7 คืนนี้ผมจะสอยให้เต็มที่
กฤษณาจ้องหน้ามาริสาเขม็ง ดวงตากร้าวเปล่งประกายอำมหิตจนน่ากลัว มาริสานึกถึงสัตว์ร้าย จ้องขย้ำเหยื่อที่หมดทางสู้
เธอกลัวผู้เป็นอา ใจหายวาบกับดวงตาคู่นั้น มองเหมือนไม่ใช่หลาน และเธอร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อปลายเล็บแหลมจิกลงบนบ่าแรงๆ
“โอ๊ย! อาณาคะ ริสาเจ็บค่ะ”
หญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว กับความเจ็บปวดที่วูบเข้าไปจนถึงหัวใจ มองหน้าผู้เป็นอาด้วยน้ำตาคลอ อยากจะถามเหลือเกินว่าเธอผิดอะไร ทำไมถึงต้องใช้ความรุนแรงขนาดนี้
“เจ็บเหรอ ถ้าไม่เห็นว่าริสาเป็นหลานนะ อาบีบให้เจ็บกว่านี้อีก”
“ทำไมคะ ริสาทำอะไรผิด อาณาถึงทำกับริสาขนาดนี้”
หญิงสาวถามเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง เพราะเจ็บที่ถูกเล็บจิกลงไปถึงเนื้อ เธออยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าบิดากับมารดาอยู่กฤษณาจะกล้าทำอย่างนี้กับเธอไหม
“ยังมีหน้ามาถามอีก น่าจะรู้ตัวดีนะ ก็ริสาให้ท่าผัวอา ยั่วยวน เชิญชวนเขาให้กอด ถ้าเคนนี่ไม่ออกมาขวางเอาไว้ ป่านนี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้”
“อาณา ทำไมว่าริสาอย่างนั้นคะ ไม่จริงค่ะ”
หญิงสาวตกใจที่ถูกกล่าวหาว่าให้ท่าคมเวทย์ ทั้งที่เธอสะอิดสะเอียนที่สุด เห็นหน้าเขาแล้วไม่อยากที่จะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ
“ถ้าริสาไม่ให้ท่า เขาจะกล้ากอดหรือ อาสั่งห้ามไม่ให้ทำอย่างนี้อีก รู้ไหมว่ามันผิด รู้จักคำว่าบาปบุญคุณโทษบ้างสิ สงสารอาบ้างทุกวันนี้แค่ต่อสู้กับอีนังผู้หญิงนอกบ้านก็เครียดจะตายอยู่แล้ว”
กฤษณาเริ่มตีบทโศก บีบน้ำตาร้องไห้ออกมาดังๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ มาริสาเห็นแล้วโกรธไม่ลง ยกมือไหว้
“อาณาขา ริสาสาบานว่าไม่เคยคิดอย่างนั้นกับอาคมเวทย์เลยค่ะ นับถือเขาเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น ต่อจากนี้ไป ริสาจะอยู่ห่างๆ เขาค่ะ”
“เชื่อใจได้หรือ อย่าหลอกให้อาดีใจเลย”
“จริงๆ ค่ะอาณา ริสาจะไม่เข้าใกล้อาคมเวทย์อีกแล้ว”
“ขอให้ทำได้อย่างที่พูดเถอะ อาจะได้สบายใจ ทำงานช่วยริสาให้เต็มที่ ทุกวันนี้อาเป็นกังวล เครียดกับเรื่องอาคมเวทย์จนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
“อาณาอย่าคิดมากเลยนะคะ สบายใจได้ค่ะ”
มาริสาแสนซื่อ ไม่รู้เท่าทันนางจิ้งจอกผู้ร้ายกาจว่ามากด้วยเล่ห์เหลี่ยม พยายามหลอกล่อให้ตายใจ แล้วขย้ำจนจมเขี้ยว
“เอาละเรื่องนี้อาจะไม่คิดอีกต่อไป แต่เรื่องงานก็ทำให้อาทั้งเครียด และอายพนักงานที่บริษัทจนแทบไม่อยากไปทำแล้ว”
กฤษณาเริ่มตะล่อมหญิงสาวให้หลงต่อมารยาที่แกล้งแสดงออกมา เธอเริ่มที่จะดำเนินการเรียกร้องความสงสารทั้งบีบน้ำตา และขอความเห็นใจเพื่อฮุบสมบัติของหญิงสาว
“เกิดอะไรขึ้นคะ บอกริสาได้”
“บอกแล้ว ริสาสัญญากับอานะว่าช่วย”
นางจิ้งจอกกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อรู้ว่าหญิงสาวผู้น่าสงสารได้ตกหลุมพรางที่เธอขุดล่อเอาไว้แล้ว คราวนี้รอแต่ขย้ำเพียงอย่างเดียว
“ค่ะ ริสาสัญญา ขอแค่เพียงอาณามีความสุขก็พอ”
“จำคำพูดไว้นะ แล้วทำให้ได้ด้วย ทุกวันนี้อาเจ็บปวดที่สุด พวกพนักงานรุ่นลูก พูดว่าเป็นถึงน้องเจ้าของบริษัท แต่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยเท่านั้น อาก็เลยอยากจะขอตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ริสาให้อาได้ไหมละ”
มาริสารู้สึกสะดุ้งเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาบนศีรษะอย่างจัง หลังจากหลงกลให้คำมั่นสัญญากับกฤษณาว่าจะให้ความช่วยเหลือ เมื่อได้ยินข้อเสนอจากผู้เป็นอาแล้ว หญิงสาวหนักใจเพราะมีผู้ดำรงตำแหน่งนี้อยู่แล้ว
แม้ว่าไม่มีผู้จัดการตำแหน่งนี้ เธอก็ไม่สามารถให้กฤษณาเข้ามาทำได้เพราะรู้ว่าจะต้องโกงเงินสะบั้นหั่นแหลก
“เอ่อ อาณาคะ”
มาริสาอ้ำอึ้งเพราะไม่อาจตัดสินใจที่จะให้ตามที่กฤษณาขอได้ กลายเป็นเครียดหนักกว่าเดิม กฤษณาเห็นดังนั้นหัวเราะอย่างหยันๆ
“นั่นไง อาคิดแล้วไม่มีผิด ริสาช่วยอาไม่ได้หรอก ถามจริงๆ เถอะนะ ริสาไม่ไว้ใจอาใช่ไหม กลัวว่าจะยักยอกทรัพย์สิน ใช่ไหม”
“อาณาคะ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือตำแหน่งนี้มีคนทำอยู่แล้ว เขาอยู่มานาน มีความซื่อสัตย์ ทำงานเก่ง เราจะให้เขาออกไม่ได้นะคะ”
“คิดว่าอาไม่ซื่อสัตย์หรือไง”
“อาณาอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เดี๋ยวริสาจะปรึกษาคุณลุงเทพนะคะว่าจะมีตำแหน่งอะไรที่เหมาะกับอาณาบ้าง”
“เฮ้อ อนาถตัวเองจริงๆ ทำงานรับใช้พี่ชายมานาน เรื่องโกงเงิน กินเล็กกินน้อยก็ไม่เคยมีในสมอง พอพี่ตายไปเท่านั้น ฉันมีค่าแค่เพียงเห็บตัวหนึ่งเท่านั้น”
กฤษณาพูดจบออกไปจากห้องนั้นด้วยความไม่พอใจ มาริสามองตามรู้สึกไม่ดีที่ปฏิเสธในสิ่งที่กฤษณาขอ แต่เธอจะต้องรักษาบริษัทเอาไว้ ไม่ให้คนขี้โกงมากอบโกยผลประโยชน์
คมเวทย์เป็นผู้ชายที่มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ อีกทั้งมักมากในกาม ไม่อาจที่จะหยุดได้ เขาจะหาเรื่องอ้างออกไปข้างนอกเสมอ อาศัยคารมหลอกล่อกฤษณาให้ตายใจ
ทุกครั้งที่เที่ยวเขาจะเอาเงินที่รีดจากภรรยามาใช้จ่าย แต่ก็ต้องพยายามหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ดังเช่นคืนนี้ เขาแกล้งบอกกฤษณาว่าจะมาสังสรรค์พบปะกับเพื่อนสมัยเรียน เนื่องในงานเลี้ยงรุ่น และชวนเธอมาด้วย แต่เธอมาไม่ได้เพราะติดลูกค้า
หนุ่มใหญ่มีจุดหมายอยู่ที่เดียวซึ่งให้ความสุขทุกครั้งที่มาเที่ยว หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาเดินเร็วๆ เข้าไปข้างในร้าน และก็ไม่ผิดหวัง
“ป๋าคมเวทย์มาแล้ว เยาดีใจจังเลยค่ะ เกือบสัปดาห์แล้วนะคะ เราไม่ได้เจอกัน รู้ไหมว่าเยาคิดถึ๊ง คิดถึงป๋ามากๆ เลย”
เยาวดีสาวเสิร์ฟร้านอาหารตัดพ้อด้วยเสียงอ้อนๆ แล้วจับมือคมเวทย์ไว้แน่น ขณะที่เขาชะเง้อมองเข้าไปที่ภายในเสื้อยืดที่คว้านคอจนลึก ทำตาโตกับความนูนของเนินเนื้อทั้งสองข้างที่ถูกดันขึ้นมาถึงครึ่งเต้า เรียกเลือดในกายให้วิ่งพล่าน
“ขอโทษทีนะเยา กว่าผมจะหลบอีแก่ที่บ้านมาได้ก็แทบแย่ มันทำยังกับผมเป็นนักโทษที่ต้องควบคุมให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา”
เวลาอยู่ลับหลังกฤษณา เขาจะเรียกเธอว่าอีแก่ และพูดให้ร้ายเสมอเป็นการเรียกคะแนนสงสารจากบรรดาผู้หญิงนอกบ้าน แต่เขาไม่รู้ความจริงที่ว่า ผู้หญิงพวกนี้ไม่สนใจอะไร นอกจากเงินในกระเป๋าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ป๋าหล่อนี่ เมียก็เลยหวง”