บทนำ
เมื่อเอ่ยถึงสถานบันเทิงชื่อดังแถวรัชดาซอย 4 ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักดาร์โกผับ สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีทั้งพวกไฮโซ โลโซ คนดังในแวดวงบันเทิง นักธุรกิจ คนมีสีและไม่มีสี แวะเวียนมาหาความสำราญกันอย่างไม่ขาดสาย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ว่าผู้บริหารระดับสูงของผับแห่งนี้มีอายุเพียง 30 กว่าๆ เท่านั้น
จิณณวัตร อรุณเลิศพิพัฒน์ เป็นบุตรชายคนเดียวของนายจรรยาวัฒน์ เจ้าพ่อวงการสื่อบันเทิง ส่วนมารดาก็คือจันจิรา อดีตนางเอกจอแก้วผู้โด่งดัง และด้วยความหล่อรวย ผสมความเจ้าชู้ระดับคาสโนว่าของชายหนุ่ม ทำให้บรรดาสาวเล็ก สาวใหญ่ต่างรอเข้าคิวเป็นคู่ควงของเขากันทั้งนั้น แม้จะเป็นแค่ช่วงข้ามคืนก็ยอม
“ชนแก้วกันหน่อยพวกเรา เพื่อฉลองให้กับความแก่ที่เพิ่มขึ้นของไอ้เกรียนมัน” เสียงหัวเราะชอบใจดังลอดออกมาจากห้องมุมด้านในสุดของผับ ซึ่งเป็นห้องที่แบ่งแยกออกมาสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
“เลิกเรียกฉันว่าเกรียนเสียทีจะได้ไหมไอ้สัณห์ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบชื่อนี้” ดวงตาคมดุดันของจิณณวัตรจ้องมองเพื่อนหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะยกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นชนกับเพื่อนๆ กลางอากาศ วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ชายหนุ่มจึงโทรเรียกเพื่อนรักทั้งสามคนมาร่วมฉลองกันที่ผับของตน เพราะพวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งหมดจึงเป็นเพื่อนรักและเพื่อนที่รู้ใจกันมากที่สุด
“ทำไมจะเรียกไม่ได้วะ หรือว่าอายสาวๆ” เศรษฐ์สัณห์หัวเราะอีกครั้งแล้วมองไปที่สาวสวยสองนางที่นั่งขนาบข้างเพื่อนรักอยู่ ก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้กับสาวสวยในชุดรัดรูปสีทองที่นั่งอิงแอบอยู่ข้างๆ กับตนเอง
“เอ๊ะ! ไอ้นี่วอนโดนเตะจริงๆ” จิณณวัตรทำท่าขยับ แต่เศรษฐ์สัณห์กลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจที่ได้แหย่เพื่อนรัก
“พอแล้วๆ วันนี้วันเกิดของแกนะโว้ยไอ้เจมส์ อย่าทำซีเรียสไปเลยน่า ไอ้สัณห์มันก็แค่แหย่แกเล่นเท่านั้น แกก็รู้ว่ามันปากหมาแค่ไหน” ธรรมธาดาเอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนรักแล้วลากมือมาที่ไหลบางของสาวสวยที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างตนเองกับเพื่อนหนุ่ม พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้
“เฮ้ย! ไอ้ธามตอนแรกฉันก็ว่าแกพูดดีนะ แต่มาตอนหลังเหมือนแกหลอกด่าฉันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ” เศรษฐ์สัณห์เลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับอมยิ้ม ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“แกก็คิดว่าไอ้ธามมันชมสิว่ะ” นันทนะบอกยิ้มๆ ก่อนจะหันไปรับแก้วเหล้าที่สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มรินส่งให้
“เออ...เมื่อกี้ฉันไปเข้าห้องน้ำมาเจอกับพนักงานสาวสวยคนหนึ่ง หน้าตาสวยสะดุดตาสะดุดใจฉันมากเลยวะ แกไปได้มาจากไหนวะไอ้เจมส์” ธรรมธาดาหันมาทางจิณณวัตรพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
“แกไม่น่าถามมันเลย พนักงานของไอ้เจมส์มันก็สวยหยาดเยิ้มทุกคนแหละ ถ้าไม่สวยมันไม่รับเข้าทำงานแน่” เศรษฐ์สัณห์หันมาเชยคางมนของสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างตนพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง
“ฉันรู้ว่าสวยทุกคน แต่คนที่ฉันเจอเนี่ยสวยแบบว่าโดนใจอะว่ะ...ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน” ธรรมธาดาถอนใจแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“แกสนใจหรือไง” มุมปากหนาได้รูปของจิณณวัตรกระตุกขึ้นยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนหนุ่มจะตอบอะไรเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางของพนักงานสาวเสิร์ฟคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาพร้อมกับถังน้ำแข็งและเหล้ายี่ห้อแพง
ร่างบางเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าลงข้างๆ โต๊ะก่อนจะวางถังน้ำแข็งกับขวดเหล้าลงบนโต๊ะพร้อมกับเหลือบสายตาขึ้นไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่มีสาวสวยขนาบข้างแวบหนึ่ง
“เธอนี่เอง” ธรรมธาดาคลี่ยิ้มกว้างแล้วหันมาทางจิณณวัตร “คนนี้ไงที่ฉันพูดถึงเมื่อกี้นี้” มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเรียวเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขยับถอยห่าง
“อุ้ย!” ขวัญข้าวอุทานอย่างตกใจแล้วสลัดมือออกอย่างรวดเร็ว มือบางจึงปัดไปโดนแก้วเหล้าตรงหน้าของจิณณวัตรจนหกรดขากางเกงยีนราคาแพงของเขา ใบหน้าสวยซีดเผือดลงด้วยความตื่นกลัว เพราะผู้จัดการบอกกับเธอไว้แล้วว่าถ้าทำให้ลูกค้าไม่พอใจอีกครั้งเดียว เธอจะถูกไล่ออก แล้วนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายด้วย
“ว้าย! ซุ่มซ่ามที่สุด!” พนักงานสาวนั่งดริงก์ถลึงตาใส่พนักงานสาวเสิร์ฟตาขุ่น แล้วรีบเช็ดน้ำเหล้าที่ขากางเกงให้กับเจ้านายหนุ่มทันที
“หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ!” ขวัญข้าวบอกเสียงสั่น
ใบหน้าคมที่บึ้งตึงของเจ้าของผับหนุ่มเงยขึ้นมองพนักงานสาวอย่างไม่พอใจ แต่แล้วคิ้วหนาดกดำก็ต้องขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเพราะหน้าตาของพนักงานคนนี้ไม่คุ้นตาเขาเลย จริงอยู่ที่เขามีลูกน้องในสังกัดเป็นร้อยๆ คน แต่ทุกคนก็ต้องผ่านการพิจารณาจากเขา และเขาก็จำหน้าได้ทุกคน แต่ผู้หญิงคนนี้เขาไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด
“ฉันไม่คุ้นหน้าเธอเลย เธอเป็นใคร!” น้ำเสียงทั้งแข็งกระด้างและดุดัน ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับขวัญข้าวมากขึ้น
“แกอย่าดุน้องเขาแบบนั้นสิว่ะ ฉันผิดเองที่ทำให้น้องเขาตกใจ” ธรรมธาดาหันไปมองเพื่อนรัก ก่อนจะหันมาทางพนักงานสาว
“ฉันไม่ได้ดุ ฉันแค่ถาม!” จิณณวัตรนิ่วหน้าใส่เพื่อนหนุ่ม ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวอีกครั้ง “ว่าไง ฉันถามว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน!”
“เอ่อ...คุณเจมส์คะเธอเป็นเด็กพาสไทม์น่ะค่ะ มาทำงานหารายได้พิเศษตอนช่วงปิดเทอมค่ะ” พนักงานสาวนั่ง
ดริงก์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ
“แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉัน รู้ไม่ใช่เหรอว่าพนักงานที่นี่ทุกคนต้องผ่านการพิจารณาจากฉันก่อน!” ชายหนุ่มหันมาดุใส่พนักงานสาวเสียงแข็ง
“เอ่อ...เรื่องนี้ต้องถามผู้จัดการค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมก้มหน้าหลบสายตาดุดันของเจ้านายหนุ่มทันที
“ใจเย็นๆ น่าเพื่อน เรื่องแค่เล็กน้อยอย่าอารมณ์เสียเลย มาฉลองกันต่อดีกว่านานๆ พวกเราจะมารวมตัวกันได้ ฉันไม่อยากให้เสียบรรยากาศว่ะ” นันทนะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้น จิณณวัตรหันมามองหน้าเพื่อนรักทั้งสามคน
“ก็ได้” เขาพยักหน้ารับ แล้วหันมาทางพนักงานสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ที่พื้น “เธอไปบอกผู้จัดการด้วยว่าพรุ่งนี้ให้ไปพบฉันที่ห้อง รวมทั้งตัวเธอด้วย เข้าใจไหม!”
“ค่ะ เข้าใจค่ะ” ขวัญข้าวรับคำเสียงสั่น ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง โดยมีสายตาคมของจิณณวัตรมองตามไป ชายหนุ่มยอมรับว่าที่ธรรมธาดาพูดว่าเจ้าหล่อนสวยสะดุดตาสะดุดใจนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเขาเองก็ชะงักไป
เหมือนกันเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวชัดเจน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอสาวสวย แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยเจอมา เธอสวยจิ้มลิ้มจนน่าสัมผัสตั้งแต่แรกเห็น
“สวยอย่างที่ฉันบอกใช่ไหมล่ะ” ธรรมธาดาเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักมองตามพนักงานสาวไปจนลับสายตา
“สวยจริงๆ ว่ะเพื่อน ฉันเห็นแล้วตาค้างเลยไม่คิดเลยนะว่าผับแกจะมีพนักงานสวยหยาดเยิ้มแบบนี้ด้วย รู้งี้ฉันมาเที่ยวทุกวันเลยว่ะ” เศรษฐ์สัณห์คลี่ยิ้มกว้างอย่างกรุ้มกริ่ม
“ไม่เห็นจะสวยไปกว่าพนักงานคนอื่นเลย” จิณณวัตรหันมามองเพื่อนพร้อมกับไหวไหล่แล้วเอื้อมไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ แต่ในใจก็ยังคิดวนเวียนอยู่กับสาวเสิร์ฟคนสวยนั่นเอง
“แต่ฉันเห็นแกมองตามเขาไปตาไม่กะพริบเลยนะ” เศรษฐ์สัณห์เอ่ยแซวพร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ “ตาดีจริงนะไอ้สันขวาน” จิณณวัตรหันมากระตุกมุมปากขึ้น
“สัณห์โว้ย! ไม่ใช่สันขวาน!” เศรษฐ์สัณห์สวนขึ้นทันควัน เพื่อนๆ จึงพากันหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะยกแก้ว
เหล้าขึ้นมาชนกันกลางอากาศอีกครั้ง
“จริงสิ ไหนๆ พวกเราก็มารวมตัวกันได้แล้ว พรุ่งนี้ไปประลองฝีมือแข่งรถกันหน่อยไหม ฉันชักคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วสิ” นันทนะบอกยิ้มๆ หลังจากวางแก้วเหล้าลง
“ก็เอาสิ ฉันเองก็อยากอยู่เหมือนกัน” จิณณวัตรพยักหน้ารับ ทุกครั้งที่พวกเขาทั้งสี่คนมารวมตัวกันก็จะทำกิจกรรมร่วมกันเสมอๆ นั่นก็คือการขับรถแข่ง และด้วยเหตุที่มีความชอบเหมือนกันนี่เองทั้งสี่จึงรวมหุ้นกันสร้างสนามแข่งรถขึ้นโดยมีอัครเดชเป็นผู้จัดการดูแลที่นั่น