๊ะ”
กำไลยื่นหน้าค่อนข้างกลมเข้ามาหา อรัญเปิดประตูออกทันทีเช่นกัน จนเกือบจะปะทะกับหน้าเธอ สาวอวบถอยกรูดโดยเร็ว แต่ไม่วายส่งเสียงอ่อนอ่อยอย่างมีจริต
“นายหัว ประตูเกือบตีหน้ากำไลแน่ะ”
“แล้วใครใช้ให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ รู้ว่าฉันจะต้องลงรถ ไปเตรียมห้องเอาไว้หนึ่งห้อง ปัดกวาดทำความสะอาดให้ดี”
อรัญออกคำสั่งอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะกำไลชอบเข้ามาใกล้ตัวเขามากเกินไป
“นายหัว มีแขกมาพักหรือจ๊ะ”
กำไลไม่วายสงสัยต่อคำสั่งของนายหัวหนุ่มมาดเข้ม เขามองเข้าไปในรถ ผู้หญิงคนนั้นยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง ส่วนลูกน้องทั้งหมดลงจากรถแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน กำไลเห็นดังนั้นมองตาม หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นผู้หญิงหน้าตาดี นอนหลับตานิ่ง เธอแทบจะกรี๊ดออกมาเสียเดี๋ยวนั้น