5 คุณเก่งมากพอๆ กับเจ้าชู้
หญิงสาวพูดเสียงห้วนจัด ไม่พอใจที่เขาเห็นคนอื่นดีกว่าตนเอง จนถึงขั้นให้เธอแนะนำให้เขารู้จัก เรื่องแบบนี้เธอยอมกันไม่ได้ เมื่อมีเธอก็ต้องไม่มีพิมาลา
“แหม แค่เข้าไปทำความรู้จักเฉยๆ มันจะเสียอะไรนักหนา ดูสิ ท่าทางเป็นคนดังนะ ช่างภาพพากันถ่ายรูปพรึบเลย”
ชายหนุ่มยังไม่ละทิ้งความสนใจที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับพิมาลา แต่อาริตาดึงมือไปที่ซุ้มเครื่องดื่มด้วยใบหน้างอง้ำ
“คุณรู้หรือเปล่า ฉันบอกแล้วไงว่าทำอย่างนี้เสียมารยาทมากเลยนะ ให้เกียรติฉันบ้าง”
โอภาสหน้าตึงเมื่ออาริตาตำหนิด้วยเสียงไม่สู้พอใจนัก ทว่าเมื่อเห็นช่างภาพตั้งกล้องจึงยิ้มสู้ เช่นเดียวกับอาริตาถือโอกาสกอดแขนเขาจนแน่น ใบหน้าสวยซบลงที่อกกว้าง แสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน
“ช่างสิ ในเมื่อคุณมากับฉัน ห้ามเหล่สาวไหนเด็ดขาด”
“อาริตา เราสองไม่ได้เป็นอะไรกันนะ แค่คู่ควง คู่นอน คู่รักก็ไม่ใช่สักหน่อย คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมากักกันผมเอาไว้ในคอกเพียงผู้เดียว”
ท่าทางโอภาสเคืองจัดเมื่อถูกกักเก็บเอาไว้ติดตัวอาริตาเพียงผู้เดียว แต่เธอไม่สนใจ พยายามที่จะใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ถึงขั้นยกแก้วไวน์ป้อนให้ถึงปากแล้วยิ้มหวานสู้กล้อง โอภาสโกรธจัดแทบจะปัดแก้วทิ้ง ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษามารยาททางสังคมไม่ให้คนเอาไปพูดว่าเป็นพวกต่ำทราม
“คุณเป็นคู่รักกันหรือเปล่าครับ หวานจังเลย”
นักข่าวคอลัมน์ไฮโซยิงคำถามพร้อมคำชม ซึ่งถูกใจอาริตายิ่งนัก ก่อนจะตอบเธอหันมายิ้มกับชายหนุ่ม มองเหมือนมีปริศนา จนเขารู้สึกร้อนๆหนาวๆกลัวว่าเธอจะพูดในสิ่งที่ไม่สมควร โดยให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เขาไม่พร้อมที่จะผูกมัดกับเธอหรือผู้หญิงคนไหน
“เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ”
หญิงสาวตอบแบบกำกวม โดยให้ผู้ฟังคิดได้ทั้งสองแง่ นักข่าวจอมตื๊อไม่หยุดเพียงเท่านั้น หันมามองโอภาส หนุ่มเนื้อหอมที่ยังคงยืนนิ่ง
“แล้วคุณโอภาสล่ะครับให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณอาริตาแค่ไหน”
ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย พยายามหาคำตอบที่คิดว่าดีที่สุด ไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหาย เขายิ้มก่อนตอบ
“ขอบคุณนะครับที่ให้ความสนใจผมกับคุณอาริตา เราเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันครับ ส่วนเรื่องจะพัฒนาเป็นคนรักนั้น ยังบอกไม่ได้ครับ”
นับว่าเป็นคำตอบที่เยี่ยมมาก นักข่าวต้องไปตีความกันเอาเอง แต่มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะต้องเป็นคนรักกัน เพราะฝ่ายหญิงแสดงความหวานออกมาเสียจนทุกคนอิจฉา
หลังจากหลบอาริตามาได้ โอภาสรู้สึกโล่งใจไม่น้อย พยายามสอดส่ายสายตาหาผู้หญิงที่พึงใจและเห็นว่าพิมาลานั่งอยู่ที่ชิงช้าเพียงลำพัง เขาไม่รอช้าที่จะเกร่เข้าไปหาด้วยความดีใจ
“สวัสดีครับ คุณพิมาลา ผมชื่อโอภาส ผมเห็นคุณในงาน แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จัก ถ้าไม่รังเกียจขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”
ชายหนุ่มอาศัยความหน้าด้านเข้ามาแนะนำตัวแล้วนั่งลงที่ชิงช้าตรงข้าม โดยไม่รอให้พิมาลาเชื้อเชิญ และเธอยิ้มให้ด้วยไมตรีจิตอันดี
“สวัสดีค่ะ ใครจะกล้าปฏิเสธคุณโอภาสล่ะคะ แล้วนี่คุณอาริตาไปไหนเสียล่ะคะ”
“อย่าพูดถึงเขาเลยครับ ผมเบื่อที่จะฟัง พูดอะไรก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับของสวยงามก็เครื่องเพชร เขาชอบชอปปิงมากครับ ต่างจากผมที่จะสนใจแต่เรื่องธุรกิจ”
“ค่ะ คุณเก่งมากพอๆ กับเจ้าชู้”
แม้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกัน แต่กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของเขาเลื่องลือไปทั่ว ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้เขารู้ตัว คงอึดอัดตาย เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายนิสัยกะล่อน เที่ยวหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงไปทั่ว
“โถ คุณพิมาลา พูดอย่างนี้ผมเสียหายนะครับ”
“แล้วเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ รึว่าคุณจะปฏิเสธ”
“เปล่าครับ ผมยอมรับว่ามีผู้หญิงเยอะ แต่ผมไม่เคยเที่ยวจีบเลยนะครับ ผู้หญิงต่างหากที่เข้ามาทำความรู้จัก ผมเป็นคนไม่ชอบทำร้ายน้ำใจใครก็เลยพูดด้วย คนเห็นผมไปกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ คงเหมาว่าผมเจ้าชู้”
โอภาสแก้ตัวให้กับตัวเองเป็นฉากๆ พิมาลารู้ดีว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นคนกะล่อน เธอได้แต่ยิ้มน้อยๆ เมื่อสายตาปะทะกับอาริตาที่กำลังจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอรู้ว่าคงจะยุติการพูดคุยกับเขาเสียที
“ไม่รู้จะเชื่อดีหรือเปล่า ที่แน่ๆคุณอาริตาจ้องฉันยังกับจะเผาให้ไหม้ คุณต้องเคลียร์กับเธอแล้วค่ะ”